Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Witly. - เปิดโลกวิทย์แบบเบา ๆ
•
ติดตาม
23 มิ.ย. เวลา 00:00 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
🚦 คุณเป็นคนแบบไหน? จิตวิทยา ‘ไฟแดงตอนตีสาม’ ไขความลับว่าทำไมเราถึงยอมทำตามกฎ
คุณเคยเจอไฟแดงตอนตีสามไหมครับ? ถนนโล่ง ไม่มีรถ ไม่มีตำรวจ ไม่มีกล้อง... คุณจะฝ่าไป หรือจะยอมจอดรอ ทั้งที่รู้ว่ามันอาจทำให้คุณเสียเวลา และที่สำคัญคือ "ไม่มีใครเห็น"?
คำถามง่ายๆ นี้ซ่อนความลับที่ยิ่งใหญ่เกี่ยวกับพฤติกรรมมนุษย์เอาไว้ และอาจเป็นคำตอบว่า ทำไมสังคมของเราถึงยังคงอยู่รอดได้ แม้ในสถานการณ์ที่ไม่มีบทลงโทษใดๆ เลย
💡 สรุปสั้นๆ: ทำไมคนถึงทำตามกฎ?
จากงานวิจัยล่าสุด มนุษย์ทำตามกฎจาก 3 เหตุผลหลักคือ:
1. สิ่งจูงใจภายนอก: กลัวบทลงโทษ หรือต้องการรางวัล
2. ความคาดหวังทางสังคม: ทำตามเพราะเชื่อว่าคนอื่นก็ทำ และต้องการเป็นที่ยอมรับ
3. พันธสัญญาจากภายใน: คนกลุ่มหนึ่ง (ประมาณ 25%) เคารพกฎเพราะเชื่อว่า "กฎมีไว้ให้ทำตาม" โดยไม่สนปัจจัยอื่น
🧠 ปัจจัยภายนอก vs. ภายใน: อะไรคือเหตุผลที่แท้จริง?
"การทำตามหรือแหกกฎ คือพฤติกรรมพื้นฐานของสังคมมนุษย์" ไซมอน เกกเตอร์ (Simon Gaechter) จากมหาวิทยาลัยนอตทิงแฮม กล่าว แต่นักวิจัยกลับมีความเห็นต่างกันอย่างสิ้นเชิงว่า "ทำไม" เราถึงทำเช่นนั้น
เพื่อหาคำตอบที่ชัดเจน เกกเตอร์และทีมงานจึงได้ออกแบบการทดลองง่ายๆ ผ่านคอมพิวเตอร์ โดยให้ผู้เข้าร่วมกว่า 14,000 คน มีเงินเริ่มต้น 20 ดอลลาร์ และมีภารกิจคือเลื่อนวงกลมไปให้ถึงเส้นชัยเพื่อรับรางวัล แต่มีเงื่อนไขเดียวคือ: ต้องจอดรอที่สัญญาณไฟแดงจนกว่าจะเปลี่ยนเป็นสีเขียว
ทุกวินาทีที่จอดรอ เงินรางวัลจะลดลง 1 ดอลลาร์... นั่นหมายความว่า "การแหกกฎ" จะทำให้คุณได้เงินมากขึ้น และที่สำคัญที่สุดคือ ทุกการกระทำนั้นเป็นความลับโดยสมบูรณ์ ไม่มีใครเฝ้าดู ไม่มีใครรู้
คุณคิดว่าคนส่วนใหญ่จะทำอย่างไรครับ?
🤯 ผลลัพธ์ที่น่าประหลาดใจ: เมื่อการทำตามกฎหมายถึงการ "ขาดทุน"
ผลลัพธ์ที่ได้น่าทึ่งมากครับ แม้จะไม่มีแรงกดดันทางสังคม ไม่มีการลงโทษ และการทำตาม "กฎ" หมายถึงการ "ขาดทุน" แต่กลับมีผู้เข้าร่วมถึง 70% ที่ยังคงเลือกทำตามกฎ!
และแม้ว่าทีมวิจัยจะชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าการแหกกฎจะทำให้ได้เงินมากขึ้น แต่คนส่วนใหญ่ (เกือบ 60%) ก็ยังคงยอมปฏิบัติตาม "มันไม่มีแรงกดดันทางสังคม, เป็นความลับ, ไม่มีเหตุผลใดๆ เลยที่จะต้องทำตามกฎ แต่ถึงกระนั้น คนเกือบ 60% ก็ยังทำตาม" เกกเตอร์กล่าว
🔍 พลังของ "สายตาสังคม" (ที่มองไม่เห็น)
เพื่อให้เข้าใจอิทธิพลของความคาดหวังทางสังคมมากขึ้น ทีมวิจัยได้ถามผู้เข้าร่วมว่าพวกเขาคิดว่าคนอื่น "จะ" หรือ "ควรจะ" ทำตามกฎหรือไม่?
ผลปรากฏว่า คนที่เชื่อว่าคนอื่นจะปฏิบัติตามกฎ มีแนวโน้มที่จะปฏิบัติตามกฎด้วยเช่นกัน นี่แสดงให้เห็นว่าแม้จะอยู่คนเดียว มนุษย์เราก็ยังสร้างความเชื่อภายในใจเกี่ยวกับสิ่งที่สังคมยอมรับ และปรับพฤติกรรมของตัวเองตามนั้น ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้สังคมอยู่ร่วมกันได้
🔄 จุดหักมุม: การค้นพบมนุษย์กลุ่ม "ผู้ภักดีต่อกฎ"
แต่พลังของสังคมก็ไม่ได้ผลกับทุกคนครับ... และนี่คือการค้นพบที่สำคัญที่สุดของงานวิจัยชิ้นนี้
มีคนอยู่กลุ่มหนึ่ง คิดเป็น 25% หรือ 1 ใน 4 ที่เลือกทำตามกฎเสมอ... ไม่ว่าพวกเขาจะคิดว่าคนอื่นจะทำตามหรือไม่ และทั้งๆ ที่รู้ว่าการแหกกฎไม่ได้ทำร้ายใครนอกจากตัวเอง (ที่ได้เงินน้อยลง)
"นั่นแสดงให้เห็นถึงความเคารพต่อกฎจากภายใน" เกกเตอร์กล่าว "คุณแค่บอกกฎกับคนกลุ่มนี้ แล้วพวกเขาก็จะทำตามอย่างไม่มีเงื่อนไข"
คนกลุ่มนี้คือ "เสาหลักที่มองไม่เห็น" ของสังคม การมีอยู่ของพวกเขาทำให้กฎเกณฑ์ต่างๆ ยังคงศักดิ์สิทธิ์และทำงานได้ แม้ในสถานการณ์ที่ไม่มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด
⚖️ บทเรียนถึงผู้กำหนดนโยบาย: กฎหมายไม่ใช่แค่เรื่องการ "ลงโทษ"
ผลการทดลองทั้งหมดนี้ชี้ให้เห็นว่า แม้บทลงโทษจะช่วยเพิ่มการปฏิบัติตามได้ แต่ส่วนสำคัญของการยอมทำตามกฎนั้นมาจาก "ความคาดหวังทางสังคม" และ "พันธสัญญาจากภายใน"
นี่คือบทเรียนที่ชัดเจนสำหรับผู้กำหนดนโยบาย เพราะมันแสดงให้เห็นว่าแม้แต่กฎที่ไม่มีการบังคับใช้หรือเป็นเพียงสัญลักษณ์ ก็ยังมีผลกระทบที่ทรงพลังต่อพฤติกรรม "กฎหมายพูดกับสังคม มันมีอิทธิพลต่อความประพฤติ ไม่ใช่แค่ผ่านการขู่ว่าจะลงโทษ แต่ผ่านการแสดงออกถึงบรรทัดฐานและความคาดหวังที่สังคมมีร่วมกัน"
🏡 แล้วในสังคมไทยล่ะ?
แนวคิดนี้สะท้อนวัฒนธรรมไทยได้อย่างน่าสนใจครับ นอกเหนือจากกฎหมายบ้านเมือง เรามี "กฎสังคม" ที่มองไม่เห็นมากมายที่ควบคุมพฤติกรรมของเรา เช่น "ความเกรงใจ" ซึ่งเราปฏิบัติตามไม่ใช่เพราะกลัวโดนลงโทษ แต่เพราะแคร์ความรู้สึกของคนอื่นและต้องการรักษาสัมพันธภาพที่ดีในสังคม
อย่างไรก็ตาม "ความเกรงใจ" ก็เป็นดาบสองคม ในด้านหนึ่งมันคือ "พันธสัญญาจากภายใน" ที่ทำให้สังคมสงบสุข แต่ในอีกด้านหนึ่ง มันก็อาจทำให้เกิดการ "แหกกฎ" ได้เช่นกัน เช่น การไม่กล้าตักเตือนเพื่อนที่ทำผิดกฎจราจร หรือการอลุ่มอล่วยให้กับคนรู้จัก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความซับซ้อนของพฤติกรรมมนุษย์ที่ไม่ได้มีแค่ขาวกับดำ
🎯 สรุปประเด็นสำคัญ
✅ ความเชื่อที่เปลี่ยนไป: การทำตามกฎของมนุษย์ไม่ได้มาจากแค่การกลัวบทลงโทษหรือหวังรางวัลเสมอไป
✅ 1 ใน 4 คือผู้ภักดี: งานวิจัยค้นพบคนกลุ่มหนึ่ง (25%) ที่มี "ความเคารพต่อกฎจากภายใน" และจะปฏิบัติตามอย่างไม่มีเงื่อนไข แม้จะขาดทุนและไม่มีใครเห็น
✅ พลังแห่งการสะกิด: ความคาดหวังว่า "คนอื่นจะทำอย่างไร" มีอิทธิพลอย่างสูงต่อการตัดสินใจของเรา แต่การเห็นคน "แหกกฎ" มีพลังชักจูงมากกว่าการเห็นคน "ทำตามกฎ"
✅ บทเรียนถึงผู้ออกกฎหมาย: การออกแบบกฎหมายที่มีประสิทธิภาพไม่ใช่แค่การคำนวณต้นทุน-ผลประโยชน์ แต่ต้องเข้าใจว่ากฎหมายทำหน้าที่แสดงออกถึง "บรรทัดฐานร่วมกัน" ของสังคมด้วย
💖 มาช่วยกันขับเคลื่อน "Witly" กันครับ!
การทำความเข้าใจ 'กฎที่มองไม่เห็น' ซึ่งควบคุมพฤติกรรมและสังคมของเรา ต้องอาศัยการค้นคว้าและวิเคราะห์ที่ลึกซึ้ง...
เป้าหมายของ Witly ก็เช่นกัน คือการค้นคว้าและถอดรหัส 'กฎของธรรมชาติและวิทยาศาสตร์' ที่ซับซ้อน แล้วนำมาเล่าให้เป็นเรื่องที่ทุกคนเข้าใจ
ทุกการสนับสนุนผ่าน 'ค่ากาแฟ' ของคุณ คือพลังที่ช่วยให้เราสามารถทำภารกิจนี้ต่อไป เพื่อสร้างสังคมที่ขับเคลื่อนด้วยความเข้าใจ ไม่ใช่แค่การทำตามๆ กันไปครับ
💬 แล้วคุณล่ะครับ...
เคยมีครั้งไหนที่คุณตัดสินใจ "แหกกฎ" เล็กๆ น้อยๆ บ้างไหมครับ? (เช่น ข้ามถนนตอนไม่มีรถ ทั้งที่ไม่ใช่ทางม้าลาย) ตอนนั้นอะไรคือเหตุผลที่ทำให้คุณตัดสินใจแบบนั้น?
มาแบ่งปันมุมมองกันในคอมเมนต์... และถ้าเรื่องราวนี้น่าสนใจ กดบันทึกไว้อ่านทบทวน 📌 หรือแชร์ไปชวนเพื่อนๆ มาหาคำตอบด้วยกันนะครับ 👥
🔎 แหล่งอ้างอิง
1. Gächter, S., et al. (2025). Why people follow rules. Nature Human Behaviour.
http://doi.org/g9m6h4
วิทยาศาสตร์
พฤติกรรม
สังคม
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
NEWS BRIEF
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย