28 มิ.ย. เวลา 13:30 • สุขภาพ

เตือนภัยคนรักสุขภาพ ความนิ่มของแคปซูลวิตามิน อาจแลกมาด้วยอันตรายที่ไม่คาดคิด

สิ่งหนึ่งที่ผมสังเกตเห็นคือความนิยมใน "แคปซูลนิ่ม" หรือ Softgel Capsules ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันปลา (Omega-3) วิตามินอี หรือแม้กระทั่งยาบางชนิด ด้วยรูปทรงที่เรียบมน กลืนง่าย และดูทันสมัย ทำให้หลายคนเลือกใช้โดยไม่ลังเล
1
แต่เคยสงสัยกันไหมครับว่า อะไรที่ทำให้เปลือกแคปซูลนั้นทั้งนิ่มและยืดหยุ่น คำตอบอาจทำให้คุณต้องหยุดคิดสักนิด เพราะเบื้องหลังความนิ่มนวลนั้น มีสารเคมีกลุ่มหนึ่งที่เรียกว่า "พลาสติไซเซอร์" (Plasticizers) ซ่อนอยู่ ซึ่งกำลังเป็นที่ถกเถียงในวงการแพทย์และวิทยาศาสตร์ถึงผลกระทบต่อสุขภาพของเรา
ก่อนจะไปถึงเรื่องที่น่ากังวล เรามาทำความรู้จักพระเอกของเรากันก่อนครับ แคปซูลนิ่มคือรูปแบบการนำส่งยาหรือสารอาหารที่เป็นของเหลวหรือน้ำมัน โดยบรรจุไว้ภายในเปลือกเจลาตินที่อ่อนนุ่มและปิดสนิท ข้อดีของมันมีหลายอย่างมาก เช่น
1. กลืนง่าย ด้วยผิวที่เรียบและลื่น ทำให้เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหากลืนยาเม็ดแข็งๆ
2. ปกป้องสารสำคัญ เปลือกที่ปิดสนิทช่วยป้องกันสารที่ไวต่ออากาศและแสงแดด เช่น น้ำมันปลา ไม่ให้เสื่อมสภาพเร็ว
3. เพิ่มการดูดซึม สำหรับสารบางชนิดที่ละลายในน้ำมัน การบรรจุในรูปแบบแคปซูลนิ่มจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมไปใช้ได้ดีกว่ายาเม็ดทั่วไป
4. ลดการระคายเคือง ยาบางชนิดอาจระคายเคืองกระเพาะอาหาร การห่อหุ้มด้วยแคปซูลนิ่มจะช่วยลดปัญหานี้ได้
ด้วยเหตุผลเหล่านี้ ไม่น่าแปลกใจที่แคปซูลนิ่มจะกลายเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและยาหลายชนิด
หัวใจของความนิ่มและยืดหยุ่นของเปลือกแคปซูลก็คือสารเคมีที่เรียกว่า "พทาเลต" (Phthalates) ซึ่งเป็นพลาสติไซเซอร์ชนิดหนึ่ง สารกลุ่มนี้ถูกใช้ในอุตสาหกรรมหลากหลายประเภท ตั้งแต่พื้นไวนิล ม่านห้องน้ำ ของเล่นเด็ก ไปจนถึงเครื่องสำอางอย่างน้ำหอมและสเปรย์ฉีดผม
1
ในทางการแพทย์ พทาเลตก็มีบทบาทสำคัญเช่นกัน โดยเฉพาะในการผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น สายน้ำเกลือ ถุงเลือด และที่สำคัญคือเป็นส่วนประกอบในเปลือกยาบางชนิด รวมถึงแคปซูลนิ่มด้วย
แต่สิ่งที่ทำให้พทาเลตตกเป็นจำเลยทางสุขภาพ ก็คือการที่มันถูกจัดเป็น "สารรบกวนการทำงานของต่อมไร้ท่อ" (Endocrine Disruptors) พูดง่ายๆ ก็คือ มันสามารถเข้าไปปั่นป่วนระบบฮอร์โมนในร่างกายของเราได้ ซึ่งฮอร์โมนนั้นเปรียบเสมือนผู้ควบคุมการทำงานแทบทุกอย่าง ตั้งแต่การเจริญเติบโต ระบบสืบพันธุ์ ไปจนถึงสมดุลต่างๆ ในร่างกายของเรา
ข้อมูลจากบทความอ้างอิงและงานวิจัยหลายชิ้นชี้ให้เห็นความเชื่อมโยงที่น่ากังวล เช่น
มีการศึกษาในสัตว์ทดลองพบว่าพทาเลตอาจส่งผลกระทบต่อพัฒนาการของระบบสืบพันธุ์ ภาวะเจริญพันธุ์ และสมดุลฮอร์โมน
นอกจากนี้บางการศึกษาในมนุษย์ ก็พบความ สัมพันธ์ (Association) ระหว่างการได้รับพทาเลตในระดับสูงกับความเสี่ยงต่างๆ เช่น ความผิดปกติแต่กำเนิดของทารก โรคภูมิแพ้ในเด็ก โรคหัวใจ หรือแม้กระทั่งภาวะดื้อต่ออินซูลินและการอักเสบเรื้อรัง
อย่างไรก็ตาม ผมต้องย้ำว่าวิทยาศาสตร์ยังคงต้องศึกษาเพิ่มเติมเพื่อทำความเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมด และปริมาณเท่าใดจึงจะถือว่าเป็นอันตรายต่อมนุษย์อย่างแท้จริง
เพราะว่าพทาเลตทุกตัวไม่ได้น่ากลัวเท่ากันนั่นเอง
ข่าวดีก็คือ พทาเลตซึ่งเป็นสารเคมีตระกูลใหญ่ที่มีสมาชิกหลายตัว และไม่ใช่ทุกตัวที่ถูกนำมาใช้ในแคปซูลนิ่มหรือมีอันตรายเท่ากัน มีบางตัวที่ปลอดภัย
กลุ่มที่ใช้ในยาและค่อนข้างปลอดภัย พทาเลตบางชนิดได้รับการอนุมัติให้ใช้ในทางเภสัชกรรม เช่น ไดเอทิลพทาเลต (DEP) ซึ่งเป็นชนิดที่พบบ่อยที่สุดในแคปซูลนิ่ม และถือว่ามีความเป็นพิษค่อนข้างต่ำเมื่อใช้ในปริมาณน้อย นอกจากนี้ยังมีชนิดอื่นๆ ที่ใช้เคลือบยาเม็ดเพื่อช่วยให้ยาผ่านกระเพาะอาหารไปแตกตัวที่ลำไส้ ซึ่งโดยทั่วไปถือว่าปลอดภัยเมื่อใช้อย่างถูกต้อง
กลุ่มที่ต้องจับตาเป็นพิเศษ พทาเลตบางตัว เช่น ไดบิวทิลพทาเลต (DBP) ถูกเชื่อมโยงกับปัญหาด้านระบบสืบพันธุ์และพัฒนาการอย่างชัดเจน จนปัจจุบันการใช้งานในยาถูกจำกัดอย่างเข้มงวด ส่วนตัวอื่นๆ เช่น DEHP มักพบในอุปกรณ์การแพทย์อย่างสายน้ำเกลือ ซึ่งก็มีการควบคุมอย่างรัดกุมเช่นกัน
ดังนั้น แม้แคปซูลนิ่มอาจไม่ใช่แหล่งรับพทาเลตที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตประจำวันของเรา (เมื่อเทียบกับพลาสติกและของใช้อื่นๆ) แต่ก็เป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญ โดยเฉพาะสำหรับคนที่ทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหลายชนิดเป็นประจำทุกวัน เพราะเป็นการรับสารเคมีสะสมเข้าร่างกายอย่างต่อเนื่องโดยไม่รู้ตัว แทนที่จะได้ประโยชน์กลับเป็นโทษซะอย่างนั้น
การกำกับดูแลในไทยและ "จุดบอด" ที่ต้องระวัง
สำหรับยาที่ต้องสั่งโดยแพทย์หรือเภสัชกร (Prescription Drugs) ทั้งในต่างประเทศและในประเทศไทย จะมีการควบคุมมาตรฐานที่เข้มงวดโดยหน่วยงานภาครัฐ เช่น องค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ (US FDA) หรือ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ของไทย ซึ่งจะมีการกำหนดปริมาณสูงสุดของส่วนประกอบต่างๆ ที่อนุญาตให้ใช้ได้ รวมถึงพทาเลตด้วย
แต่ "จุดบอด" ที่บทความที่ผมอ้างอิงกล่าวถึงและตรงกับสถานการณ์ในบ้านเราอย่างยิ่ง ก็คือตลาด "ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร" (Supplements) ซึ่งวางขายทั่วไปและผู้บริโภคสามารถซื้อหาได้เองโดยไม่ต้องมีใบสั่งยา การกำกับดูแลผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้อาจไม่เข้มงวดเท่ากับยา ทำให้เราไม่สามารถมั่นใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารทุกยี่ห้อในท้องตลาดจะควบคุมปริมาณพทาเลตอย่างเคร่งครัดหรือไม่
นั่นหมายความว่า หากคุณทานวิตามินรวมยี่ห้อ A น้ำมันปลายี่ห้อ B และสารสกัดบำรุงร่างกายยี่ห้อ C ที่ล้วนเป็นแคปซูลนิ่ม คุณอาจกำลังได้รับพทาเลตสะสมในแต่ละวันเกินกว่าระดับที่ปลอดภัยโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะเมื่อรวมกับการได้รับจากสิ่งแวดล้อมอื่นๆ ในชีวิตประจำวัน
ในฐานะผู้บริโภค เราจะดูแลตัวเองได้อย่างไร?
เมื่อทราบข้อมูลทั้งหมดนี้แล้ว ไม่ได้หมายความว่าเราต้องเลิกทานแคปซูลนิ่มไปเลยนะครับ แต่เราควรเปลี่ยนมาเป็น "ผู้บริโภคที่ชาญฉลาด" ซึ่งผมมีคำแนะนำง่ายๆ ดังนี้ครับ
1. อ่านฉลากให้เป็นนิสัย ลองพลิกดูส่วนประกอบอื่นๆ นอกเหนือจากตัวยาสำคัญ ผู้ผลิตบางรายอาจระบุชื่อสารเคมีที่ใช้เป็นส่วนประกอบในเปลือกแคปซูล หรืออาจมีคำว่า "Phthalate-Free" (ปราศจากพทาเลต) ซึ่งเป็นจุดขายสำหรับผู้ผลิตที่ใส่ใจเรื่องนี้
2. ดูฉลากไม่เป็นก็ไปปรึกษาเภสัชกร นี่คือวิธีที่ดีที่สุดครับ เมื่อคุณไม่แน่ใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใดๆ เภสัชกรสามารถช่วยคุณตรวจสอบส่วนประกอบ ให้ข้อมูลเปรียบเทียบระหว่างยี่ห้อต่างๆ หรือแนะนำทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าได้
3. ความพอดีคือสิ่งสำคัญ หลีกเลี่ยงการทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหลายชนิดพร้อมกันโดยไม่จำเป็น หากไม่แน่ใจว่าร่างกายต้องการสารอาหารใดเสริมเป็นพิเศษ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอนะครับ
วิทยาศาสตร์และองค์ความรู้ด้านสุขภาพมีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา สิ่งที่เราเคยคิดว่าปลอดภัยในวันนี้ อาจมีข้อมูลใหม่ๆ ออกมาในวันหน้า กรณีของพทาเลตในแคปซูลนิ่มก็เช่นกัน มันคือตัวอย่างที่ชัดเจนว่าความสะดวกสบายอาจต้องแลกมากับความเสี่ยงที่เราต้องตระหนักและเรียนรู้ที่จะจัดการ
หน้าที่ของเราในฐานะผู้บริโภคคือการเปิดรับข้อมูล ติดตามข่าวสาร และใส่ใจกับสิ่งที่นำเข้าร่างกายมากขึ้นอีกสักนิด แล้วพบกันใหม่ในบทความต่อไปครับ
แหล่งอ้างอิง:
Russell, C. (2025, June 12). How toxic are softgel capsules? Medical Xpress. Retrieved from https://medicalxpress.com/news/2025-06-toxic-softgel-capsules.html
โฆษณา