20 มิ.ย. เวลา 06:30 • ข่าว

ยูเอ็นเผยแผนที่ ระบุกัมพูชาเป็นฐานสแกมเมอร์ออนไลน์ระดับโลก

สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) เผยในรายงานว่ากัมพูชาเป็นศูนย์กลางอาชญากรรมไซเบอร์ระดับโลก โดยมีเส้นทางการเงินเชื่อมโยงกับกลุ่มชนชั้นนำทางการเมือง
1
ยูเอ็นเผยแผนที่ ระบุกัมพูชาเป็นฐานสแกมเมอร์ออนไลน์ระดับโลก
รายงานข่าวกรองระหว่างประเทศและของสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ยืนยันว่ากัมพูชากลายเป็นพื้นที่สำคัญสำหรับปฏิบัติการฉ้อโกงทางไซเบอร์ ซึ่งต่างจากความเข้าใจทั่วไปที่ว่าพม่าเป็นศูนย์กลางในภูมิภาค โดย UNODC ได้จัดทำแผนที่ศูนย์กลางการหลอกลวงทั่วโลก ซึ่งเผยให้เห็นภาพรวมของกิจกรรมเหล่านี้
สำหรับการขยายตัวของศูนย์กลางการหลอกลวง แผนที่ของ UNODC ระบุอย่างชัดเจนว่ามีศูนย์กลางการหลอกลวงหลายแห่งตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่สีหนุวิลล์ ซึ่ง UNODC ระบุว่าเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการหลอกลวงที่ใหญ่ที่สุดในกัมพูชา นอกจากนี้ เมืองชายแดนอย่างปอยเปตที่อยู่ตรงข้ามอำเภออรัญประเทศของไทย ก็กลายเป็นฐานยุทธศาสตร์สำหรับเครือข่ายอาชญากรที่ต้องการเจาะตลาดไทย
2
อุตสาหกรรมการหลอกลวงไม่ได้จำกัดอยู่เพียงพื้นที่ชายแดนอีกต่อไป แต่ได้ขยายตัวเข้าสู่เมืองหลักๆ รวมถึงกรุงพนมเปญ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศ เมืองบาเว็ต และจังหวัดพระสีหนุ สิ่งนี้เน้นย้ำถึงขนาดและการหยั่งรากลึกของกิจกรรมอาชญากรรมไซเบอร์ภายในกัมพูชา
1
หนึ่งในข้อกังวลหลักของประชาคมระหว่างประเทศและ UNODC คือหลักฐานที่เพิ่มขึ้นซึ่งชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงทางการเงินที่ชัดเจนระหว่างชนชั้นนำทางการเมืองของกัมพูชาและอุตสาหกรรมการหลอกลวงที่กำลังเติบโต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "ศูนย์กลางการหลอกลวง" ที่ดำเนินงานภายใต้หน้ากากของธุรกิจที่ถูกกฎหมาย
1
ตัวอย่างที่โดดเด่นคือ LYP Group ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทที่ถือสัมปทานในเขตเศรษฐกิจพิเศษเกาะกงของกัมพูชา กลุ่มนี้ถูกสหรัฐฯ คว่ำบาตรและขึ้นบัญชีดำเนื่องจากถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับการทุจริต การค้ามนุษย์ การบังคับใช้แรงงาน และการฉ้อโกงออนไลน์
ในกรณีที่มีความละเอียดอ่อนทางการเมือง นายฮุนโต หลานชายของอดีตนายกรัฐมนตรีฮุน เซน ได้ถูกกล่าวหาว่าพัวพันกับการหลอกลวงออนไลน์ขนาดใหญ่ รวมถึงการยักยอกสินทรัพย์ดิจิทัลกว่า 49,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2564 เขาถูกเชื่อมโยงกับ Huione Group ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ที่ถูกกล่าวหาว่าทำธุรกรรมทางการเงินที่ผิดกฎหมาย รวมถึงการฟอกเงินและการโจรกรรมทางไซเบอร์ทั่วทั้งภูมิภาค
พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เปิดเผยเมื่อวันที่ 16 มิถุนายนว่า ตำรวจไซเบอร์ไทยได้พบความเชื่อมโยงทางการเงินระหว่างการพนันออนไลน์ในประเทศและเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กับบริษัทในต่างประเทศที่เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับกิจกรรมการฟอกเงิน
การสอบสวนของเครือข่ายบังคับใช้กฎหมายอาชญากรรมทางการเงิน (FinCEN) ของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า Huione Group ทำหน้าที่เป็นช่องทางทางการเงินที่สำคัญสำหรับเงินที่ได้มาโดยมิชอบจากการโจรกรรมทางไซเบอร์ของเกาหลีเหนือ และการหลอกลวงขนาดใหญ่ที่เรียกว่า "pig butchering" (การหลอกให้เหยื่อลงทุนก่อนที่จะยักย้ายเงินออกไป) ระหว่างเดือนสิงหาคม 2021 ถึงมกราคมที่ผ่านมา Huione Group ฟอกเงินจำนวนมหาศาล รวมถึง 37 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการโจมตีทางไซเบอร์ของเกาหลีเหนือ และ 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการฉ้อโกงทางไซเบอร์รูปแบบอื่นๆ
รัฐบาลสหรัฐฯ ได้บังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรเพื่อสกัดกั้นเครือข่ายนี้ โดยห้ามสถาบันการเงินของสหรัฐฯ ทั้งหมดทำธุรกรรมกับ Huione Group นอกจากนี้ เทเลแกรมยังได้ลบช่องทางหลายพันช่องที่เชื่อมโยงกับ Huione Guarantee ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มในเครือที่ถูกกล่าวหาว่าอำนวยความสะดวกกิจกรรมทางอาญา และธนาคารแห่งชาติกัมพูชาได้เพิกถอนใบอนุญาตของ Huione Pay ด้วยเหตุผลการละเมิดกฎระเบียบ
จากสถานการณ์นี้ ทำให้หลายฝ่ายเรียกร้องให้รัฐบาลไทยไม่ควรอนุญาตให้กัมพูชานำข้อพิพาทเรื่องพรมแดนกับไทยขึ้นสู่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศเพียงลำพัง แต่ควรนำปัญหาที่กัมพูชาปิดบังไว้ ซึ่งตอนนี้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก เช่น ธุรกิจสีเทา แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และบทบาทของกัมพูชาในฐานะศูนย์กลางการฉ้อโกงออนไลน์ระดับโลก ไปเสนอต่อสหประชาชาติด้วย เนื่องจากปัญหาเหล่านี้สร้างความเดือดร้อนไปทั่วโลก ในขณะที่บุคคลผู้ทรงอิทธิพลในกัมพูชายังคงกอบโกยผลกำไรมหาศาล.
อ่านข่าวเพิ่มเติม https://www.thairath.co.th/news/foreign
โฆษณา