28 มิ.ย. เวลา 04:00 • ไลฟ์สไตล์

เมื่อจะซื้อรถใหม่

แหม ใช้รถคันนี้มาได้รวมๆ10กว่าปีแล้ว กิเลสก็งอกงามสิครับ
2
อยากได้คันใหม่แระ
เดี๋ยวก่อน คันเก่ามันยังใช้ได้ดีอยู่มิใช่ฤา?
แม่น มันยังใช้ได้ดีอยู่ เข้าศูนย์ดูแลรักษาตลอด ไม่ได้เว้น
แล้วจะเปลี่ยนทำไมฤาถ้ามันยังใช้ได้?
จั่วหัวไว้แล้วไงว่ากิเลสล้วนๆ
...
ครับ กิเลสจริงๆ
ถึงจะบอกว่ากิเลสก็เถอะ แต่ความเป็นจริงคือลูกๆโตขึ้นทุกวัน จากที่นั่งกันสบายๆก็เริ่มเบียดกันไปมา ทะเลาะกันบ่อย ไม่มีใครยอมใคร
ยิ่งถ้าแม่บ้านมาด้วยยิ่งแล้วใหญ่ นั่งกันไม่พอ
อีกอย่าง รถอายุประมาณนี้มันจะเริ่มมีการซ่อมมากขึ้นด้วยเพราะเริ่มมีเสียงดังออกมาให้ได้ยินว่า เอ๊ะ มีอะไรหรือเปล่าวะนั่น
ใจจริงอยากจะยืดการใช้งานออกไปก่อน รอให้จบประถมกันทั้งหมดก่อนแล้วค่อยซื้อใหม่ แต่เห็นว่าอาจจะเกินการไปนิด ค่าตัวที่ยังพอเหลืออยู่อาจเหลือแค่ค่าซากได้
ลองไปประเมินราคาดูบ้างแล้ว ยังได้อยู่ โปะซื้อคันใหม่ไหว
ยังเสียดายมันอยู่นะ ใช้งานดีจริง จุกจิกแทบไม่มี แฟนว่า
จริง หาเทียบยากนะ แต่อย่างว่าลูกๆก็โตขึ้นทุกวันมันนั่งกันไม่พอจริงๆ
แฟนพยักหน้าเห็นด้วย
...
ผมกลับไปคุยกับที่บ้านดูเพื่อถามความเห็น
ที่บ้านไม่ได้ว่าอะไรเพราะผมก็เคยเกริ่นล่วงหน้ามาบ้างแล้วสัก2-3ปีก่อน เจ๊แค่ถามว่าดูรุ่นไหนไว้บ้าง
ผมก็บอกไป
เจ๊พยักหน้ารับแล้วสำทับว่าคันเก่าก็ไปตีราคามา หรือจะขายให้เจ้าประจำก็ดีนะ คุ้นกันดี
คุยเรียบร้อยก็ได้เวลาหาคันใหม่จริงจังสักที
เล็งดูมาสัก2-3ปีก่อนแล้วแต่ยังไม่ค่อยถูกใจนัก เลยได้แค่ดู ไม่ได้ออกแรงหา มีแต่ดูรีวิวตัวเลือกต่างๆไว้คร่าวๆอย่างสเปครถและพ่วงด้วยคอมเมนต์ของคนที่ใช้งานรถรุ่นนั้นๆ
คุยมาแล้วก็ต้องดูตัวเลือกแบบจริงจังซะที
ผมดูเอาไว้ได้หลายคันตามงบประมาณคร่าวๆที่เตรียมเก็บเงินมาไว้ล่วงหน้ามาแล้วหลายปี
คราวนี้เปิดค้นข้อมูลต่างๆประกอบการตัดสินใจ ดูรีวิวประกอบกันไปด้วยแบบเจาะลึก พ่วงด้วยศูนย์บริการ
ตัดตัวเลือกออกไปได้หลายคันอยู่ ที่เหลือยังไม่มีเวลาไปลอง ได้แค่เดินดูตามที่มีมาโชว์ตามห้าง
ครั้นพอมีเวลาบ้างเลยออกไปลองรถตามโชว์รูมหลายๆที่
ปกติผมจะให้แฟนเป็นคนลองขับเพราะเขาต้องขับไปส่งลูกๆที่โรงเรียนกับเรียนพิเศษ ส่วนผมนั่งทดสอบตรงจุดที่คิดว่านั่งสบายน้อยที่สุดเพื่อให้รู้ว่าถ้ามีคนนั่งจะเป็นอย่างไร
ลิสต์ในใจถูกตัดออกไปเรื่อยๆ ทั้งจากราคาแพงเกินงบ ไม่ก็ขับหรือนั่งแล้วไม่ชอบใจ และบางคันที่ชอบก็ใหญ่เกิน
สุดท้ายเหลืออยู่2คันเป็นรถน้ำมันกับไฮบริด
อ้าว ไม่เอาEVหรือ?
ขอบายก่อนครับ ไม่มีที่จอดเอง ต้องเช่า แถมแถวบ้านมีที่ชาร์จน้อยมาก รวมทั้งผมกับแฟนไม่ไว้ใจEVด้วย เลยเหลือชอยส์แค่นี้
ใจผมเอียงไปทางไฮบริดเพราะคันที่เล็งไว้นั่งสบายกว่า ครอบคลุมการใช้งานที่ต้องการ แต่ข้อติงของผมคือเพราะมันเป็นไฮบริดที่อาจดูแลยากกว่าและค่าบำรุงรักษากับประกันก็น่าจะสูงขึ้นตามไปด้วย
ยังครับ ยังไม่ตัดสินใจ
ผมกลับมาหาข้อมูลกับรีวิวเพิ่มแล้วก็พาลูกๆไปลองนั่ง สรุปคือลูกๆชอบไฮบริดมากกว่าตามที่ผมคาดไว้แต่แรก
ไฮบริดมันขับดี นั่งสบาย แต่มันดูก๊องแก๊งไปนิด คันน้ำมันนั่งไม่สบายนักแต่ขับดีกว่า ดูถึกทนและดูแลก็น่าจะง่ายกว่า ว่าแต่คุณก็ตัดสินใจเองก็แล้วกัน
แฟนบอกทิ้งท้าย
ผมยังคิดไม่ตกเพราะดีกันคนละอย่าง ชอบทั้งคู่ แต่ที่เอียงไปไฮบริดเพราะคิดเสมอว่าต่อไปอนาคตคงได้ใช้ไฮบริดชัวร์แถมยังแล้วชอบมากกว่าเพราะนั่งสบาย
เอาล่ะวะ
...
คุณแน่ใจแล้วนะ?
ฮื่อ คันนี้ล่ะ
ผมชี้ไปที่ไฮบริด
ฉันว่ามันดูกระป๋องเกิน ดูแล้วรู้สึกว่าไม่ทนทาน เหล็กก็ดูบ๊างบาง
ก็จริง
ฉันเห็นของคนแถวบ้านเป็นรถแบบนี้แต่คนละยี่ห้อ คันนั้นดูถึก เหล็กก็ดูหนาดี
อืมม์
เดี๋ยวนี้เราเองขับรถระวังก็จริงแต่คนอื่นล่ะ ชนเปรี้ยงขึ้นมารถยู่จนอันตรายถึงตัว ข่าวก็เยอะนาคุณ
มันดูที่โครงสร้างรถนะเธอ โครงสร้างถ้าดีเราก็ปลอดภัย ไม่ได้เกี่ยวกับเหล็กหนาหรือบาง แต่เอาเหอะเดี๋ยวฉันจะลองไปหาข้อมูลเรื่องนี้อีกที
อ้อคุณ อีกอย่างคันนั้นเป็นรถน้ำมัน คุณเองก็บอกว่ามันดูแลง่ายกว่า ไม่จุกจิกอะไร
(อันนี้ผมพยักหน้าเห็นด้วยเพราะจุดประสงค์หลักแต่แรกคือจะซื้อรถน้ำมันเป็นลำดับต้นๆ)
แต่ทั้งคู่ขับดีใช้ได้นะ ยังไงคุณก็ลองเลือกดูอีกทีแล้วกันนะ
แฟนทิ้งท้ายอีกรอบ
ผมเลยกลับมานั่งคิดกับสิ่งที่แฟนบอกมา
ผมต้องมาหาข้อมูลเรื่องความปลอดภัยของรถเพิ่ม พอเจอก็นั่งดูแล้วส่งให้แฟนดูด้วย
แฟนนั่งดูเรียบร้อยแล้วออกความเห็นแบบฟันธงลงมาว่าเอาคันน้ำมันเหอะ ดูมันถึกทนดี ขับก็ดีด้วย
แต่แถวหลังมันนั่งไม่ค่อยดีนะเธอ
ช่วยไม่ได้ มันดูปลอดภัยกว่าเยอะเลย
ก็จริง
ฉันก็ชอบเจ้าไฮบริดนะ แต่พอมาคิดถึงเรื่องโครงสร้างความปลอดภัยของรถแล้วนี่สิ...
นั่นสินะ สรุปเป็นคันน้ำมันก็แล้วกัน อ้อ แล้วเรื่องสีล่ะ?
สีที่คุณว่าก็ไม่เลวนะ สวยดี สว่างด้วย รถจะได้ไม่ร้อน
โอเคตามนั้น
...
เมื่อเลือกรถได้แล้วก็เริ่มต่อรองกับเซลส์
อันนี้ผมยกหน้าที่ให้แฟนไปเลย ขี้เกียจไปบี้เพราะเขาน่าจะทำได้ดีกว่าผมชัวร์
ส่วนผมมีหน้าที่ไปดูว่าเงินที่เก็บมามีเท่าไหร่แล้ว ต้องผ่อนอีกเท่าไหร่ นานไหม เพราะเพื่อนที่เคยทำลิสซิ่งชอบบอกว่าไอ้ที่ดอกเบี้ย0%น่ะตีค่ากลับมาก็ตกราวๆ7-8% ส่วนเวลาผ่อนดีที่สุดไม่ควรเกิน3-4ปี นั่นล่ะจัดว่าคุ้ม
ผมก็ไม่อยากให้นานครับ อยากรีบปิดยอดมากกว่าจะได้ไม่ต้องกังวลอะไรต่อไป
...
ต่อรองกันมานานก็เรียบร้อย นัดวันมัดจำรถและวันไปรับรถตามระเบียบ
ตอนที่เขียนอยู่นี่ยังไม่ได้ไปรับรถครับ ยังตกแต่งรายละเอียดต่างๆอยู่รวมถึงเอกสารที่ต้องใช้ ไหนจะติดต่อคนรับซื้อคันเก่าด้วย
จัดไปให้เรียบร้อยก่อน รับรถแล้วจะได้ไม่มีปัญหาทั้งเรื่องเงินกับเรื่องเอกสาร
จากที่เขียนมา พี่น้องเห็นอะไรไหมครับ?
...
...
...
ผมว่าพี่ๆน้องๆในนี้คงสังเกตเห็นได้ชัด
...
ผมเคยให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องการตัดสินใจไว้แล้ว(ตามลิงค์ข้างล่าง)เช่น เวลาจะซื้อรถสักคัน ผู้ชายอย่างเราๆไม่ใช่คนตัดสินใจครับว่าจะเอาคันไหน ยี่ห้ออะไร สีอะไร
แต่เป็นบรรดาคุณเธอทั้งหลายนี่ล่ะที่ชี้นิ้วตัดสินใจอยู่เบื้องหลังว่าจะเอาอะไรต่างหาก
คุณเธอทั้งหลายมีวิธีการพูดและหว่านล้อมให้เราเห็นดีเห็นงามไปด้วยโดยใช้เหตุผลต่างๆประกอบกัน และเหตุผลที่ว่าผู้ชายเราเองก็มักจะมองข้ามไปเสมอ ทั้งที่มันก็อยู่ตรงหน้า
ผู้ชายอย่างเราจึงมักจะเถียงไม่ออก ต้องกลับไปหาข้อมูลกันให้ควั่กก่อนมาเสนอใหม่
แต่เมื่อคุณเธอบอกการตัดสินมาแล้ว มันก็คือข้อเสนอที่มิอาจปฏิเสธได้จ้า 55
...
เอางี้ ผมจะยกตัวอย่างอีกอันหนึ่งประกอบก็แล้วกัน
คือหลายปีก่อนที่บ้านจะซื้อรถคันใหม่ คุยเรียบร้อยว่ายี่ห้ออะไร รุ่นไหน ส่วนเรื่องสีตอนแรกก็ลงความเห็นว่าจะซื้อสีเงิน ทุกคนก็ตอบตกลง แล้วก็พากันไปลองนั่งดูว่าโอเคไหม
นั่งทดสอบกันเรียบร้อยก็รอคุยกับเซลส์
พอม้าไปเดินดูรถในโชว์รูมแล้วเดินไปคุยกับเซลส์ คุยกันสักพัก
สีรถที่ตกลงไว้เปลี่ยนเป็นสีเทาไปในทันใดแบบเหตุผลว่าม้าเบื่อสีเงินว่ะ
อ่า ก็ได้อ่ะม้า สีเทาก็ดี เบื่อสีเงินแล้วเหมือนกัน
ทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวตามม้า นั่นรวมถึงป๊าด้วย
เหตุผลเพราะมันเป็นเรื่องที่เปลี่ยนใจกันได้และไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร
แค่ตกลงกันมาดิบดีดันมาเปลี่ยนเอากลางคันเพราะม้าเบื่อสีนั้นเท่านั้นเอง
ม้าพูดคำเดียวก็เปลี่ยนหมด
แต่กับหลายคนมันไม่ใช่ครับ ทะเลาะกันด้วยเรื่องนี้ก็มีเยอะ แค่บ้านผมไม่ได้ถืออะไรนัก
เคสผมก็เหมือนกัน ไม่ได้แตกต่าง
ไหนว่าผมชอบคันไหนก็ให้ผมตัดสินใจไงวะ
โถ สุดท้ายก็แฟนผมนี่ล่ะที่เป็นคนตัดสินเอง ไม่ใช่ผม 555
ผมแค่นำเสนอข้อมูลประกอบการตัดสินใจเท่านั้น มะได้เป็นคนตัดสินใจอ่ะ
...
ขอบอกไว้เลยนะพี่น้อง
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า...
ผู้หญิงน่ะ เธอใหญ่เกินกว่าเราผู้ชายมาก มากกว่าที่ผู้ชายอย่างเราจะคิดถึงครับ
จำไว้ให้ดีๆเน้อ
จะได้ไม่มีปัญหาในชีวิตครับพี่น้อง
...
ป.ล.1 จากข้างบนที่กล่าวมา ผมไม่ได้หมายความว่าผู้หญิงคือเผด็จการทางความคิดหรือประเภทยื่นคำขาดว่าจะเอาอย่างนี้ก็ต้องได้อย่างนี้ ผมเพียงต้องการจะบอกว่าผู้หญิงมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจชองผู้ชายอย่างเราๆมากจนไม่น่าเชื่อ และเหตุผลของผู้หญิงที่บอกเล่าก็ไม่ใช่เรื่องที่ไร้เหตุผลมากขนาดนั้นเสียด้วย บางทีผู้ชายอย่างเราๆนี่เองที่เหตุผลคือตามแต่ใจตัวเองมากกว่าอย่างอื่น
ป.ล.2 ผู้หญิงหว่านล้อมเก่งกว่าผู้ชายมากครับ เหตุผลเยอะจริง แถมยังเห็นภาพชัดเจนแบบพูดเถียงได้ไม่เต็มปากอีกด้วย
ป.ล.3 เถียงมากเดี๋ยวจะต้องระเห็ดไปนอนนอกห้องเอานะ อิอิ
...
อันนี้เป็นลิงค์เรื่องเกี่ยวกับผู้หญิงที่เหนือกว่าผู้ชายที่ผมเขียนไว้ครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา