22 มิ.ย. เวลา 12:44 • ความคิดเห็น
พ่อของเราประสบอุบัติเหตุ เสียชีวิตทันที เรียกว่าตื่นมารู้ข่าวเหมือนฟ้าถล่ม เมื่อวานยังเจอกันอยู่เลย วันนี้ไม่อยู่แล้ว เราเสียใจหลังจากพ่อตายอยู่หลายเดือน เป็นปีเลย เพราะส่งผลกระทบกับชีวิตและครอบครัวค่อนข้างมาก เนื่องจากพ่อเราเป็นคนทำงานหาเลี้ยงทั้งครอบครัว ส่วนแม่เราเป็นแม่บ้าน เราพึ่งจะเรียนจบ เป็นการพลิกชีวิตเราค่อนข้า่งมาก
ส่วนแม่เราเป็นมะเร็งปอด ตอนที่รู้ก็ระยะสุดท้ายแล้ว หมอบอกว่าอยู่ได้อีก 6 เดือน เป็น 6 เดือนที่ร้องไห้หนักมาก กลางวันเราทำงาน กลางคืนก็นอนเฝ้า ได้นอนบ้างไม่ได้นอนบ้าง เพราะแม่เราก็เจ็บจนนอนไม่หลับ ลุกมาเดินจงกลมกลางดึก ในขณะที่เช้าเราก็ต้องไปทำงานต่อ ตอนนั้นแม่เราผอม เราก็ผอมลงเหมือนกัน
แต่การรู้ว่ามีเวลา 6 เดือน ทำให้แม่เราค่อนข้างมีเวลาจัดการเรื่องต่างๆให้เรียบร้อย แบ่งทรัพย์สิน มรดก ทำพินัยกรรม มีการเรียกแต่ละคนมาคุย เคลียร์ข้าวของสั่งงานไว้หมด ทำให้ปัญหาหลังการตายค่อนข้างน้อย
วันที่แม่เราเสีย เราไม่มีน้ำตาเลยนะ เพราะเราร้องก่อนหน้าทุกวันมาเป็นเดือนแล้ว เรียกว่ากลัวไปก่อน กลัวว่าวันนี้จะมาถึง แต่พอมาถึงจริงๆ เรากลับทำใจยอมรับได้ ขนาดรู้ว่ากำลังจะตาย เรายังคุยกับแม่เลยว่า จะให้เผาหรือฝัง จะต้องไหว้เจไหม แม่เราแต่งขาว กินเจ ตั้งแต่พ่อเราตาย 12 ปี เราก็เลยถาม ตายไปแล้วจะกินเจต่อหรือเปล่า
1
การรู้ก่อนว่าจะตาย มันมีเวลาให้เรารับมือ ทั้งคนอยู่และคนไป มีเวลาเคลียร์ทุกอย่างให้เรียบร้อย เรียกว่า ตายแบบสบายใจ ดีกว่าตายทันที แล้วทิ้งทุกอย่างให้คนข้างหลัง ต้องแบกรับปัญหามากมาย มันตายตาไม่หลับนะ
3
โฆษณา