เมื่อวาน เวลา 09:39 • ข่าวรอบโลก

“สิ่งที่ผมเคยพร่ำบอกกำลังเกิดขึ้นแล้วในอิหร่าน”

ซีมัวร์ เฮิร์ช เปิดเผยถึง “แผนการโจมตีทางอากาศเต็มรูปแบบ” ของสหรัฐต่ออิหร่าน
ซีมัวร์ เฮิร์ช นักข่าวอเมริกันสายสืบสวนที่รายงานช็อคโลกไปเมื่อสองสามปีก่อนเกี่ยวกับการก่อวินาศกรรมท่อก๊าซนอร์ดสตรีมในทะเลบอลติก ล่าสุดเขาได้ลงบทความของเขาบน Substack เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2025 (ก่อนหน้าวันแรกที่ทรัมป์สั่งเครื่องบิน B-2 ไปถล่มโรงงานนิวเคลียร์ในอิหร่าน) ชื่อว่า “WHAT I HAVE BEEN TOLD IS COMING IN IRAN”
1
ทางเพจได้สรุปประเด็นสำคัญจากทั้งบทความของเฮิร์ชฉบับดังกล่าวไว้ดังนี้
เครดิตภาพ: Andrew Harnik / Getty Images / AFP
นักข่าวสืบสวนสอบสวนอาวุโสคนนี้ได้อ้างอิงข้อมูลจากเครือข่ายคนวงในของอิสราเอลและเจ้าหน้าที่อเมริกันที่รู้เรื่องอิหร่านมานาน พวกเขาต่างระบุว่าสหรัฐฯ สนับสนุนและเตรียมแผนการทิ้งระเบิดครั้งใหญ่ในอิหร่าน (มาระยะหนึ่งแล้ว)
การเปิดเผยของเฮิร์ชดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่ความขัดแย้งระหว่าง “อิสราเอล” และ “อิหร่าน” เข้าสู่วันที่แปด (ตอนที่เขาลงบทความคือ 20 มิถุนายน 2025 โดยสหรัฐเริ่มถล่มอิหร่านวัน 22 มิถุนายน 2025) โดยมีการโจมตีทางอากาศโต้ตอบกันไปมาโดยตรงที่ทวีความรุนแรงขึ้นและมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นๆ
“เฮิร์ช” ซึ่งเป็นนักข่าวรางวัลพูลิตเซอร์ที่รู้จักจากการรายงานด้านข่าวกรองและประเด็นนิวเคลียร์มาหลายสิบปี รวมถึงหนังสือ The Samson Option ของเขาที่ตีพิมพ์เผยแพร่ในปี 1991 ซึ่งมีรายละเอียดเกี่ยวกับ “โครงการระเบิดนิวเคลียร์ของอิสราเอล”
เขายืนยันว่าทำเนียบขาวได้ “ลงนามในปฏิบัติการทิ้งระเบิดเต็มรูปแบบในอิหร่าน” ตามรายงานระบุว่าเป้าหมายหลักคือเครื่องกระตุ้นปฏิกิริยานิวเคลียร์ซึ่งทันสมัยที่สุดของอิหร่าน “ซึ่งฝังอยู่ลึกลงไปใต้พื้นดินอย่างน้อย 80 เมตร ที่ฟอร์โดว์” เครื่องบินทิ้งระเบิดของสหรัฐฯ ที่ติดตั้ง “ระเบิดเจาะบังเกอร์ที่สามารถเจาะลึกลงไปถึงระดับนั้น” มีกำหนดจะเริ่มโจมตีโรงงานฟอร์โดว์ในช่วงสุดสัปดาห์ (เกิดขึ้นไปแล้ว)
เครดิตภาพ: NY Post
รายงานระบุว่า ช่วงเวลาของการโจมตีครั้งนี้ถือเป็นสัญญาณของประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งยืนกรานที่จะดีเลย์การโจมตีเพื่อ “ลดความตกใจต่อตลาดหุ้น” จากการทิ้งระเบิดก่อนที่ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะเริ่มเปิดทำการในวันจันทร์รุ่งขึ้น การชะลอชั่วคราวนี้ยังช่วยให้เตรียมการฐานทัพอากาศและเรือของกองทัพเรือสหรัฐกว่า 20 แห่งในตะวันออกกลางและเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออกไว้สำหรับการตอบโต้ที่อาจเกิดขึ้นจากอิหร่าน
นอกเหนือจากที่ตั้งของโรงงานนิวเคลียร์ในอิหร่านแล้ว การโจมตีด้วยระเบิดที่กล่าวอ้างก่อนหน้านี้ยังขยายขอบเขตการโจมตีให้ครอบคลุมถึงเป้าหมายใหม่ๆ ด้วย ได้แก่ “ฐานทัพของกองกำลังรักษาการณ์” “สถานีตำรวจอิหร่าน” และ “คลังเก็บเอกสารของรัฐบาลอิหร่านที่เก็บเอกสารของผู้ต้องสงสัยที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล”
เจ้าหน้าที่วงในคนหนึ่งให้ข้อมูลกับเฮิร์ชว่า เป้าหมายคือ “เพื่อล้มล้างระบอบการปกครองของคาเมเนอีให้สิ้นซาก” และ “เป็นปฏิบัติการที่ยิ่งใหญ่” ระบุชัดเจนว่า “นี่จะไม่ใช่แค่การทิ้งระเบิดปูพรมเท่านั้น”
เครดิตภาพ: NDTV
บทความดังกล่าวยังเน้นย้ำถึง “ความเห็นไม่ลงรอยกัน” ระหว่างนักวางแผนของสหรัฐและอิสราเอลเกี่ยวกับ “อนาคตของอิหร่านหลังยุคคาเมเนอี”
แม้ว่ากลุ่มวางแผนของทำเนียบขาวซึ่งรวมถึงรองประธานาธิบดี เจ.ดี. แวนซ์ จะเคยหารือกันถึงการแต่งตั้ง “ผู้นำศาสนาสายกลาง” แต่อิสราเอล “คัดค้านแนวคิดนี้อย่างหัวชนฝา” และเรียกร้องให้มี “หุ่นเชิดทางการเมืองเพื่อควบคุมอิหร่านได้” เจ้าหน้าที่สหรัฐกล่าวว่าการไม่เห็นด้วยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้อาจนำไปสู่ความยากลำบากในอนาคตของตะวันออกกลาง
แผนการที่กล่าวอ้างนี้ปรากฏขึ้นท่ามกลางช่วงเวลาที่เกิดความไม่แน่นอน ความขัดแย้งที่ยังคงดำเนินอยู่ทำให้อิหร่านยิงขีปนาวุธโจมตีอิสราเอลเพิ่มขึ้นอีก รวมถึงขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิคที่รายงานว่าโจมตีเบียร์เชบาและสร้างความเสียหายให้กับพื้นที่อยู่อาศัย
ในเวลาเดียวกันอิสราเอลยังคงโจมตีทางอากาศอย่างหนักในเตหะราน โดยโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านนิวเคลียร์และการทหารเพิ่มเติม รวมถึงโรงงานผลิตเครื่องกระตุ้นปฏิกิริยานิวเคลียร์และมหาวิทยาลัยที่เชื่อมโยงกับ IRGC ตัวเลขผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตยังคงสูงในทั้งสองฝ่าย และหน่วยงานระหว่างประเทศ รวมถึง UNSC กำลังดำเนินการทางการทูตเพื่อลดระดับวิกฤต
เครดิตภาพ: Arash Khamooshi / NYT
เฮิร์ชชี้ว่าเป้าหมายสำคัญภายในหน่วยข่าวกรองของอเมริกาและอิสราเอลคือ การจุดชนวนให้เกิด “การลุกฮือของชาวอิหร่านเพื่อประชาธิปไตยต่อต้านอายาตอลลาห์” ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับกลุ่มชนกลุ่มน้อย เช่น คนเชื้อสายอาเซอร์ไบจาน
อย่างไรก็ตามเขาเตือนว่าการทิ้งระเบิดครั้งใหญ่จะทำให้อิหร่านอยู่ในสถานะ “ล้มเหลวอย่างถาวร เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นหลังจากการแทรกแซงของชาติตะวันตกในลิเบียเมื่อปี 2011” โดยอนาคตของประเทศที่ไม่มั่นคงอยู่แล้วในภูมิภาคนี้จะยิ่งห่างไกลจากความมั่นคงอยู่มากขึ้นไปอีก
ในท้ายที่สุดเฮิร์ชตั้งสมมติฐานว่า ทรัมป์ต้องการชัยชนะในระดับนานาชาติอย่างชัดเจนเพื่อนำไปต่อยอดหรือโปรโมทแผนการของตัวเอง โดยยกตัวอย่างถึงกลยุทธ์ที่ใช้ในปัจจุบันว่า เป็นการเดิมพันที่มีความเสี่ยงสูงแต่ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ
อ้างอิงบทความฉบับล่าสุดของ “ซีมัวร์ เฮิร์ช” ที่ชื่อว่า “WHAT I HAVE BEEN TOLD IS COMING IN IRAN” ได้ตามลิงก์ด้านล่างนี้
เรียบเรียงโดย Right Style
24th Jun 2025
  • อ้างอิง:
<เครดิตภาพปก: EPA / Scanpix / LETA>
โฆษณา