23 มิ.ย. เวลา 17:10 • ปรัชญา
กายที่่ว่างปราศจาก กิเลสตัณหา ปราศจากอารมณ์ เป็นสิ่งที่ดี ..มีแต่จิตที่ท่านอาศัยกายนั้น ชำระสะสาง สิ่งที่อาศัย .ธาตุทั้งสอง แม่ทั้งสี่ ขันธ์ทั้งห้า วิญญาณทั้งหก เจียระไนให้บริสุทธิ์ กายบริสุทธิ์ จิตบริสุทธิ์ ..ก็ถึงซึ่งความสุข หมดภาระ .จิตไม่มีภาระอะไรอีกแล้ว ที่ว่า ชาติสิ้นแล้ว ไม่เกิดอีกแล้ว ..พระที่ท่านพ้นทุกข์ไป ท่านก็ชี้ทางให้ ..เดินตามรอยที่ท่านเคยทำมา .เคยสร้างบุญกุศลบารมีมา มาเป็นอสงไขยชาติ. ใครอยากยุติกาเกิด ก็เดินตามรอยท่านไป ..
อารมณ์นึกคิด อุปโลกน์ให้ จิตว่างอยู่ในอารมณ์นึกคิด .คิดว่าว่างอารมณ์ก็อุปโลกน์ให้..หากว่าเป็นเรื่องราวของณาน ..จิตก็เข้าไปอยู่ในอรูปฌาน เป็นไปให้ได้อยู่ ที่เรียกว่าพรหมลูกฟัก ..ไม่รับรู้อะไร ..ซื่อเบื่อ
จิตนั่นอาศัยอยู่ในกาย ที่หนาแน่นไปด้วยอารมณ์ หนาแน่นไปด้วยกรรม ..คราวนี้ การที่จะว่าง ไม่มีกายไม่มีอารมณ์นึกคิด เค้าก็นำกายนั้น มานั่งๆ กิริยาท่าทางของกาย กายวาจาใจ ก็นิ่ง ..เหมือนกายนิ่ง กายวาจาใจนิ่ง .ไม่มีอารมณ์ ..ก็เหลือแต่จิตแต่จิตดวงเดียว ไม่มีอะไรปรุงแต่ง เหมือนไม่มีตัวตน .. ไม่มีทั้งกายวาจาใจ .ที่จิตอาศัยอยู่ปรากฏ ..แต่นั่นก็ยังไม่จบ แต่นั่น ต้องทำจิตสำรวจตรวจสอบภายในกาย ในวิญญาณทั้งหก ในธาตุทั้งสี่อีก ที่ไม่อะไร มันไหลมา ..มีอะไรไหลมา ก็หยุดเหตุนั้นเสีย ..ฟังง่าย ..แต่เราทำไม่ได้เลย
..ตรงนี้แหละ ที่จะช่วยให้จิตนั้นเกิดปัญญาขึ้นมา ..เกิดแสงสว่างขึ้นมา แต่ว่า ทำได้ยาก .. ไม่ิเหมือนนึกคิดว่า ว่าง..อารมณ์ก็อุปโลกน์ให้ ..ดูเหมือนว่าง หากจะให้ดูว่าว่าง ก็หลับตา ดูลมเข้าออก นั่งพับเพียบ ..น่ะ มันจะได้รู้จัก ว่าว่างจริงมั้ย หลับตาด้วย .หากว่ามันว่าง ได้ ..ทุกข์มันไม่มี .. มีแต่จิตดวงเดียว . เหมือนไม่มีกาย ปรากฏ น่าจะทำได้ไม่ยากน่ะ
โฆษณา