17 มิ.ย. เวลา 02:21 • ปรัชญา
ต้นเหตุ ที่มีทุกข์ เกิดมามีกายนี้เป็นทุกข์ ไม่เกิดเสียได้ก็หมดทุกข์..กายนี้ มันมีส่วนไหนที่เป็นสุขบ้าง อยากกิน ..กินแล้วมีความสุข หรือ กินแล้ว กายเป็นทุกข์ขึ้นมาอีก จิตที่อาศัยภายในกาย นั่นก็ต้องรับเวทนา จากกายสุขทุกข์ที่อารมณ์นั้นปรุงแต่ง ..ความเจ็บปวด นั้นก็เป็นอารมณ์ ความสุขนั้นก็เป็นอารมณ์ . ในอารมณ์ที่ปรุงแต่ง..อารมณ์นั้นปรุงแต่ง ไปทั้งขันธ์ห้า ..จิตก็ต้องมีสุขและทุกข์ด้วยอารมณ์ ที่ปรุงแต่งเกิดขึ้น . อารมณ์นั้นอยู่เหนือจิต เป็นลักษณะคล้าย กรงเล็บเหยี่ยว คือขันธ์ห้า ขยุ้มจิตอยู่
ตอนที่ร่างกายแข็งแรง .ก็มีมายาต่างๆ ใช้กายไปทำอะไรได้ แต่ก็มีสิ่งหนึ่ง ที่เกิดขึ้น มีความอยากได้ . แต่ก็ไม่ได้ดังใจปรารถนา ..ชีวิตนั่น..มองไม่ออก ว่า ..เหมือนเดินออกจากบ้าน ไปทำมาหากิน ..แต่ละวัน .มันก็มีอารมณ์ต่างเกิดขึ้น เรื่องนั้นเรื่องนี้ วิญญาณทั้งหก ที่ใช้ ก็บันทึกเก็บสะสม ..สีต่างๆสีเวรกรรม สีม่วง น้ำตาล เก็บลงไปเป็นอณูลงไปที่ธาตุทั้งสี่ เหมือนทาสีทับไปมา..พออยู่ นานไปกาย ก็หนัก เลือดลมเดินไม่สะดวก เส้นสายมันก็ตึงอุดตัน จิตก็ต้องรับทุกข์ ที่เกิดขึ้นมาที่กาย
กายนั้นเป็นกรรม กรรมแปลว่าหนัก แปลว่าเหว จิตก็ต้องอาศัยอยู่ในกายกรรม .พอมากเข้า มันหนักนี้ หนักเวรกรรม กายก็แปรสภาพ ..ค่อยผุพังไป เหมือนขับรถเก่าๆ อะไรมันผุพังไปหมด รอวันจอดสนิท ขยับเขยื้อนไม่ได้ ..นอนติดเตียง รอความตาย ..จิตออกจากกาย ..ยังไม่รู้ว่าจะทุกข์ขนาดไหน ..ขนาดยังไม่ตามยังทุกข์ทรมาน .สิ่งทั้งหลาย ดูเหมือนรู้จัก ..แต่จริงๆนั้น จิตไม่รู้จักเลย ..ได้แต่รู้จักไปตามอารมณ์ที่ปรุงให้ ก็หลงๆว่า รู้แล้วๆ
. .ผู้ที่รู้จักทุกข์จริงๆ ท่านหนีเข้าป่า ไปนั่งทำกายนิ่งๆ จิตเฉยๆ ..จนจิตนั้นพ้นทุกข์ . นั่งกายนิ่ง จิตเฉย ไม่ใช่ว่าจะไม่ทุกข์ ..ความทุกข์เกิดขึ้นที่กาย ท่านก็นั่งนิ่งเฉยๆ นั่งไปนั่งมา มีแสงสว่าง สีแดง สีเขียว เกิดขึ้น เกิดสิ่งที่เรียกว่า ปัญญาธรรมเกิดขึ้น ..ธาตุในกายเกิดเป็นแก้ว กายก็เป็นแก้ว วิญญาณทั้งหกเป็นแก้ว จิตก็มีแต่งแสวสีรัตนะ เต็มองค์ ..อารมณ์กรรมทั้งหลายอันตรธาน หายไป .ไม่เกิดขึ้นมาอีกเลย ..จิตก็พ้นทุกข์ .กายเป็นธรรม จิตเป็นธรรม
แต่นั้นแหละจิต..ที่ไปนั่งทำกายนิ่ง จิตเฉย คนเดียวในป่า ไม่มีอะไรติดตัวเลย ..ท่านสะสมบุญกุศลบารมี มาเป็นอสงไขยๆ บางองค์ก็สะสมมา ห้าหกสิบอสงไขย ..
โฆษณา