เมื่อวาน เวลา 04:15 • ข่าวรอบโลก

🕊️ สี-ปูติน เสนอแนวร่วมลับต่อทรัมป์: กลางวิกฤตอิสราเอล-อิหร่าน โลกกำลังเปลี่ยนขั้วจริงหรือ?

🧨 ฉากหน้า: ความรุนแรงในตะวันออกกลางที่ยกระดับขึ้นเรื่อย ๆ
หลังจากสหรัฐฯ เปิดปฏิบัติการทางอากาศโจมตีไซต์นิวเคลียร์ของอิหร่าน รวมถึงฐานบัญชาการบางแห่งในดามัสกัสและแบกแดด อิหร่านได้ตอบโต้ด้วยขีปนาวุธพิสัยไกลที่ตกใกล้ชายแดนทางตอนเหนือของอิสราเอล ส่งผลให้กองทัพอิสราเอลประกาศยกระดับสถานะ “พร้อมรบเต็มรูปแบบ”
โลกเข้าสู่ภาวะตึงเครียดแบบขั้นสุด ขณะที่ประเทศมหาอำนาจเริ่มขยับเกมเบื้องหลัง
และในจังหวะเงียบที่แทบไม่มีใครพูดถึง… ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และ วลาดิเมียร์ ปูติน ได้ส่ง “ข้อความลับ” ไปยังอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งว่ากันว่าเป็น “ข้อเสนอแนวร่วมใหม่” ในการจัดระเบียบวิกฤตตะวันออกกลางภายใต้แนวคิด “เสถียรภาพหลากขั้ว” (Multipolar Stability)
📜 ข้อความลับ: การทูตแบบปกปิด (Backchannel Diplomacy) ที่น่าสนใจ
แหล่งข่าวจากเจ้าหน้าที่ความมั่นคงในยุโรปตะวันออกซึ่งติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่ม BRICS เปิดเผยว่า มีการส่งสารลับผ่านตัวกลางจากมอสโกไปยังทรัมป์ เมื่อ 48 ชั่วโมงก่อนหน้าที่อิสราเอลจะเปิดฉากยิงตอบโต้เต็มรูปแบบ
เนื้อหาสำคัญ (ตามรายงานไม่เป็นทางการ):
• เสนอให้จัด “วงการเจรจานอกระบบยูเอ็น” (Unofficial Multilateral Dialogue) ระหว่างสหรัฐฯ จีน รัสเซีย และตุรกี โดยมีเป้าหมายหยุดยั้งการลุกลามของความขัดแย้งระหว่างอิหร่านกับอิสราเอล
• ระบุว่าหากทรัมป์กลับสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2025 จีนและรัสเซียจะสนับสนุนการเป็น “ตัวกลาง” เจรจาสันติภาพระหว่างอิสราเอล-อิหร่าน
• เสนอให้จัดตั้ง “กลไกความมั่นคงอ่าวเปอร์เซีย” ร่วมกัน โดยมีเป้าหมายสร้างระบบสมดุลอำนาจระหว่างชาติอาหรับ อิหร่าน อิสราเอล และมหาอำนาจภายนอก
❗ ข้อความในสารไม่ได้โจมตีสหรัฐฯ โดยตรง แต่สะท้อนเจตนา “ปรับสมดุลเชิงอำนาจ” และแสดงความกังวลว่า หากปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินไปโดยไม่มีเวทีเจรจา อาจนำไปสู่ “จุดแตกหักนิวเคลียร์” ที่ไม่มีใครควบคุมได้
🔍 วิเคราะห์: สี-ปูติน ต้องการอะไรจากการดึงทรัมป์?
1. การทูตผ่านตัวแสดงไม่เป็นทางการ (Unofficial Actor Diplomacy)
แม้โดนัลด์ ทรัมป์ จะไม่ได้ดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ ในปัจจุบัน แต่ในสายตาของมอสโกและปักกิ่ง เขาคือ “ผู้มีอำนาจทางการเมืองในอนาคต” ที่มีศักยภาพกลับมาทำเนียบขาวในปี 2025
การส่งสารถึงทรัมป์จึงไม่ใช่แค่การสื่อสารกับอดีตผู้นำ หากแต่เป็น “การลงทุนล่วงหน้า” กับตัวแปรทางภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจเปลี่ยนเกมใหม่ทั้งฉาก
วิเคราะห์: สีและปูตินรู้ดีว่าทรัมป์อาจไม่เชื่อมั่นพันธมิตร NATO, ต่อต้านการทำสงครามระยะยาวในตะวันออกกลาง และมีแนวโน้มถอนทหารจากต่างประเทศ ดังนั้นจึงต้องการร่วมวางรากฐาน “สันติภาพแบบใหม่” ที่สหรัฐฯ ไม่จำเป็นต้องเป็นตำรวจโลก
2. BRICS และเกมแห่งระบบโลกใหม่
ทั้งจีนและรัสเซียต้องการให้โลกเข้าสู่ระเบียบแบบ “หลายขั้ว” (multipolar order) โดยที่สหรัฐฯ ไม่ใช่ศูนย์กลางเพียงฝ่ายเดียว การส่งข้อความลับจึงเป็นการชักชวนเชิงกลยุทธ์ให้ทรัมป์เข้าร่วมในระเบียบใหม่นี้โดยอ้อม
📌 ประเด็นสำคัญ: หากทรัมป์ตอบรับแนวคิดนี้ อาจส่งผลให้ NATO, สหประชาชาติ หรือ G7 เสื่อมบทบาทในตะวันออกกลาง และเปิดทางให้ BRICS หรือ SCO เข้ามาเป็นเวทีเจรจาแทน
🗺️ มุมมองเชิงภูมิรัฐศาสตร์: ใครได้ ใครเสีย?
ผู้เล่น ผลประโยชน์ที่ได้รับ ความเสี่ยง
จีน เสริมบทบาทมหาอำนาจโลก, ป้องกันราคาน้ำมันผันผวน เสี่ยงถูกมองว่าเอื้ออิหร่าน
รัสเซีย ดึงสหรัฐฯ ออกจากยูเครน, ขยายอิทธิพลในตะวันออกกลาง เสี่ยงถูกคว่ำบาตรเพิ่ม
สหรัฐฯ (ภายใต้ทรัมป์) ลดภาระสงคราม, ใช้การทูตแทนการทหาร เสี่ยงสูญเสียภาพลักษณ์มหาอำนาจผู้นำ
อิหร่าน ได้เวทีต่อรองใหม่, ลดแรงกดดัน เสี่ยงถูกโดดเดี่ยวจากชาติตะวันตก
อิสราเอล เสียโอกาส “จัดการอิหร่าน” ด้วยกำลัง เสี่ยงโดนดึงเข้าสู่เวทีเจรจาที่ไม่เป็นมิตร
⚖️ บทวิเคราะห์เชิงกฎหมายและการทูต: สารลับนี้ชอบธรรมหรือไม่?
แม้การสื่อสารระหว่างผู้นำโลกจะมีทั้งทางการและไม่เป็นทางการ การส่งข้อความถึงผู้ที่ยังไม่ดำรงตำแหน่งผู้นำรัฐ (เช่น ทรัมป์) อาจถูกมองว่าเป็น “การแทรกแซงการเมืองภายใน” ของประเทศอื่น โดยเฉพาะหากมีเจตนาสนับสนุนฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดในการเลือกตั้ง
แต่ในอีกมุมหนึ่ง การส่งสารนี้อาจตีความว่าเป็น “การแสวงหาทางออกเชิงสันติ” ที่เกิดจากความไม่ไว้วางใจในกลไกระดับนานาชาติ เช่น UNSC หรือ NATO ซึ่งกำลังสูญเสียความชอบธรรมในสายตาหลายประเทศ
🧭 โลกจะไปทางไหนหลังจากนี้?
1. ถ้าทรัมป์ตอบรับ: โลกอาจเข้าสู่การเจรจาทางเลือก ที่มีแกนจีน-รัสเซีย-ตุรกีเป็นตัวขับเคลื่อน ขณะที่สหรัฐฯ เริ่มลดบทบาทความมั่นคงในตะวันออกกลาง
2. ถ้าทรัมป์ปฏิเสธหรือเปิดเผยสาร: ความไว้วางใจจะพังทลาย และจีน-รัสเซียอาจหันไปผลักดันแนวร่วมของตนเองแบบเปิดเผย เช่น BRICS+
3. หากสารถูกเปิดเผยต่อสาธารณะโดยเจตนา: จะกลายเป็นอาวุธทางการเมืองในการเลือกตั้งสหรัฐฯ ปี 2024 โดยใช้ชี้ให้เห็นว่า “ฝ่ายตรงข้ามของไบเดนมีเอเยนต์ต่างชาติหนุนหลัง”
✍️ สรุปจากนักวิชาการ: โลกใหม่ในมือของคนไม่อยู่ในตำแหน่ง?
สารลับของสีและปูตินถึงทรัมป์อาจเป็นแค่ข้อความหนึ่งในความสับสนทางการทูต
แต่อย่าลืมว่า… ในประวัติศาสตร์ความขัดแย้งระดับโลก
“จดหมายลับ” มักเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของทั้งภูมิภาค
วันนี้อิสราเอลกับอิหร่านอาจยิงกันอยู่
แต่พรุ่งนี้ ใครเป็นพันธมิตรกับใคร อาจไม่ได้ขึ้นอยู่กับจรวด หรือระเบิด
แต่อยู่ที่ใครตอบจดหมายนั้น… และตอบว่า “ใช่” หรือ “ไม่”
โฆษณา