18 มิ.ย. เวลา 22:58 • การศึกษา

วิเคราะห์เชิงลึก: ประจันตคีรีเขตร(เกาะกง) กับ ข้อเรียกร้องอธิปไตยของไทย

หมายเหตุ: — โดยจะพิจารณาในหลายมิติ ทั้งด้านประวัติศาสตร์, กฎหมายระหว่างประเทศ, ภูมิรัฐศาสตร์ และความเป็นจริงในปัจจุบัน เพื่อให้เห็นภาพรวมของประเด็นนี้อย่างรอบด้าน
ข้อถกเถียงเรื่อง "ประจันตคีรีเขตร" หรือจังหวัดเกาะกงของกัมพูชาในปัจจุบัน เป็นประเด็นที่หยั่งรากลึกในความทรงจำทางประวัติศาสตร์ของชาติไทย การวิเคราะห์ว่า "กัมพูชาต้องคืนให้ไทย" หรือไม่นั้น จำเป็นต้องแยกแยะระหว่าง "ความจริงทางประวัติศาสตร์และความรู้สึกของชาติ" กับ "สถานะทางกฎหมายระหว่างประเทศและความเป็นจริงในปัจจุบัน"
1. มิติทางประวัติศาสตร์: ทำไมไทยจึงมองว่าเกาะกงคือดินแดนของเรา?
ข้อเรียกร้องของฝ่ายไทยมีรากฐานทางประวัติศาสตร์ที่แข็งแกร่งและปฏิเสธไม่ได้:
* การเป็นส่วนหนึ่งของสยาม: ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น พื้นที่เกาะกงและตราดเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรสยามอย่างชัดเจน มีเจ้าเมืองที่สยามแต่งตั้งดูแล
* การสถาปนาอย่างเป็นทางการ: จุดที่สำคัญที่สุดคือในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.4) ทรงมีพระบรมราชโองการยกบ้านเกาะกงขึ้นเป็นเมืองชื่อ "เมืองประจันตคีรีเขตร" ในปี พ.ศ. 2398 (ค.ศ. 1855) พร้อมกับเมืองปัจจันตคีรี (เกาะเสส) และแต่งตั้งพระยาพิชัยสงครามเป็นเจ้าเมืองคนแรก การตั้งชื่อภาษาไทยและจัดระเบียบการปกครองอย่างเป็นทางการนี้ คือหลักฐานที่ชัดเจนที่สุดของการมีอธิปไตยของสยามเหนือดินแดนดังกล่าว
* ประชากร: ในยุคนั้น ประชากรในพื้นที่ประกอบด้วยชาวไทยสยาม, ชาวจีน และชาวเขมร ซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของสยาม
ดังนั้น ในมิติทางประวัติศาสตร์ "เกาะกงเคยเป็นของไทย" คือข้อเท็จจริงที่ไม่สามารถโต้แย้งได้ และนี่คือบ่อเกิดของความรู้สึกสูญเสียและความไม่เป็นธรรมที่ฝังลึกอยู่ในใจของคนไทยจำนวนมาก
2. จุดเปลี่ยน: การสูญเสียดินแดนให้แก่ฝรั่งเศส
การเปลี่ยนแปลงสถานะของประจันตคีรีเขตร เกิดขึ้นในยุคแห่งการล่าอาณานิคมของชาติตะวันตก
* สนธิสัญญาไทย-ฝรั่งเศส ค.ศ. 1904 (พ.ศ. 2446): นี่คือจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่สุด สยามในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.5) ถูกฝรั่งเศสกดดันอย่างหนัก สยามต้องยอมลงนามในสนธิสัญญาเพื่อแลกกับการที่ฝรั่งเศสจะถอนทหารออกจากจันทบุรี โดยสยามต้องยอม "ยกเมืองประจันตคีรีเขตรและเมืองตราด" รวมถึงดินแดนฝั่งขวาของแม่น้ำโขง (ตรงข้ามหลวงพระบางและปากเซ) ให้กับฝรั่งเศส
* สนธิสัญญาไทย-ฝรั่งเศส ค.ศ. 1907 (พ.ศ. 2449): ต่อมามีการทำสนธิสัญญาอีกฉบับ สยามได้ "เมืองตราดและด่านซ้าย" คืนมา แต่ต้องแลกกับการยกดินแดน "มณฑลบูรพา" ส่วนใน คือ พระตะบอง, เสียมราฐ และศรีโสภณ ให้กับฝรั่งเศส ซึ่งต่อมากลายเป็นส่วนหนึ่งของกัมพูชา
สรุปประเด็นสำคัญ:
สยามไม่ได้ "ยก" เกาะกงให้กัมพูชาโดยตรง แต่ "เสีย" ให้กับ "ฝรั่งเศส" ซึ่งเป็นเจ้าอาณานิคมของอินโดจีนในขณะนั้น และฝรั่งเศสได้ผนวกดินแดนนี้เข้าเป็นส่วนหนึ่งของกัมพูชาในอารักขา
3. มิติทางกฎหมายระหว่างประเทศ: ทำไมการเรียกร้องคืนจึงแทบเป็นไปไม่ได้?
แม้ประวัติศาสตร์จะอยู่ข้างไทย แต่ในเวทีโลกปัจจุบัน กฎหมายระหว่างประเทศเป็นปัจจัยชี้ขาด ซึ่งไม่เอื้อต่อการเรียกร้องของไทยเลย ด้วยเหตุผลดังนี้:
* หลักสัญญาต้องเป็นสัญญา (Pacta Sunt Servanda): สนธิสัญญาที่สยามได้ลงนามกับฝรั่งเศส แม้จะเกิดขึ้นภายใต้แรงกดดัน (ซึ่งเป็นเรื่องปกติของการทูตในยุคนั้น) แต่ก็เป็นสนธิสัญญาที่มีผลผูกพันทางกฎหมาย เมื่อลงนามและให้สัตยาบันแล้ว ทั้งสองฝ่ายต้องปฏิบัติตาม
* หลักการสืบทอดรัฐ (State Succession): เมื่อกัมพูชาได้รับเอกราชจากฝรั่งเศส กัมพูชาในฐานะรัฐเอกราชใหม่ ย่อมสืบทอดสิทธิและเขตแดนที่เคยถูกกำหนดไว้ในสมัยอาณานิคม นี่เป็นหลักการสากลที่ยอมรับกันโดยทั่วไปเพื่อป้องกันความวุ่นวายจากการรื้อฟื้นเขตแดนในอดีต
* หลักกฎหมายปิดปาก (Principle of Estoppel): ประเทศไทยยอมรับและปฏิบัติตามแนวเขตแดนนี้มาเป็นเวลากว่า 100 ปี มีการติดต่อสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาโดยยอมรับว่าเกาะกงเป็นส่วนหนึ่งของกัมพูชามาโดยตลอด การนิ่งเฉยไม่โต้แย้งอย่างเป็นทางการเป็นเวลายาวนานนี้ ในทางกฎหมายถือว่าเป็นการยอมรับโดยพฤตินัย ทำให้ไทย "ถูกปิดปาก" ไม่สามารถยกข้อเรียกร้องในอดีตขึ้นมาอ้างได้อีก
* บรรทัดฐานจากคดีเขาพระวิหาร (Preah Vihear Case): คดีปราสาทพระวิหารเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด ศาลโลกตัดสินให้ปราสาทเป็นของกัมพูชาโดยอิงจากหลักฐานที่ว่า "สยามยอมรับแผนที่ที่ฝรั่งเศสจัดทำขึ้น" ซึ่งแสดงว่าปราสาทอยู่ในเขตกัมพูชา หากนำคดีเกาะกงขึ้นสู่ศาลโลก ก็แทบจะแน่นอนว่าศาลจะใช้หลักการเดียวกัน คือยึดถือตามสนธิสัญญาและพฤติกรรมการยอมรับเขตแดนของไทยในอดีต
4. มิติทางภูมิรัฐศาสตร์และความเป็นจริงในปัจจุบัน
หากตัดเรื่องกฎหมายออกไป การเรียกร้องคืนในทางปฏิบัติก็ยังคงเป็นไปไม่ได้:
* ประชากรในพื้นที่: ปัจจุบันประชากรในจังหวัดเกาะกงเป็นพลเมืองกัมพูชา พวกเขาพูดภาษาเขมร มีวัฒนธรรมและสำนึกในความเป็นชาวกัมพูชา การเปลี่ยนแปลงอธิปไตยจะสร้างปัญหาด้านสิทธิมนุษยชนและสังคมอย่างมหาศาล
* ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ: การรื้อฟื้นข้อเรียกร้องดินแดนจะนำไปสู่ความขัดแย้งรุนแรงกับกัมพูชา ทำลายความสัมพันธ์ในกรอบอาเซียน และสร้างความไม่มั่นคงตามแนวชายแดน
* ประชาคมระหว่างประเทศ: จะไม่มีประเทศใดในโลกสนับสนุนการเรียกร้องของไทย เพราะเป็นการทำลาย "หลักความมั่นคงของเส้นเขตแดน" (Stability of Borders) ซึ่งเป็นรากฐานของสันติภาพในระบบรัฐชาติสมัยใหม่
บทสรุป
* ในเชิงประวัติศาสตร์และอารมณ์ความรู้สึก: ใช่, ประจันตคีรีเขตร (เกาะกง) เคยเป็นดินแดนของสยามอย่างสมบูรณ์ และการสูญเสียไปเป็นผลมาจากแรงกดดันของมหาอำนาจในยุคล่าอาณานิคม ความรู้สึกเสียดายและต้องการ "ของรัก" คืนจึงเป็นเรื่องที่เข้าใจได้
* ในเชิงกฎหมายและหลักปฏิบัติสากล: ไม่, ประเทศไทยไม่สามารถเรียกร้องเกาะกงคืนได้ ข้อตกลงในสนธิสัญญา, การยอมรับเขตแดนมาอย่างยาวนาน, และหลักกฎหมายระหว่างประเทศได้ "ปิดประตู" สำหรับข้อเรียกร้องนี้ไปแล้วโดยสิ้นเชิง
ดังนั้น ข้อกล่าวอ้างที่ว่า "กัมพูชาต้องคืนเกาะกงให้ไทย" จึงเป็นเพียง วาทกรรมเชิงชาตินิยมที่อิงกับประวัติศาสตร์ในอดีตแต่ไม่อาจเกิดขึ้นได้จริงในโลกปัจจุบัน การยอมรับความจริงทางประวัติศาสตร์ควบคู่ไปกับการเคารพกฎเกณฑ์ระหว่างประเทศในปัจจุบัน คือแนวทางที่ดีที่สุดในการมุ่งสร้างความสัมพันธ์อันดีและแสวงหาผลประโยชน์ร่วมกันตามแนวชายแดนต่อไปในอนาคต.
กรภัทร์ จิติสกล
19 มิถุนายน 2568
#ชีวิตสำคัญที่เป้าหมาย วิธีคิด และการกระทำ
โฆษณา