16 มิ.ย. เวลา 00:36 • นิยาย เรื่องสั้น

ขอจัดให้อีกครั้งชัดๆ “ขอมไม่ใช่เขมร”

#อัษฎางค์ยมนาค
“ขอมไม่ใช่เขมร” เป็นประเด็นที่มีรายละเอียดและความซับซ้อนทั้งในทางนิรุกติศาสตร์ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม ชาวเขมรในกัมพูชาเรียกตัวเองว่า “ขะแมร์” ซึ่งเป็นชื่อที่ใช้มาตั้งแต่ยุคโบราณ มีหลักฐานในศิลาจารึกตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 12 ที่ระบุว่าชาวเขมรเรียกตนเองว่า “เกฺมร” หรือ “แขฺมร” ในภาษาเขมรปัจจุบัน ส่วนชื่อประเทศก็ใช้ว่า “กัมพูชา” มาแต่โบราณ
▍ ขอม ≠ เขมร : เข้าใจใหม่ให้ถูกต้อง
“ขอมไม่ใช่เขมร” เป็นความจริงทางประวัติศาสตร์และภาษาศาสตร์ที่คนไทยจำนวนมากยังเข้าใจคลาดเคลื่อน ด้วยเหตุที่คำว่า “ขอม” ถูกใช้ในไทยมายาวนาน โดยไม่แยกแยะกับคำว่า “เขมร” ที่ชาวกัมพูชาใช้เรียกตนเอง เรามาเจาะลึกกันทีละประเด็น
▍1. “เขมร” คือชื่อชนชาติที่ชาวกัมพูชาเรียกตนเอง
• ชาวกัมพูชาเรียกตนเองว่า “แขฺมร” ตั้งแต่ยุคจารึกโบราณ
• คำนี้ปรากฏชัดในศิลาจารึกตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 12 ทั้งในอักษรเขมรและสันสกฤต
• ชื่อประเทศในภาษาเขมรคือ “กัมพูเจีย” (Kampuchea) ซึ่งมีรากศัพท์จากภาษาสันสกฤตว่า กัมพูชะ (Kambuja)
▍2. “ขอม” ไม่ใช่ชื่อที่ชาวเขมรใช้เรียกตนเอง
• คำว่า “ขอม” (Khom) ไม่ปรากฏในภาษาเขมร และไม่ใช่คำที่ชาวเขมรใช้เรียกตนเอง
• เป็นคำที่คนไท–ไต โดยเฉพาะในสุวรรณภูมิ ใช้เรียกกลุ่มชนหรือวัฒนธรรมที่รับอิทธิพลอินเดีย–เขมร เช่น รัฐละโว้ (ลพบุรี), ทวารวดี, หรืออารยธรรมในลุ่มเจ้าพระยา
• “ขอม” จึงเป็นเพียงคำเรียกทางวัฒนธรรม ไม่ใช่ชาติพันธุ์
▍3. “ขอม” เป็นคำวัฒนธรรม ไม่ใช่ชาติพันธุ์
• นักวิชาการไทย เช่น ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช, จิตร ภูมิศักดิ์ เห็นตรงกันว่า
“ขอม” คือกลุ่มวัฒนธรรม ไม่ใช่ชื่อเชื้อชาติ
• ใครก็ตามที่รับอิทธิพลฮินดู–พุทธแบบอินเดียจากอาณาจักรพระนคร ก็ถูกจัดอยู่ในวัฒนธรรม “ขอม” ได้ ไม่ว่าจะเป็นลพบุรี มอญ หรือกลุ่มอื่น ๆ
▍4. “เขมร” คือชนชาติ–ภาษา–อารยธรรม
• “เขมร” หรือ Khmer เป็นชื่อชนชาติที่สืบทอดมาจากอาณาจักรพระนคร
• เป็นผู้สร้างนครวัด นครธม และวัฒนธรรมเขมรสูงสุดในศตวรรษที่ 9–13
• คำว่า “Khmer” จึงมีความหมายชัดเจนทั้งในด้านชาติพันธุ์ ภาษา และอำนาจรัฐ
อย่างไรก็ตาม ในเชิงชาติพันธุ์–การเมืองสมัยใหม่:ไม่สามารถตีความว่า “เขมรทุกยุคทุกสมัยเหมือนกัน”
• “เขมรโบราณ” (Khmer Empire) เป็นจักรวรรดิที่มีความยิ่งใหญ่และหลากหลายชนชาติ ทั้งขอม มอญ ลาว และชนพื้นเมืองในภูมิภาค
• “กัมพูชาปัจจุบัน” คือรัฐสมัยใหม่ที่สืบทอดมรดกทางวัฒนธรรมจากอาณาจักรโบราณเหล่านั้น แต่มีขอบเขตอำนาจ การเมือง และประชากรที่เปลี่ยนไป
จุดโต้แย้งในไทย:
• คนไทยบางส่วนตั้งคำถามว่า “เขมรปัจจุบันมีสิทธิอ้างนครวัดในเชิงวัฒนธรรมหรือไม่” เพราะพื้นที่เคยอยู่ในเขตอิทธิพลของสยาม
• แต่ในทาง กฎหมายสากล และ หลักฐานทางประวัติศาสตร์ พื้นที่นครวัดอยู่ในกัมพูชา และเป็นสัญลักษณ์แห่งชาติของเขาในปัจจุบัน
▍5. คำว่า “ขอม” มีพัฒนาการตามยุคสมัย
→ ในจารึกโบราณของไทย เช่น จารึกวัดศรีชุม (สุโขทัย) คำว่า “ขอม” ใช้เรียกกลุ่มชนที่อยู่ทางใต้ของสุโขทัย โดยเฉพาะกลุ่มที่อาศัยในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ซึ่งอาจรวมถึงกลุ่มที่รับวัฒนธรรมแบบเขมรหรือมีความเกี่ยวข้องกับรัฐละโว้ (ลพบุรี) มากกว่าที่จะหมายถึง “เขมร” หรือชาวกัมพูชาโดยตรง
• ในจารึกเดียวกันนี้ หากต้องการกล่าวถึง “เขมร” จะใช้คำว่า “เขมร” หรือ “นักเกมรเทศ” แยกต่างหากจาก “ขอม” อย่างชัดเจน
• “ขอม” ในสมัยสุโขทัยจึงมีความหมายเฉพาะเจาะจงถึงกลุ่มคนทางวัฒนธรรม ไม่ใช่เชื้อชาติ และไม่ได้หมายถึงชาวเขมรในกัมพูชาเสมอไป
• ในจารึกวัดศรีชุม หากต้องการกล่าวถึงชาวเขมร จะใช้คำว่า “เขมร” โดยตรง ไม่ใช้คำว่า “ขอม” แทน
→ ในยุคอยุธยา ความหมายของคำว่า “เขมร” และ “ขอม” เริ่มมีความชัดเจนและแตกต่างกันมากขึ้นเมื่อเทียบกับยุคสุโขทัย
• “ขอม” ในยุคอยุธยา กลายเป็นคำที่คนไทยใช้เรียกชาวเขมรหรือชาวกัมพูชาโดยตรง แตกต่างจากยุคสุโขทัยที่ใช้ “ขอม” เรียกกลุ่มชนลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่างหรือกลุ่มที่รับวัฒนธรรมเขมร แต่ไม่ได้หมายถึงชนชาติเดียวกับเขมรในกัมพูชาโดยเฉพาะ. ในเอกสารประวัติศาสตร์และกฎหมายของอยุธยา เช่น กฎมณเฑียรบาล ก็ใช้คำว่า “ขอม” หมายถึงคนในดินแดนเขมรหรือกัมพูชา
▍ สรุป ความหมายของ “ขอม” ในจารึกและประวัติศาสตร์ไทย
• ในจารึกสุโขทัย เช่น จารึกวัดศรีชุม คำว่า “ขอม” ใช้หมายถึงกลุ่มคนที่อยู่ทางใต้ของสุโขทัย ซึ่งอาจหมายถึงรัฐละโว้หรือกลุ่มที่รับวัฒนธรรมเขมร
• ถ้าจะกล่าวถึงชาวเขมรจริง ๆ จารึกจะใช้คำว่า “เขมร” โดยตรง เช่น “นักเกมรเทศ”
• ในยุคอยุธยา คำว่า “ขอม” เริ่มถูกใช้แทน “เขมร” อย่างกว้างขวาง จนกลายเป็นคำเหมารวม
ถ้าเราเรียกชาวเขมรว่าขอม โดยไม่เข้าใจความหมายแท้จริง เราอาจกำลังสืบต่อความเข้าใจผิดที่มีผลทั้งเชิงประวัติศาสตร์และการเมือง
▍ สรุปอีกที
คนยุคสุโขทัยเรียกคนที่อาศัยในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ซึ่งรวมถึงรัฐละโว้ (ลพบุรี) ว่า “ขอม”
สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 ผู้ก่อตั้งกรุงศรีอยุธยา เป็นผู้สืบเชื้อสายมาจากละโว้
ละโว้ คือ ขอม ตามที่คนสุโขทัยเรียก
พอถึงยุคอยุธยารุ่งเรือง คนอยุธยากลับไปเรียกคนเขมรว่า ขอม
ทั้งที่ตอนต้น คำว่า ขอม หมายถึงคนที่อาศัยในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่างไปจรดทะเล ซึ่ง ละโว้-อยุธยา คือดินแดนที่อยู่ในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่าง
→ สรุป คนสุโขทัย เรียก ละโว้-อยุธยา ว่าขอม
แต่คนอยุธยา กลับเรียก เขมร ว่า ขอม
→ แต่เขมร ไม่เคยเรียกตัวเองว่า ขอม
→ เราไปยัดเยียดให้เขมรเป็นขอมมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว ทั้งที่เรานี่แหละคือ ขอม เพราะเราคือคนที่สืบเชื้อสายมาจากอยุธยา และอยุธยาก็เชื้อสายมาจากละโว้ ซึ่งคนยุคสุโขทัยเรียกชาวละโว้ว่า ขอม
▍ แถมเรื่อง ”ทวารวดี“ ปิดท้าย
นักประวัติศาสตร์สายหลักไม่นับไทยเป็นส่วนหนึ่งของทวารวดี และเชื่อว่า ทวารวดีเป็นเมืองของมอญ
แต่ผมเห็นว่า คนไทยควรนับทวารวดีเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ชาติไทย เพราะเป็นต้นทางของอารยธรรมและบ้านเมืองในดินแดนนี้
ผมเชื่อว่า แนวคิดของผม มีเหตุผลทางประวัติศาสตร์ที่สามารถพัฒนาเป็น แนวทาง “ประวัติศาสตร์แบบบูรณาการอัตลักษณ์” (Integrated Identity History)
→ ทวารวดีควรถูกรับรู้เป็น “รากวัฒนธรรมร่วมของไทย” ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้
ทวารวดีไม่ใช่อาณาจักรแบบรวมศูนย์ แต่เป็น “สหพันธ์รัฐ” หรือเครือข่ายเมืองรัฐอิสระที่มีความสัมพันธ์กันทางศาสนา เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม เมืองสำคัญอย่างละโว้ ศรีเทพ และนครปฐม
แล้วไปดูชื่อเต็มของอยุธยาดูซิจะพบว่ามีชื่อเต็มว่า "กรุงเทพมหานครบวรทวารวดีศรีอยุทธยามหาดิลกภพนพรัตนราชธานี บุรีรมยอุดมมหาสถาน"
”กรุงเทพมหานครบวรทวาราวดีศรีอยุทธยา“ บ่งบอกว่า อยุธยาสืบต่อมาจากทวารวดี
“ขอม” คือกลุ่มวัฒนธรรม ไม่ใช่ชื่อเชื้อชาติ
ส่วน ”ทวารวดี“ พูดให้เข้าใจง่ายๆ ว่าเป็นชื่อประเทศ
ละโว้-ศรีเทพ คือนครรัฐที่เป็นส่วนหนึ่งของทวารวดี
→ ผมไม่ได้บอกว่า ทวารวดี เป็นอาณาจักรของไทย 100% แต่นักวิชาการรุ่นเดอะเรียกทวารวดีว่าเป็น “สหพันธ์รัฐ”
ซึ่ง ทวารวดี ก็อาจจะเหมือน Khmer Empire หรือ เขมรโบราณ ที่เป็นจักรวรรดิที่มีความยิ่งใหญ่และหลากหลายชนชาติ ทั้งขอม มอญ ลาว ไทย และชนพื้นเมืองในภูมิภาค
→ อย่าลืมว่าพระราชมารดาของรัชกาลที่ 1 เป็นมอญผู้สูงศักดิ์ ย่อมแปลว่า ราชวงศ์จักรีมีเชื้อสายมอญอยู่ด้วย ไม่รวมความเป็นเชื้อสายจีนที่ผสมอยู่ด้วย
และคนไทยนับตั้งแต่อดีตกาลจนถึงในปัจจุบันมีเชื้อผสมหลากหลายชนชาติ ซึ่งรวมถึง จีนและมอญ และเคยมีการตรวจ DNA ของคนไทยแล้้วพบว่าเรามี DNA ของมอญผสมอยู่อย่างชัดเจน
คือที่พยายามจะบอกก็คือ ความเป็นไทย 100% ไม่มีหรือมีน้อย แต่ความเป็นคนไทยคือการผสมผสานที่หลากหลายจากชนพื้นเมืองในภูมิภาคมาตั้งแต่โบราณกาล
✦ การอ้างว่าทวารวดีไม่ใช่ไทยจึง สะท้อนมุมมองจำกัดแบบรัฐชาติสมัยใหม่ ซึ่งไม่ตรงกับโลกในอดีตที่ความเป็น “ไทย” ยังไม่เกิด
การที่ อยุธยา สืบต่อมาจากละโว้ และละโว้คือ ทวารวดี
ย่อมนับได้ว่า ทวารวดีเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ชาติไทย
ดังนั้น การนับทวารวดีเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ชาติไทย มีความเหมาะสมและมีเหตุผลรองรับอย่างชัดเจนในเชิงวัฒนธรรม อารยธรรม และชาติพันธุ์ แม้จะไม่ได้เป็น “อาณาจักรไทย” 100% ก็ตาม
→ ทวารวดี เก่าแก่กว่านครวัด
สรุปว่าดินแดนสุวรรณภูมิแห่งนี้ มีทวารวดีมาก่อนนครวัด
เขมรอย่ามาเคลมว่า เขมรรุ่งเรืองมาก่อนแล้วถูกไทยยึดไป
เพราะทวารวดีมาก่อนนครวัด
เอาเป็นว่า เดี๋ยวมาต่อตอนต่อไปเกี่ยวกับความเป็นไทยในทวารวดี
โปรดติดตามตอนต่อไป
โฆษณา