Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
FA Talk
•
ติดตาม
7 ก.ย. เวลา 13:23
Museum of Modern Art New York
Starry Night กับตลาดหุ้น: เมื่อความผันผวนคือศิลปะ
FA Talk | จักรวาลเรื่องเล่าจากชมรมศิลป์ #18
เย็นวันศุกร์หนึ่งในนิวยอร์ก หลังจากประชุมกับลูกค้ารายใหญ่ที่ Midtown เสร็จ เขาหันมาหาผม พร้อมกับน้ำเสียงครุ่นคิด
“ช่วงนี้ตลาดเหมือนมีอะไรบางอย่างที่ตัวเลขมันอธิบายไม่พอ…
... พีร์เคยดู *Starry Night* ของ Van Gogh ไหม?”
ผมพยักหน้า “เคยครับ แต่ไม่เคยดูหลังประชุมงบการเงิน”
เขาหัวเราะเบา ๆ ก่อนพูดต่อ...
“งั้นไป MoMA กันเถอะ วันนี้ปิดสองทุ่มครึ่ง เราน่าจะยังพอมีเวลา ผมอยากคุยเรื่องตลาดผ่านมุมอื่น ที่ไม่ใช่กราฟกับ Valuation Models สักครั้ง”
การเงินบางครั้งต้องการ “ศิลปะ”
ลูกค้าคนนี้ไม่ธรรมดา เขาเป็นอดีตนักเศรษฐศาสตร์ที่ข้ามสายมาเป็นนักลงทุนเชิงปรัชญา เขามองตลาดแบบคนที่ผ่านชีวิตหลายวิกฤตมาแล้ว
เขาเชื่อว่า “ตัวเลขไม่เคยบอกทุกอย่าง มันแค่สะท้อนสิ่งที่ลึกกว่านั้น”
การที่เขาชวนผมไปดู *Starry Night* ไม่ใช่เพราะอยากพักผ่อนหลังประชุม แต่มันคือคำเชิญให้ “ออกจากกรอบของตรรกะ” และ “กลับไปเข้าใจธรรมชาติของความไม่แน่นอน”
ตลาด กับ ศิลปะ อาจใกล้กันกว่าที่เราคิด
เราเดินผ่านโถงนิทรรศการจนมาหยุดที่หน้า *The Starry Night* ของ Vincent van Gogh ผมหยุดมองภาพนั้นนานกว่าปกติ มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เห็นภาพนี้ แต่เป็นครั้งแรกที่เห็นมันในฐานะ “นักการเงิน”
เส้นหมุนวนของท้องฟ้ายามค่ำคืนนั้น เต็มไปด้วยพลัง เคลื่อนไหว ไม่มีจุดจบ ดูสับสนอย่างประหลาด ...มันมี "แพทเทิร์น"
เหมือนตลาดทุนในวันที่ทุกอย่างดูไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเรามองลึกพอ มันไม่ใช่ความมั่วแต่มันคือ “จังหวะที่วุ่นวายอย่างมีเหตุผลในตัวเอง”
ตอนเรียนการเงิน ผมเคยอยู่ในห้องที่อาจารย์สอนว่า...
“ราคาหุ้น = มูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดในอนาคต”
แต่หลังทำงานในตลาดจริง ๆ ผมพบว่า...
ราคาหุ้นหลายตัวไม่ได้สะท้อน “อนาคต” แต่มันสะท้อน “ความรู้สึกของวันนี้”
ราคาคืออารมณ์... พื้นฐานคือความจริง แต่ในระยะสั้น... อารมณ์ชนะเสมอ
เหมือนภาพของ Van Gogh ไม่ใช่ความจริงของดวงดาว แต่คือ *ภาพในใจ* ของศิลปินที่อยู่ในโรงพยาบาลจิตเวช และนั่นแหละ… ที่มัน “จริง” สำหรับคนดู
“Long ago, Ben Graham taught me that – Price is what you pay; value is what you get.” Warren Buffet 2008
ตลาดไม่ตอบสนองต่อ “ข้อมูล” เท่ากับตอบสนองต่อ “ความรู้สึก” พวกเราหลายคนยังเชื่อว่า ถ้าหาข้อมูลดีพอ จะชนะตลาดได้ แต่ในความเป็นจริง…
ตลาดไม่ได้เคลื่อนไหวเพราะข้อมูล แต่มันเคลื่อนไหวเพราะ "ความเชื่อของคน" ที่ตอบสนองต่อข้อมูลนั้น
ข้อมูลคือแสง แต่ความรู้สึกคือเลนส์ และพอร์ตของเราถูกขับเคลื่อนโดย “ภาพที่เลนส์บิดเบือน” มากกว่าค่าที่แท้จริง
นักลงทุนที่ดี ไม่ใช่คนที่เก่งคำนวณ แต่คือคนที่เข้าใจอารมณ์ของตลาด
ผมเคยคิดว่าความรู้เรื่อง DCF และ Beta จะพาผมอยู่รอด จนกระทั่งผมเห็นหุ้นดี ๆ พังเพราะ narrative เปลี่ยน และหุ้นบางตัวพุ่ง เพราะแค่ CEO ไปพูดอะไรบางอย่างบนเวที สิ่งที่ *Starry Night* สอนผมคือ ตลาดดูวุ่นวาย แต่มีจังหวะซ่อนอยู่ ถ้าคุณยืนใกล้เกินไป คุณจะเห็นแค่ความยุ่งเหยิงแต่ถ้าคุณถอยออกมา… คุณจะเห็น "ภาพรวม" ที่สวยงามอย่างประหลาด
ความผันผวนไม่ใช่ศัตรู มันคือธรรมชาติ ตลาดไม่เคยเดินเป็นเส้นตรง ภาพ *Starry Night* เองก็ไม่ตรง ไม่ชัด ไม่สมดุล แต่มัน “จริง” เราไม่ได้อยู่ในตลาดเพื่อหาความแน่นอน เราอยู่เพื่อเรียนรู้ว่า จะอยู่กับความไม่แน่นอนได้อย่างไร
ผมหันกลับไปถามเขา...
“แล้วคุณล่ะ รู้สึกยังไงกับตลาดช่วงนี้?”
เขามองภาพอยู่นาน ก่อนพูดว่า:
“เหมือนพายุ... แต่ก็สวย ถ้าเราถอยพอจะมองภาพทั้งภาพ”
สุดท้าย ผมกลับมาคิดกับตัวเอง... บางทีงานของ “นักการเงิน” ไม่ได้มีหน้าที่ตีมูลค่าอย่างเดียว แต่คือการตีความหมายของพฤติกรรมมนุษย์ที่ซับซ้อนเบื้องหลังราคาทุกตัว
เพราะตลาดในโลกจริง ไม่เคยเดินตาม Excel แต่มันเดินตามอารมณ์ ความกลัว และความหวังของคนหลายล้านคนที่พร้อมเปลี่ยนใจได้ทุกนาที
หากคุณกำลังพยายามเข้าใจตลาดในช่วงที่มันวุ่นวาย อย่ามองแค่เส้นกราฟ...
บางที คำตอบอาจอยู่ในเส้นพู่กันของศิลปินที่ชื่อ Van Gogh
หมายเหตุท้ายบทความ :
Van Gogh สร้างผลงานชิ้นนี้ในช่วงที่เขากำลังรักษาตัวจากภาวะซึมเศร้าและอาการป่วยทางจิตที่รุมเร้า ช่วงเวลานั้น เขามีทั้งความทุกข์ ความโดดเดี่ยว และความสับสน แต่ก็ยังใช้การวาดภาพเป็นเครื่องระบายและบำบัดจิตใจ
นักวิชาการบางคนเชื่อว่าภาพนี้ไม่ใช่เพียงการมองออกไปยังท้องฟ้า แต่เป็นการผสมจินตนาการเพื่อสร้าง "โลกที่เขาอยากเห็น" จึงเป็นเหมือนประตูหลบหนีจากความทุกข์ที่แบกรับอยู่
ท้องฟ้า = ความปั่นป่วน
ดาว = ความหวัง
ต้นไซเปรส = ความตาย/ความโดดเดี่ยว
จักรวาลเรื่องเล่าจากชมรมศิลป์ : ศิลปะกับการเงิน เป็นซีรีย์ที่ผมเริ่มจากการทดลองเขียนเรื่องสั้นตามคำแนะนำที่ได้รับจากคุณกู๊ด และ คุณเรื่องสั้นๆ ครับ ตั้งแต่ 5 สิงหาคม 2563 เป็นต้นมา (ถึงตอนนี้เป็นเวลา 5 ปีเต็ม นานเหมือนกันนะครับ) โดยนำไอเดียเรื่องสั้นแนวศิลปะมาเชื่อมโยงกับเรื่องการเงินพื้นฐาน
เมื่อลองเขียนหลายๆ ตอน ผมพบว่า ศิลปะกับเรื่องการเงินสามารถเชื่อมโยงกันได้อย่างไม่สิ้นสุดจริงๆ ทำให้ผมมีบทความร่างในซีรีย์นี้เก็บค้างไว้เป็นจำนวนมาก ด้วยความเสียดายขอทยอยปล่อยบทความร่างที่มีอยู่นะครับ บทความตอนที่ 18 นี้ เป็นบทความท้ายๆ แล้วครับ ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านครับ
บทความทั้งหมดเป็นเหตุการณ์สมมุติเพื่อความบันเทิง ตัวละครและเรื่องราวทั้งหมดในเรื่องเป็นเหตุการณ์ที่สมมุติขึ้นโดยไม่ได้มีเจตนาจะลบหลู่หรือชี้นำใดๆ และบางส่วนอาจอิงข้อมูลที่ค้นจากแหล่งต่าง รวมทั้งการแต่งขึ้นตามจินตนาการที่ไม่เป็นจริงในประวัติศาสตร์ ผมขอขอบคุณที่มาของข้อมูล ภาพประกอบ และผู้ที่ถูกเชื่อมโยงทุกคนไว้ ณ ที่นี้ครับ
บันทึก
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
จักรวาลเรื่องเล่าจากชมรมศิลป์ : ศิลปะกับการเงิน
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย