18 มิ.ย. เวลา 02:15 • ความคิดเห็น

เราอยากใช้ชีวิตแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน

ในงานสัปดาห์หนังสือที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสไปเซ็นหนังสือที่บูธของสำนักพิมพ์ KOOB อยู่สองครั้ง
ข้อดีของการเป็นนักเขียนที่คนยังไม่ค่อยรู้จัก คือมีนักอ่านมาต่อคิวให้เซ็นหนังสือไม่เยอะนัก ก็เลยมีโอกาสได้ใช้เวลากับแต่ละคนค่อนข้างนาน บางคน 5 นาที บางคน 15 นาที หรือมากกว่านั้นก็มี
เมื่อเขาเล่าชีวิตของตัวเองให้ฟังว่ากำลังเจอกับอะไรอยู่ หนึ่งในคำถามที่ผมชอบถามเขาก็คือ "แล้วเราอยากใช้ชีวิตแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน?"
1
คนที่ได้ยินคำถามนี้ก็มักจะอึ้งไปหนึ่งอึดใจ และส่วนใหญ่ก็จะตอบว่าคงไม่เกินปีสองปี
ผมเคยเขียนบทความ "คำแนะนำการใช้ชีวิตจากชายหนุ่มอายุ 21 ปี" ที่ Hunter S. Thompson ตอบจดหมายเพื่อนที่เขียนมาขอคำแนะนำเรื่องการใช้ชีวิต
1
"เราพยายามที่จะเข้าใจเป้าหมาย แต่เรากลับไม่ได้พยายามเข้าใจตนเอง เราตั้งเป้าหมายขึ้นมา และเป้าหมายนั้นก็เรียกร้องให้เราทำอะไรบางอย่าง แล้วเราก็ลงมือทำสิ่งเหล่านั้น เราเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อตอบสนองต่อข้อเรียกร้องของเป้าหมาย ซึ่งผมว่ามันไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย
4
ตอนที่คุณเป็นเด็ก คุณอาจเคยอยากเป็นนักดับเพลิง แต่ตอนนี้ผมค่อนข้างมั่นใจว่าคุณไม่ได้อยากเป็นนักดับเพลิงแล้ว ทำไมล่ะ? เพราะมุมมองของคุณได้เปลี่ยนไปแล้วยังไงล่ะ นักดับเพลิงไม่ได้เปลี่ยนไปเลย คนที่เปลี่ยนคือคุณต่างหาก... มันจึงเป็นเรื่องไม่ฉลาดเท่าไหร่ที่เราจะปรับแต่งชีวิตของเราเพื่อให้สอดคล้องกับสิ่งที่เป้าหมายเรียกร้อง เพราะมุมมองที่เรามีต่อเป้าหมายนั้นเปลี่ยนไปทุกวัน
...ถ้าคุณกำลังท้อแท้ คุณก็มีเพียงสองทางเลือก นั่นคือยอมรับสิ่งต่างๆ อย่างที่มันเป็น หรือไม่อย่างนั้นก็ต้องเสาะแสวงหาหนทางใหม่อย่างจริงจัง แต่ขอเตือนว่าอย่าเผลอไปแสวงหาเป้าหมาย แต่ขอให้แสวงหา way of life – จงตัดสินใจว่าคุณอยากจะมีชีวิตแบบไหน แล้วค่อยดูว่าคุณจะทำอะไรได้บ้างในการหาเลี้ยงชีพเพื่อที่จะได้มีชีวิตอย่างที่คุณอยากมี"
2
ย่อหน้าสุดท้ายนี่ผมถือว่าเป็น 'ประโยคทองคำ' – คือเราไม่ควรแสวงหาเป้าหมาย แต่ควรถามตัวเองว่าอยากมีชีวิตแบบไหน แล้วพยายามออกแบบชีวิตให้เป็นไปตามนั้น
3
ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องง่าย อาจเป็นเรื่องที่ยากมากๆ หรือแทบจะเป็นไปไม่ได้สำหรับบางคนด้วยซ้ำ
แต่ถ้าคุณกำลังอ่านบทความนี้อยู่ สมมติฐานของผมก็คือ คุณน่าจะอยู่ในกลุ่มที่มีทางเลือกในชีวิตมากกว่าที่คิดไว้
เวลาที่เราคิดว่าเราไม่มีทางเลือก หรือชีวิตกำลังจนมุม ขอให้เราสำรวจตัวเองว่าเป็นเราเองหรือไม่ที่เลือกเดินเข้ามุมนี้เอง
อาจเป็นภาระหลายอย่างที่เราสร้างไว้ เช่นรถที่ซื้อ บ้านที่ผ่อน โรงเรียนที่ส่งลูกเรียน
อาจเป็นเป้าหมายที่เราเคยตั้งไว้ เช่น จะมีเงินเดือนเท่านั้นเท่านี้ จะมีเงินเก็บเท่านั้นเท่านี้ จะวิ่งทำเวลาให้ได้เท่านั้นเท่านี้
หรือบางอย่างก็เป็นหน้าที่ที่ไม่ควรละเลย เช่น การดูแลญาติผู้ใหญ่ในบ้าน
พันธนาการเกิดขึ้นแล้วก็ต้องทำหน้าที่สะสางกันไป แต่ถามว่าเราลดภาระลงได้มั้ย คำตอบส่วนใหญ่คือ "ทำได้" ถ้าเรากล้าเอ่ยปากขอความช่วยเหลือ ถ้าเราสนใจสายตาคนอื่นน้อยลง ถ้าเราไม่ขยันเพิ่มภาระ และถ้าเราไม่ยึดติดกับเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ตอนที่ยังไม่ได้เข้าใจอะไรมากเท่าตอนนี้
1
เมื่อชีวิตอยู่เกินวัยกลางคน ทักษะสำคัญที่เราต้องเรียนรู้ คือการสร้างสมดุลระหว่างการทำเพื่อปัจจุบันกับการทำเพื่อวันพรุ่งนี้
2
เพราะวันพรุ่งนี้ยังเป็นเพียงจินตนาการ ไม่มีอะไรการันตีว่ามันจะมาถึง
มีเพียงวันนี้ตอนนี้เท่านั้นที่เราพอจะรู้ว่ามันมีอยู่จริง และประสบการณ์วันต่อวันที่รวบยอดก็จะเป็นคำตอบว่าเรามีชีวิตที่ดีหรือไม่ มีชีวิตที่น่าพอใจหรือเปล่า
3
"เราอยากใช้ชีวิตแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน?"
ถ้าคำตอบคือ "อยากใช้ชีวิตแบบนี้ไปอีกนานๆ" แสดงว่าเราน่าจะมาถูกทาง และถ้าวันนี้ดี ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลถึงวันพรุ่งนี้ให้มากนัก
แต่ถ้าคำตอบคือ "ไม่แน่ใจ" ก็อาจถึงเวลาที่ต้องปรับหรือเปลี่ยนอะไรบางอย่างแล้วครับ
โฆษณา