24 มิ.ย. เวลา 05:39 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

หอดูดาว Vera Rubin เผยภาพอวกาศ “ชัดที่สุดในโลก” เป็นครั้งแรก

การสำรวจท้องฟ้าและอวกาศผ่าน ‘ภาพถ่าย’ จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป จากประสิทธิภาพของกล้องหอดูดาว ‘Vera Rubin’
2
📌 อ่านบทความบนเว็บไซต์: www.thaipbs.or.th/now/content/2841
เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 68 ตามเวลาท้องถิ่น หอดูดาวเวรา รูบิน (Vera Rubin Observatory) ในชิลีได้เผยภาพถ่ายอวกาศชุดแรกจำนวน 3 รูปที่ความละเอียด 3,200 กิกะพิกเซล นับว่าคมชัดที่สุดเท่าที่เคยมีมา ส่วนกล้องของ Vera Rubin เองก็มี “ขนาดใหญ่เท่ารถยนต์” โดยหนัก 2.8 ตัน มีพื้นที่รับแสงขนาด 8.4 เมตร และมีมุมมองรับภาพกว้าง 3.5 องศา หรือคิดได้เป็นพื้นที่ดวงจันทร์เต็มดวงรวมกันถึงกว่า 45 ดวง ถ้าจะดูภาพอวกาศจากกล้อง Vera Rubin ตามขนาดและความคมชัดดั้งเดิม ต้องใช้โทรทัศน์ UHD กว่า 400 เครื่องวางเรียงกัน
1
ภาพถ่ายที่ประกอบด้วยเนบิวลา Trifid และ Lagoon (ภาพจาก: HANDOUT/NSF-DOE Vera C. Rubin Observatory/AFP)
หลักฐานความละเอียดของกล้อง Vera Rubin อยู่ที่ภาพอวกาศเหนือย่อหน้านี้ ภาพนี้ประกอบด้วยภาพย่อยจำนวน 678 รูป ใช้เวลาบันทึกรวมกว่า 7 ชั่วโมง กับมีขนาดไฟล์เต็ม 24.14 กิกะไบต์ สามารถเก็บภาพเนบิวลาทรีฟิด (Trifid Nebula - ด้านขวาบนของภาพ) และเนบิวลาลากูน (Lagoon Nebula) ที่ส่องแสงสีชมพูระยิบระยับตัดกับสีแดงส้มในฉากหลังและอยู่ห่างจากโลกราว 7,000 ปีแสง
2
ส่วนภาพที่อยู่ด้านล่างย่อหน้านี้ ประกอบด้วยกาแล็กซีชนิดกังหันขนาดใหญ่ 2 กาแล็กซี (spiral galaxies - ล่างขวา) กาแล็กซี 3 กาแล็กซีที่กำลังชนกัน (merging galaxies – บนขวา) รวมไปถึงดวงดาวต่าง ๆ ในทางช้างเผือก
1
ภาพถ่ายที่มีกาแล็กซีชนิดกังหัน กลุ่มกาแล็กซีต่าง ๆ และดวงดาวในทางช้างเผือก (ภาพจาก: HANDOUT/NSF-DOE Vera C. Rubin Observatory/AFP)
หอดูดาว Vera Rubin ตั้งอยู่บนเขาเซียร์รา ปาโชน (Cerro Pachón) ทางตอนกลางของชิลี มีความสูง สภาพอากาศแห้ง และความมืดสนิทตอนกลางคืนซึ่งเหมาะกับการสำรวจท้องฟ้าและดวงดาว เป็นโครงการร่วมของมูลนิธิวิทยาศาสตร์แห่งชาติสหรัฐ (NSF) และกระทรวงพลังงานสหรัฐที่เริ่มก่อสร้างในปี ค.ศ. 2015 และชื่อของหอดูดาวแห่งนี้ตั้งตามนักดาราศาสตร์ชาวอเมริกัน เวรา ซี. รูบิน (Vera C. Rubin) ผู้ไขความลับเบื้องหลังสสารมืด
2
หอดูดาว Vera Rubin ในชิลี (ภาพจาก: RubinObs/NOIRLab/SLAC/NSF/DOE/AURA/T. Matsopoulos)
หลังจากนี้ หอดูดาว Vera Rubin จะดำเนินโครงการสำรวจครั้งสำคัญชื่อ ‘Legacy Survey of Space and Time (LSST)’ ที่จะบันทึกภาพท้องฟ้าและอวกาศนับร้อยทุกคืนติดต่อกันเป็นเวลา 10 ปี จุดประสงค์หลักก็เพื่อศึกษาสสารและพลังงานมืด ทำแผนที่โดยละเอียดของทางช้างเผือก รวมถึงค้นหาวัตถุและปรากฏการณ์อื่น ๆ ในระบบสุริยะ ด้วยประสิทธิภาพและเทคโนโลยี “ขั้นสุด” ก็อาจนำไปสู่การค้นพบ ‘ดาวเคราะห์ดวงที่ 9 (Planet Nine)’ ของระบบสุริยะได้– หากดาวเคราะห์ที่ว่านี้มีอยู่จริงตามที่นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ไว้
1
ที่มา: AFP, BBC, Vera C. Rubin Observatory, ดร. มติพล ตั้งมติธรรม นักวิชาการดาราศาสตร์ สดร.
“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech: www.thaipbs.or.th/SciandTech
โฆษณา