Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Thai Burma railway ทางรถไฟสายมรณะ
•
ติดตาม
22 มิ.ย. เวลา 04:07 • ประวัติศาสตร์
อนุสรณ์สถานม้าศึกกองทัพญี่ปุ่น ณ วัดศรีสวรรค์สังฆาราม
อนุสรณ์สถานม้าศึกกองทัพญี่ปุ่น ณ วัดศรีสวรรค์สังฆาราม อนุสรณ์สำหรับรำลึกม้าศึกของทหารญี่ปุ่นกว่า 30 ชีวิตที่ต้องจบลงพร้อมกันหลังสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุด
ที่มาของอนุสรณ์สถานแห่งนี้ต้องย้อนกลับไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
ในการรบช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นอกจากยานพาหนะทางทหารที่ต้องใช้เครื่องยนต์ในการขับเคลื่อน เช่น รถถัง ยานยนต์ ยานเกราะ จักรยานยนต์
สัตว์พาหนะ เช่น ม้า และ ช้าง ยังถูกใช้ในการรบในสงครามในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย
สัตว์ประเภทม้าเป็นสัตว์พาหนะที่สำคัญในภูมิประเทศที่ทุรกันดาล เพราะสามารถใช้ขี่ได้ ใช้บรรทุกยุทโธปกรณ์และยุทธปัจจัยได้ด้วย และในบางครั้งถ้าทหารขาดแคลนอาหารม้ายังเป็นอาหารให้กับทหารที่หิวโหยได้
ภาพของ ร้อยเอก อิโนอูเอะ กำลังขี่ม้า
ในการรบช่วงสงครามโลกครั้งที่สองของกองทัพญี่ปุ่นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
กองทัพญี่ปุ่นเคลื่อนทัพรุกไล่กองทัพอังกฤษจนไปถึงชายแดนพม่า อินเดีย การรบดุเดือด
อย่างที่ได้กล่าวมา ม้าก็ยังคงเป็น พาหนะ ซึ่งมีความสำคัญในการรบ ในแต่ละกองพลของญี่ปุ่นจึงมีทหารการสัตว์ที่ดูแลสัตว์จำพวกม้าติดตามไปด้วย
อิโนอุเอะ
ในกองพลที่ 53 ซึ่งอยู่ภายใต้กองทัพที่ 33 ของญี่ปุ่น ก็มีหน่วยทหารการสัตว์ไปด้วย หนึ่งในนั้นคือ ร้อยโท Tomoyoshi Inoue โทโมโยชิ อิโนอุเอะ 井上朝義 (ภายหลังติดยศร้อยเอก)
ประวัติของ อิโนอุเอะ เกิดในปี 1921 ที่เมือง Yamaguchi ประเทศญี่ปุ่น
เรียนจบการอบรมเกี่ยวกับสัตว์แพทย์ เข้าร่วมกองทัพและศึกษาต่อในโรงเรียนสัตว์แพทย์ของกองทัพญี่ปุ่น
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เขาได้เป็นนายทหารการสัตว์ สังกัดกองพลที่ 53 และได้ร่วมในยุทธการยูโก หรือการรบที่สมรภูมิ imphal
การรบที่สมรภูมิ Imphal จบลงด้วยการพ่ายแพ้ของกองทัพญี่ปุ่น จนต้องถอนกำลังออกนอกพื้นที่ ทหารหลายคนเสียชีวิตระหว่างรบ และก็มีอีกหลายคนเสียชีวิตในระหว่างถอนกำลัง เนื่องจากความอดอยาก และโรคภัย ตลอดจนการบาดเจ็บ
ทหารญี่ปุ่นที่ถอนกำลังจากสมรภูมิ Imphal
อิโนอุเอะ ก็เป็นหนึ่งในทหารที่ป่วยจากไข้มาลาเรีย อาการของเขาหนักมาก มีอาการสมองอักเสบไม่ได้สติ เพื่อนทหารช่วยกันพาเขาเดินทางออกจากสนามรบและเดินทางมาถึงขุนยวม แม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็นระยะทางที่ไกลมาก
อิโนอุเอะได้รับการรักษาตัวจนอาการดีขึ้นเรื่อยๆ หน่วยของเขาได้เดินทางถึงเชียงใหม่วันที่ 10 สิงหาคม 1945
15 สิงหาคม 1945 กองทัพญี่ปุ่นประกาศยอมจำนน สงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลงในขณะที่ อิโนอุเอะและหน่วยของเขาอยู่ที่เชียงใหม่
ทหารญี่ปุ่นทุกคนต้องตกเป็นเชลยศึก และถูกปลดอาวุธ ซึ่งหน่วยของ อิโนอุเอะ ถูกส่งตัวจากเชียงใหม่โดยรถไฟไปยังจังหวัด พิษณุโลก
และจากพิษณุโลก ถูกส่งตัวไปถึง นครสวรรค์ ช่วงเดือนกันยายน 1945 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวนี้
ทหารญี่ปุ่นที่มาอยู่ที่จังหวัด นครสวรรค์นั้น เป็นเชลยศึกภายใต้การดูแลของกองกำลังสัมพันธมิตร
ค่ายเชลยศึกญี่ปุ่นของกองบังคับการกรมทหารราบที่ 8 ตั้งอยู่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา ตามแผนที่ที่ทางทหารญี่ปุ่นได้วาดไว้ ค่ายแห่งนี้น่าจะอยู่ในพื้นที่ระหว่าง ตลาดศรีนครและวัดศรีสุวรรณ ( ต้องหาผู้รู้มาช่วยตอบคำถามและยืนยันต่อไป)
แผนที่ที่วาดขึ้นโดยทหารญี่ปุ่น
เทียบกับแผนที่ GGM
อิโนอูเอะ ได้กล่าวว่า เขาซึ่งเป็นนายทหาร นายทหารชั้นประทวน 2 นาย และพลทหารประมาณสิบนาย ถูกมอบหมายโดยนายทหารอังกฤษ ชื่อร้อยเอก John ให้พวกเขาแยกค่ายมาอยู่ฝั่งทางด้านตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา
โดยทหารญี่ปุ่นกลุ่มนี้สร้างกระท่อมเล็กๆ อยู่ ในบริเวณพื้นที่ลานกว้างของค่ายทหารไทย ( เข้าใจว่าน่าจะอยู่ฝั่งตะวันตกของค่ายจิรประวัติ ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา)
หน้าที่ของเชลยศึกญี่ปุ่นกลุ่มนี้คือดูแลม้าสายพันธุ์ที่นำมาจากญี่ปุ่นและม้าท้องถิ่นในประเทศไทย(หรือม้าแกลบ)จำนวนประมาณ 30 ตัว ซึ่งกองกำลังสัมพันธมิตรได้ยึดม้าเหล่านี้จากทหารญี่ปุ่น
โดยร้อยเอก John นายทหารสัมพันธมิตร ที่ดูแลเชลยศึกญี่ปุ่น ได้ให้ทั้งอาวุธและกระสุนปืนจำนวนหนึ่งเพื่อป้องกันตัว เพราะช่วงนั้นมีโจรชุกชุม ตลอดจนเตรียมอาหาร และสิ่งของที่ต้องใช้งาน ให้แก่เชลยศึกญี่ปุ่นกลุ่มนี้
การตกเป็นเชลยศึกของกลุ่มอิโนอูเอะ ดูจะไม่ได้เคร่งเครียดและลำบากมากนัก
เป็นการดูแลม้าเป็นส่วนใหญ่ บ่อยครั้งที่อิโนอูเอะมักจะได้รับหน้าที่ ให้ขี่ม้าไปนอกเมืองพร้อมกับร้อยเอกจอห์นอยู่เป็นประจำ
ในหลายโอกาสเมื่อพบกับคนไทย ที่เจ็บป่วย เขาก็ได้มอบยารักษาโรคให้กับคนไทย หนึ่งในครอบครัวคนไทยที่ อิโนอูเอะได้มอบยารักษาโรคให้
จนทำให้ครอบครัวชาวนครสวรรค์ครอบครัวหนึ่งมีความสนิทสนม กับอิโนอูเอะเป็นอย่างมาก
ก็คือครอบครัวของคุณภูริ ศรีไกร(หากชื่อหรือนามสกุลผิดขออภัยเนื่องจากของญี่ปุ่นเขียนชื่อแบบนี้ครับ プリ・シークライ )
ภาพของคุณ ภูริ
คุณภูริ มีลูกสาวชื่อคุณสำเนียง หรือ ที่อิโนอุเอะเรียกชื่อเล่นว่า เนียง
เพื่อแทนคำขอบคุณให้แก่ อิโนอูเอะ คุณสำเนียงได้ปักผ้าที่มีลวดลายเกือกม้า ที่มีรูปหัวม้าอยู่ตรงกลาง และปักข้อความว่า T inoue ก็คือชื่อของ Tomoyoshi inoue นั่นเอง มีใบไม้และดอกซากูระทั้งสองข้าง
คุณสำเนียง
เวลาล่วงเลยผ่านไปจนถึงปี 1946 ช่วงประมาณเดือนกุมภาพันธ์ นายทหารชั้นยศพันเอกของญี่ปุ่น ได้เรียกตัว อิโนอูเอะเข้าไปยังค่ายเชลยศึกหลัก พร้อมกับสั่งการว่า
ให้ อิโนอูเอะ สังหารม้าแกลบที่มีอยู่ทั้งหมดประมาณ 30 ตัว ยกเว้นม้าพันธุ์ที่นำมาจากญี่ปุ่น
ผู้บังคับบัญชาอ้างว่าเป็นคำสั่งของนายทหารสัมพันธมิตร ให้สังหารม้าเพราะม้าไร้ประโยชน์แล้ว
เนื่องจากอิโนอูเอะและเชลยศึกญี่ปุ่นคนอื่นๆ จะต้องเดินทางไปยังจังหวัดนครนายก ไปสมทบกับเชลยศึกญี่ปุ่นส่วนใหญ่ที่นั่น เพื่อรอส่งตัวกลับประเทศญี่ปุ่นต่อไป
( นครนายก หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นค่ายสำหรับกักกันเชลยศึกญี่ปุ่นขนาดใหญ่)
อิโนอูเอะ พยายามที่จะทัดทานคำสั่งนี้ แต่พันเอกที่เป็นนายทหารอาวุโสบอกว่านี่คือคำสั่งจากนายทหารสัมพันธมิตร
ถึงแม้สงครามจะจบลงแล้วแต่ทหารญี่ปุ่นยังยึดมั่นในคำสั่งของผู้บังคับบัญชา อิโนอูเอะ จึงต้องจำใจที่จะทำตามคำสั่งคือ ทำการสังหารม้า
เริ่มจากเขาได้สั่งให้ทหารภายใต้บังคับบัญชาขุดหลุมขนาดใหญ่ มีความลึกพอประมาณ ห่างจากอาคารที่พักของพวกเขาไปทางตะวันออกเฉียงใต้ราว 500 เมตร
จากนั้นทหารก็เริ่มต้อนม้าลงไปในหลุมขนาดใหญ่ ม้าเป็นสัตว์ฉลาด เมื่อถูกต้อนลงหลุมสัญชาติญาณการเอาชีวิตรอดก็เกิดขึ้นทันที ม้าเริ่มวิ่งพล่านไปทั่วหลุมขนาดใหญ่ที่ขุดเตรียมไว้
ทหารภายใต้การบังคับบัญชาของ อิโนอุเอะ ยิงปืนไปยังจุดสำคัญตรงหน้าผากของม้า เพื่อไม่ให้ม้าทรมาน แต่ก็มีกระสุนบางนัดที่พลาดไม่ถูกจุดสำคัญ และไม่สามารถสังหารม้าได้ทันที ม้าที่ถูกยิงและยังไม่ตายก็ยิ่งวิ่งชนขอบหลุมเพื่อหาทางหนี เลือดนองไปทั่วหลุม เป็นภาพที่น่าเวทนา
ก่อนที่ลมหายใจสุดท้ายของม้าจะมาถึง แววตาที่ม้ามอง อิโนอุเอะ ทำให้เขาไม่สามารถที่จะลืมเรื่องราวนี้ได้
เขาโกรธมากที่มีคำสั่งให้สังหารม้า เพราะเวลาที่ใช้งานม้าในช่วงสงครามทหารญี่ปุ่นก็ใช้งานมันอย่างหนัก แต่พอมันหมดความต้องการกลับฆ่ามันเสีย แต่เขาก็ไม่สามารถขัดคำสั่งนี้ได้
ม้าสายพันธุ์ท้องถิ่นแถบประเทศไทยที่ถูกใช้งาน
หลังจากเหตุการณ์นี้เขาได้เดินทางไปที่นครนายก และสุดท้ายก็เดินทางกลับประเทศญี่ปุ่นทางเรือ
เมื่อกลับถึงญี่ปุ่น ภาพของม้าที่ถูกสังหาร ความเจ็บปวดทรมาน และแววตาของม้าที่มองดู อิโนอูเอะ ก่อนที่จะสิ้นใจ ตามหลอกหลอนตัวเขาตลอดเวลา ที่ญี่ปุ่นเขาไปทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ม้าเหล่านี้บ่อยครั้ง
เวลาล่วงเลยไป อิโนอูเอะ ยังคงจำเรื่องราวนี้ได้ตลอดเวลา และเขาอยากที่จะกลับมายังนครสวรรค์เพื่อไถ่บาป แลเพื่อส่งดวงวิญาณของม้าเหล่านี้ให้ไปสู่ภพภูมิที่สงบ
อิโนอูเอะ ในวัยชรา 64 ปี คิดว่าหากเขาไม่มาในตอนช่วงชีวิตที่ยังพอที่จะเดินทางได้ อีกไม่นานเขาคงไม่สามารถมาได้
ปี 1985 หรือ 40 ปีหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 จบลง อิโนอูเอะ ได้เดินทางมายังประเทศไทยเพื่อตามหาสถานที่ที่ม้ากว่า 30 ชีวิตได้ถูกสังหารและฝังกลบ และหากมีโอกาส เขาก็อยากตามหาครอบครัวของคุณ ภูริ ชาวไทยที่สนิทสนมมาเมื่อครั้งช่วงสงคราม
1
อิโนอุเอะ ได้เดินทางมาประเทศไทย และมุ่งหน้าไปที่จังหวัดนครสวรรค์พร้อมกับล่าม
เขาได้ค้นหาบ้านของครอบครัวคนไทยที่เขาสนิทที่สุดคือ ครอบครัวของคุณภูริ ซึ่งเขาพบว่าคุณภูริเสียชีวิตไปแล้ว เหลือเพียงคุณสำเนียง ที่เป็นลูกสาว
ภาพแรกของการพบกันของ อิโนอูเอะ และคุณสำเนียง เรียงจากซ้ายไปขวา อิโนอุเอะ สามีคุณสำเนียง คุณสำเนียง และล่ามชาวญี่ปุ่น
คุณสำเนียงแต่งงานและเปลี่ยนนามสกุลเป็นใจสุข ตามสามี
เมื่อพบกันครั้งแรกคุณสำเนียงจำ อิโนอูเอะ ไม่ได้ แต่เมื่อได้พูดอธิบาย คุณสำเนียงจึงจำเขาได้
อิโนอุเอะ ยังนำเอาภาพผ้าปักที่คุณสำเนียงทำให้เขาเมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่ 2 มาให้คุณสำเนียงดู และมีการนำของฝากจากญี่ปุ่นมอบให้คุณสำเนียง เพื่อแสดงการขอบคุณ
ผ้าปักที่คุณสำเนียงมอบให้ร้อยเอก อิโนอูเอะ
หลังจากนั้นจากการช่วยเหลือของชาวบ้านในเวลานั้น ก็หาจุดที่ม้าถูกฝังจนพบ ในวันถัดมาจึงมีการทำบุญให้กับม้าที่วัดศรีสวรรค์สังฆาราม
การทำบุญในครั้งนั้น
ในปี 1986 อิโนอูเอะและคณะได้เดินทางกลับมาอีกครั้ง และในครั้งนี้ มีผู้สื่อข่าวติดตามมาด้วย พร้อมกับมีการปักเสาบริเวณที่ม้าถูกฝัง โดยเสามีข้อความว่า 戦没軍馬之霊位 อนุสรณ์รำลึกม้าศึก พร้อมกับทำพิธีทางศาสนาพุทธ
อิโนอุเอะ กำลังสักการะ
คุณสำเนียง และร้อยเอก อิโนอุเอะ และแขกผู้มาร่วมงาน
พิธีสงฆ์
พิธีสงฆ์
ในปี 1990 ด้วยความช่วยเหลือของคุณสำเนียง ใจสุข และวัดศรีสวรรค์สังฆาราม อิโนอูเอะสามารถที่จะสร้างอนุสรณ์ม้าศึกได้สำเร็จ
อนุสรณ์ม้าศึก เป็นรูปหล่อทองเหลืองรูปม้ายืนด้วยสี่ขา เอียงคอและหันหัวไปทางด้านขวาเล็กน้อย
ภาพโดย สิบเอก ศรายุทธ
ตั้งบนฐานปูนสี่เหลี่ยม บริเวณฝั่งขวามีข้อความจารึกเป็นภาษาญี่ปุ่นเขียนแปลได้คร่าวๆว่า เดือนกุมภาพันธ์ 1946 ม้าศึกถูกยิงและฝังตามคำสั่งของฝ่ายสัมพันธมิตร
1
อนุสรณ์นี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อปลอบดวงวิญญาณของม้าเหล่านี้
กุมภาพันธ์ 1990
ที่ฐานฝั่งซ้าย มีอักษรภาษาญี่ปุ่นที่เขียนว่า 軍馬よ安らかに眠れ ขอให้ม้าศึกจงไปสู่สุขคติ
ด้านหลังของฐานเขียนข้อความภาษาไทยว่า อนุสรณ์ม้าทหารนี้สำเร็จด้วยความช่วยเหลือจาก คุณสำเนียง ใจสุข
ร้อยเอก อิโนอูเอะ เดินทางมายังไทยหลายครั้งทั้งที่ขุนยวมและนครสวรรค์ เมื่อมาเยือนนครสวรรค์ก็จะมาทำบุญให้กับม้าศึกที่อนุสรณ์ที่วัดศรีสวรรค์สังฆารามหรือวัดถือน้ำ
โดยมีเรื่องที่น่าสนใจคือ ในปี 2012 ร้อยเอก อิโนอูเอะ ในวัย 91 ปีได้เดินทางมายังวัดถือน้ำเพื่อทำบุญ และบังเอิญที่ในปีนั้นมีการค้นพบกระดูกของม้า และมีการนำเอากระดูกม้ามาที่วัดซึ่ง จะเห็นภาพของ อิโนอูเอะ นั่งคู่กับกองกระดูกม้า
คุณ อิโนอุเอะ และกระดูกม้า
จากการสอบถามเจ้าอาวาสวัดถือน้ำในปัจจุบัน ท่านได้ให้ข้อมูลว่าในปีนั้น ทหารในค่านจิรประวัติ ได้ทำการขุดปรับพื้นที่เพื่อทำอะไรสักอย่าง และพบโครงกระดูกม้าจึงนำมาให้วัด
พื้นที่ที่ขุดพบที่ท่านเจ้าอาวาส ได้ยินมานั้น เป็นพื้นที่ในค่ายทหาร ฟาร์มแกะทหารช่างนครสวรรค์ บ้านพักของกรมธนารักษ์ที่ทำให้ทหารในค่ายจิรประวัติ แต่ท่านก็ไม่มีการยืนยันครับ
ผมจึงลองเอาภาพที่ถ่ายในปี 1986 มาเทียบกับพื้นที่ในปัจจุบันของ GGE. พบว่าน่าจะเป็นตามที่ท่านเจ้าอาวาสได้ให้ข้อมูลมาจริง
ภาพเขาเขียวและจุดอ้างอิง
เพราะเมื่อดูตาม สุภาพและ ภาพของ GGE ที่นำมาเทียบกันพบว่า ภูเขาที่อยู่ด้านหลังนั้นคือ เขาเขียว มีส่วนมุมและยอดต่างๆตรงกันทั้งสองภาพ
มุมมองของภาพที่ถูกถ่ายจากจุดที่ฝังม้ามองไปยังเขาเขียว
ปัจจุบันผมยังไม่สามารถระบุได้อย่างแน่ชัดว่า จุดที่ทหารญี่ปุ่นยิงม้าศึกนั้นคือจุดใด และเป็นเรื่องยากมากที่จะระบุในปัจจุบันเนื่องจากพื้นที่ได้ถูกปรับสภาพไปอย่างสิ้นเชิง
ส่วนเรื่องค่ายเชลยศึก ของทหารญี่ปุ่นที่แพ้สงคราม และถูกกักกันในค่ายเชลยศึก ที่อยู่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตรงข้าม พื้นที่ของค่ายจิรประวัตินั้น
ก็ยังคงเป็นสิ่งที่ต้องตามหาต่อไปเพราะผมยังไม่มีข้อมูล หรือพยานบุคคล ตลอดจน เอกสารอื่น ๆ ที่ระบุถึงพื้นที่ที่แน่ชัดของค่ายเชลยศึก
ภาพโดย สิบเอก ศรายุทธ
และยังมีเรื่องที่น่าสนใจอีกอย่างคือ อนุสรณ์ม้านั้นไม่ได้มีตัวเดียวนะครับ ยังมีอีกตัวที่อยู่ไม่ไกลกันเลย แต่ที่แตกต่างคือฐานของอนุสรณ์นั้นมีการฉาบกระเบื้องสีฟ้าติดที่ฐาน โดยไม่มีป้ายจารึกใดๆ ทราบจากท่านเจ้าอาวาสว่ามีการสร้างอนุสรณ์ม้าที่ทำมาจาปูนตัวนี้มาก่อนแล้วจึงสร้างตัวที่สองที่เป็นทองเหลืองขึ้นมาแทน โดยไม่ทราบสาเหตุว่าทำไมจึงต้องมีสองตัว
ภาพม้าสองตัว โดย สิบเอก ศรายุทธ
ตลอดช่วงชีวิตของ ร้อยเอก Tomoyoshi Inoue ก็ได้เดินทางมารำลึกที่อนุสรณ์ม้าศึกทหารญี่ปุ่นหลายต่อหลายครั้ง
อิโนอุเอะ และหลวงพ่อสมควร
โดยเรื่องราวของม้าศึกของญี่ปุ่น ที่ถูกสังหารหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และฝังกลบ ยังมีอีกหลายที่ เช่น สนามบินหนองไผ่ อุบลราชธานี , ค่ายทหารญี่ปุ่นที่เขาชะโงก นครนายก, ที่บ้านโป่ง ก็มีเรื่องราวเหล่านี้อยู่ครับ
สงครามในมุมหนึ่งคือการสูญเสียไม่ว่าจะคนหรือสัตว์โลก
ขอไว้อาลัยแก่ม้าศึกครับ
ประวัติศาสตร์
การศึกษา
1 บันทึก
2
7
1
2
7
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย