16 มิ.ย. เวลา 06:24 • ข่าวรอบโลก

📰 ทดสอบเขย่าบ้านพิมพ์ 3 มิติ! ครั้งแรกของโลก – ความหวังใหม่ลดต้นทุนสร้างบ้านต้านแผ่นดินไหว

🧱 3D Homes Shaking Test: A Groundbreaking Earthquake Experiment
🌍 เรื่องราวของเทคโนโลยีปฏิวัติวงการก่อสร้าง
ทีมนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยบริสตอล (University of Bristol) ในสหราชอาณาจักร ได้จัดการทดลอง “ครั้งแรกของโลก” โดยใช้โต๊ะจำลองแผ่นดินไหวขนาดใหญ่เพื่อทดสอบความปลอดภัยของบ้านที่สร้างด้วยเทคโนโลยี 3D Printing ในระดับโครงสร้างจริง (real-scale structure)
ศาสตราจารย์ Anastasios Sextos ผู้นำการวิจัยกล่าวว่า
✨ “นี่คือก้าวกระโดดครั้งใหญ่ของวงการวิศวกรรมแผ่นดินไหว ซึ่งจะช่วยให้เรารู้ว่าบ้านพิมพ์ 3 มิติจะใช้งานได้จริงในพื้นที่เสี่ยงภัยหรือไม่”
🏗️ เทคโนโลยีบ้าน 3 มิติ: เร็ว ยืดหยุ่น ประหยัด
บ้านที่ใช้ทดสอบสร้างขึ้นโดยใช้แขนกลที่พ่นวัสดุก่อสร้างเป็นชั้นๆ ตามแบบดิจิทัล ด้วยกระบวนการนี้ วัสดุที่ใช้จะน้อยลง ✅ ลดของเสีย ✅ ประหยัดต้นทุน ✅ และใช้เวลาน้อยลงในการก่อสร้าง
รศ. ดร. Raffaele De Risi เสริมว่า
🌀 “เทคโนโลยีนี้นอกจากยั่งยืน ยังสามารถเข้าถึงได้ง่าย เพราะรวดเร็วและไม่แพง”
🌋 โต๊ะจำลองแผ่นดินไหว – ใหญ่ที่สุดในสหราชอาณาจักร!
โต๊ะนี้สามารถ “เขย่า” อาคารในแนวนอนด้วยการจำลองแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวทุกระดับ David Williams ผู้จัดการห้องปฏิบัติการ SoFSI กล่าวว่า
🔩 “เราทดสอบได้ทุกอย่างที่สามารถยึดติดกับโต๊ะได้!”
ผลการทดสอบจะถูกส่งต่อไปยังนักออกแบบอาคาร เพื่อนำไปปรับปรุงความปลอดภัยต่อแผ่นดินไหวในอนาคต โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงภัยและประเทศกำลังพัฒนา
📌 ผลกระทบเชิงบวกต่อไทยและบทเรียนที่ควรนำมาใช้
ในบริบทของไทยซึ่งมีบางพื้นที่ เช่น เชียงราย เชียงใหม่ ตาก หรือพื้นที่แนวรอยเลื่อนแม่จัน–แม่ทา ที่มีความเสี่ยงแผ่นดินไหวในระดับปานกลางถึงสูง การนำแนวคิดนี้มาปรับใช้ จะช่วย:
🌱 ลดต้นทุนการสร้างบ้านในพื้นที่เสี่ยง
🛡️ เพิ่มความปลอดภัยของประชาชน
🔧 ส่งเสริมนวัตกรรมก่อสร้างที่ยั่งยืนและเข้าถึงได้ในวงกว้าง
รัฐบาลไทยและสถาบันการศึกษาควรพิจารณาสร้างศูนย์ทดลองลักษณะนี้ เพื่อพัฒนาองค์ความรู้ในประเทศอย่างยั่งยืน
📈 ผลกระทบต่อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET และ mai)
การพัฒนาเทคโนโลยีบ้าน 3 มิติและเครื่องจำลองแผ่นดินไหวระดับ real-scale อาจส่งผลโดยตรงหรือโดยอ้อมต่อหุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับ:
🎯 วัสดุก่อสร้าง 3D Printing
🎯 โครงสร้างเหล็กและคอนกรีตพิเศษ
🎯 บริษัทออกแบบบ้านอัจฉริยะและวิศวกรรมโครงสร้าง
หุ้นที่มีความเกี่ยวข้อง เช่น:
🔹 SEAFCO (บมจ. ซีฟโก้) | ธุรกิจ: รับเหมาก่อสร้างฐานราก
→ หากแนวโน้มการออกแบบบ้านเน้นโครงสร้างที่รองรับแรงสั่นสะเทือนได้ดี ความต้องการเทคโนโลยีฐานรากเฉพาะทางอาจเพิ่มขึ้น
🔹 SCC (บมจ. ปูนซิเมนต์ไทย) | ธุรกิจ: ผลิตวัสดุก่อสร้าง
→ หากวัสดุก่อสร้างสำหรับบ้านพิมพ์ 3 มิติกลายเป็นกระแสหลัก บริษัทอาจมีโอกาสต่อยอดการผลิตวัสดุเฉพาะทางที่ใช้กับ 3D Printer
🔹 STI (บมจ. สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์) | ธุรกิจ: ออกแบบ และบริหารงานโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่
→ บริษัทที่มีความเชี่ยวชาญด้านการบริหารงานก่อสร้าง หากสามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีบ้านพิมพ์ 3 มิติในกระบวนการออกแบบและบริหารงานก่อสร้างได้ จะมีข้อได้เปรียบด้านต้นทุนและเวลาในการดำเนินโครงการอย่างชัดเจน
🔹 ITD (บมจ. อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์) | ธุรกิจ: รับเหมาก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ทั้งในและต่างประเทศ
→ ด้วยขนาดบริษัทและความชำนาญในงานโครงสร้างขนาดใหญ่ ITD มีความเป็นไปได้ในการรับเทคโนโลยีก่อสร้างใหม่ เช่น บ้านพิมพ์ 3 มิติ มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนในระยะยาว
🔹 STECON (บมจ. สเตคอน กรุ๊ป) | ธุรกิจ: รับเหมาก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ทั้งภาครัฐและเอกชน
→ หากเทคโนโลยีบ้านพิมพ์ 3 มิติเริ่มถูกนำมาใช้จริงในอุตสาหกรรมก่อสร้าง บริษัทใหญ่อย่าง STECON ที่มีศักยภาพด้านวิศวกรรมและทรัพยากร จะสามารถเป็นแนวหน้าในการเปลี่ยนผ่านสู่เทคโนโลยีก่อสร้างยุคใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
🔹 GUNKUL (บมจ. กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง) | ธุรกิจ: ระบบไฟฟ้าและโซลาร์
→ บ้าน 3 มิติที่เน้นความยั่งยืนและพลังงานสะอาดอาจช่วยให้บริษัทที่ติดตั้งโซลูชันพลังงานทางเลือกได้ประโยชน์
🌐 บทสรุป: บ้านพิมพ์ 3 มิติ คืออนาคต
โครงการนี้ไม่เพียงท้าทายวงการวิศวกรรมโลก แต่ยังเปิดประตูสู่แนวทางใหม่ของ “บ้านที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน” โดยเฉพาะในประเทศที่เผชิญภัยธรรมชาติบ่อยครั้ง
🔖 Hashtags ที่เกี่ยวข้อง:
#บ้านพิมพ์สามมิติ #3DPrintedHomes #EarthquakeSimulation #เทคโนโลยีก่อสร้าง #ลดต้นทุนสร้างบ้าน #โครงสร้างต้านแผ่นดินไหว #SETstocks #mai #StockAtlas #BattleOfEconomies #WorldScope
📰 Reference: BBC News

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา