Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Main Stand
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
26 มิ.ย. เวลา 03:00 • กีฬา
พิชา อุทรา : มิดฟิลด์พลังไดนาโม กับการเดินทางก้าวสำคัญที่มาเลเซีย | Main Stand
พิชา อุทรา ตัดสินใจเลือกปฏิเสธข้อเสนอจากหลายสโมสรในไทยลีก รวมไปถึงอดีตต้นสังกัดล่าสุดอย่าง เมืองทอง ยูไนเต็ด และเลือกออกไปหาความท้าทายใหม่กับ เซลังงอร์ เอฟซี ทีมในประเทศมาเลเซีย
การตัดสินใจย้ายออกจากสโมสรที่เจ้าตัวอยู่รับใช้มาเป็นเวลายาวนานถึง 5 ปีเต็ม พร้อมกับเลือกไปโลดแล่นบนเวที มาเลเซีย ซุปเปอร์ลีก ซึ่งถือว่าเป็นอะไรที่แปลกใหม่พอสมควร เพราะการย้ายทีมในครั้งนี้ของ พิชา อุทรา ถือเป็นการออกไปโลดแล่นในลีกนอกแผ่นดินบ้าน เกิดของเขาเป็นครั้งแรกในชีวิต
เรื่องราวชีวิตการเป็นนักฟุตบอลของ “เคน” พิชา อุทรา เป็นอย่างไร ติดตามชีวิตฟุตบอลของ “เคน” จากภูมิลำเนาดินแดนล้านนาไทย ถนนลูกหนังดั่งตำนานที่เมืองทอง ยูไนเต็ด สู่เส้นทางใหม่กับเซลังงอร์ฯ ไปพร้อมกับ Main Stand
ฝึกวิชากับ แอตฯ มาดริด
พิชา อุทรา พื้นเพเดิมเติบโตจากการเป็นคนภาคเหนือ ก่อนที่จะย้ายเข้ามาอยู่ที่จังหวัดกรุงเทพมหานครในเวลาต่อมา เพื่อเข้ามาคัดตัวด้านการเป็นนักฟุตบอลเยาวชน ก่อนที่สุดท้ายแล้ว พิชา จะได้เข้าศึกษาที่โรงเรียนโพธินิมิตรวิทยาคม โรงเรียนที่ถูกให้ยกเป็นหนึ่งในอคาเดมี่ชื่อดังด้านลูกหนังฟุตบอลเยาวชน
ซึ่งอย่างที่ทราบกันดีว่าอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้โรงเรียนโพธินิมิตรวิทยาคมเป็นที่ให้การยอมรับและได้รับการเชิดชูให้เป็นอคาเดมี่ทีมฟุตบอลเยาวชนที่ยิ่งใหญ่มากแห่งหนึ่งของวงการฟุตบอลไทย เป็นเพราะพวกเขาได้มีการทำสัญญาร่วมเป็น MOU กับสโมสรชั้นนำในศึกไทยลีกอย่างทีม “กิเลนผยอง” เมืองทอง ยูไนเต็ด
ก่อนที่ในเวลาไม่ถึง 2 ปี ชื่อของ พิชา อุทรา จะได้รับการพูดถึงเป็นอย่างมากในฟุตบอลเยาวชน หลังจากที่ตัวเขาเป็นหนึ่งใน “เดอะแบก” ของโรงเรียนโพธินิมิตรวิทยาคม ในการพาทีมคว้าแชมป์ฟุตบอลเยาวชนชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทยหรือที่รู้จักกันอย่างคุ้นหู นั่นก็คือศึกฟุตบอล โค้ก คัพ ครั้งที่ 18 ที่ในทัวร์นาเมนต์ดังกล่าว พิชา จบลงด้วยการคว้ารางวัลดาวซัลโวของรายการรวมไปถึงรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมมาครองได้สำเร็จ
จึงเป็นที่มาให้ทาง เมืองทอง ยูไนเต็ด ไม่รอช้าที่จะรีบจับทาง พิชา อุทรา เซ็นสัญญาเป็นนักเตะของสโมสรในทันที พร้อมกับส่งเจ้าเคนไปร่วมฝึกวิชาลูกหนังเพิ่มเติมกับทางอคาเดมี่ JMG อีกหนึ่งศูนย์ฝึกเยาวชนของทางสโมสรเมืองทอง
นอกจากนั้น พิชา อุทรา ยังเป็นเพื่อนร่วมรุ่นในอคาเดมี่ของทาง JMG รุ่นเดียวกับ พิธิวัต สุขจิตรธรรมกุล, สุริยา สิงห์มุ้ย, ชัยวัฒน์ บุราญ, สุพร ปีนะกาตาโพธิ์ ฯลฯ ไปร่วมฝึกซ้อมกับยอดทีมแห่งประเทศสเปนอย่าง แอตเลติโก้ มาดริด เป็นเวลา 6 เดือน
ซึ่งการได้ไปฝึกฝนที่ แอตเลติโก้ มาดริด ถือว่าเป็นการยกระดับผลงานส่วนตัวของ พิชา อุทรา ได้เป็นอย่างดี ก่อนที่หลังหมดเวลา 6 เดือนในช่วงของการฝึกซ้อมที่ประเทศสเปน และเดินทางกลับมาที่ประเทศไทย ก่อนที่ต้นสังกัดของเจ้าตัวอย่าง เมืองทอง ยูไนเต็ด จะเลือกส่ง พิชา ไปลงเล่นฟุตบอลอาชีพอย่างเป็นทางการครั้งแรกกับสโมสรในเครือของทีมอย่าง นครนายก เอฟซี ทีมในศึกดิวิชั่น 2 ยืมตัวใช้งานเป็นเวลาครึ่งซีซั่น
ก่อนที่ฤดูกาลต่อมา หลังจบซีซั่นกับทาง นครนายก เอฟซี พิชา อุทรา จะได้รับการถูกปล่อยยืมอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้ถือเป็นสโมสรที่ใหญ่ขึ้นมากกว่าเดิมเท่าตัว เพราะเขาถูกทาง “โลมามหาภัย” พัทยา ยูไนเต็ด ทีมในศึกดิวิชั่น 1 ขอยืมตัวใช้งานเป็นเวลา 1 ปี
แม้ว่าในฤดูกาลแรกของทาง พิชา กับทาง พัทยา ยูไนเต็ด เขาจะไม่ได้ลงสนามช่วยทีมมากนัก แต่ด้วยศักยภาพของ พิชา อุทรา ที่ในเวลานั้นต้องยอมรับเลยว่าเป็นเด็กเทพเบอร์ต้น ๆ ของวงการฟุตบอลไทย ส่งผลให้ทางบอร์ดบริหารของ พัทยา ตัดสินใจเข้าไปพูดคุยกับทางบอร์ดของ เมืองทอง ยูไนเต็ด เพื่อขอดึงตัวเด็กหนุ่มรายนี้เข้ามาร่วมทีมด้วยสัญญาถาวร
กิเลนลงทุนยอมซื้อกลับ 20 ล้านบาท
ต้องยอมรับเลยว่าการย้ายทีมในครั้งนี้ของ พิชา อุทรา มาอยู่ที่ พัทยา ยูไนเต็ด ถือเป็นเรื่องที่ประสบผลสำเร็จทั้งสองฝ่ายอย่างมาก เพราะสุดท้ายแล้วอย่างที่ทราบกันดีว่า พิชา ขึ้นมาเป็นหนึ่งในแข้งแนวหน้าของทีมในเกมรุก ที่สร้างให้ พัทยา ยูไนเต็ด กลายเป็นทีมระดับม้ามืดฟอร์มแรงของวงการฟุตบอลไทยลีกตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
มิหนำซ้ำความร้อนแรงในตัวของ พิชา อุทรา ในช่วงปี 2016-17 ยังทำให้เขาถูกทาง “โค้ชโย่ง” วรวุธ ศรีมะฆะ กุนซือทีมชาติไทยชุดอายุไม่เกิน 23 ปี เรียกตัวไปติดทีมชาติไทยชุดทำศึกลุยการแข่งขันซีเกมส์ 2017 ที่ประเทศมาเลเซีย และถือว่าเป็นการแบกอายุที่มากพอสมควรไปแข่งในครั้งนี้ของทาง พิชา เนื่องจากในช่วงเวลาดังกล่าวเจ้าตัวเพิ่งอายุเพียง 20 ย่าง 21 ปีเท่านั้น
อย่างไรก็ตามอายุย่อมไม่ใช่ปัญหาของ พิชา อุทรา แม้แต่เล็กน้อย เพราะเขาถือเป็นหนึ่งในแข้งที่แจ้งเกิดในการแข่งขันซีเกมส์ครั้งนี้ เพราะเขาเป็นส่วนสำคัญในการพาทีมชาติไทยคว้าแชมป์ซีเกมส์ครั้งที่ 17 ไปครองได้สำเร็จ นอกจากนั้นเจ้าตัวยังฝากผลงานการทำประตูในทัวร์นาเมนต์นี้ไปอีก 2 ประตู โดยแบ่งเป็นการทำได้ในเกมนัดที่ทีมชาติไทยเอาชนะทีมชาติกัมพูชา 3-0 และเอาชนะทีมชาติเวียดนามไปด้วยสกอร์ 3-0
ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่านับตั้งแต่การคว้าแชมป์ซีเกมส์ในครั้งนี้ ส่งผลให้ชื่อของ พิชา อุทรา ถือเป็นอีกหนึ่งแข้งวันเดอร์คิดส์ที่น่าจับตามองแห่งวงการฟุตบอลไทย และเขายังสร้างผลงานส่วนตัวได้อย่างยอดเยี่ยมมาโดยตลอดในการเล่นให้กับสโมสรที่ต่อมาได้มีการเปลี่ยนแปลงผู้สนับสนุนการทำทีมที่เปลี่ยนจาก พัทยา ยูไนเต็ด มาเป็น สมุทรปราการ ซิตี้ ในช่วงปี 2018
ผลงานอันร้อนแรงของ พิชา อุทรา จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่แข้งรายนี้จะตกเป็นเป้าหมายของหลายสโมสรบิ๊กทีมในไทยลีกนับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ก่อนที่สุดท้ายแล้วในปี 2020 จะเป็นทางอดีตต้นสังกัดเก่าของเขาอย่าง เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่มือไวในดีลนี้ ทุ่มเงินสูงถึง 20 ล้านบาท กระชากตัว พิชา อุทรา ไปร่วมทีม ถือเป็นการดึงตัวเด็กปั้นลูกหม้อคนนี้กลับสู่บ้านหลังเก่าอีกครั้งในรอบ 5 ปี
จากปีกขวาร่างเล็ก สู่มิดฟิลด์พลังไดนาโม
อย่างไรก็ตาม การย้ายกลับสู่บ้านหลังเก่าอีกครั้งของ พิชา อุทรา ถือว่าไม่ใช่เรื่องง่ายแต่อย่างใด เพราะเขาต้องเผชิญกับปัญหาทั้งเรื่องการปรับตัวกับระบบทีม, แผนการเล่นของโค้ช รวมไปถึงรูปร่างของเขาที่ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ค่อนข้างผอมบางเมื่อถูกนำไปเทียบกับกรณีที่ต้องเจอคู่แข่งที่สรีระกำยำกว่า
ปัญหาหลากหลายอย่างที่กล่าวมานี้ ส่งผลให้ในช่วงแรกของ พิชา อุทรา กับการลงเล่นให้ เมืองทอง ยูไนเต็ด ฟอร์มส่วนตัวของเขาถือว่ายังไม่ตอบโจทย์มากนักกับค่าตัวที่ทีมทุ่มเงินซื้อไป ระอุถึงขั้นถูกตั้งคำถามจากสื่อและแฟนบอลของทีมที่ต่างมองไปในทิศทางเดียวกันว่าดีลของ พิชา ดูเหมือนจะสูญเปล่าราวกับนำเงินไปเททิ้งคล้ายกับสำนวนไทยอย่างคำว่า “ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ”
ต้องยอมรับเลยว่าสถานการณ์ของ พิชา อุทรา ย่ำแย่ไปมากกว่าเดิม หลังจากที่ตัวเขาไม่สามารถเค้นฟอร์มเก่งกลับมาได้อีกครั้ง ก่อนที่จะถูกทางเฮดโค้ชของทีมอย่าง อเล็กซานเดอร์ กาม่า ดรอปไปเป็นตัวเลือกที่ม้านั่งสำรอง ร้ายแรงถึงขั้นบางเกมการแข่งขัน พิชา ถูกตัดชื่อออกจากทีมแบบไม่มีชื่อติดทีมเลยด้วยซ้ำ
ทว่าคนที่ทำให้ พิชา อุทรา กลับมาคืนฟอร์มเทพได้เหมือนเดิมอีกครั้ง เรียกได้ว่าพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือในทันที นั่นก็คือ มาริโอ ยูรอฟสกี้ อดีตดาวเตะ เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่ผันตัวเข้ามารับไม้ต่อการเป็นกุนซือของทีมต่อจาก อเล็กซานเดอร์ กาม่า ที่อำลาทีมออกไปในช่วงเดือนตุลาคมปี 2020
มาริโอ ยูรอฟสกี้ รับรู้ดีว่า พิชา อุทรา เป็นนักเตะที่ตัวเล็กและมีความแข็งแกร่งไม่มากนัก โดยตัวเขามองว่าหาก พิชา ยังฝืนเล่นในตำแหน่งริมเส้นต่อไป ยิ่งจะทำให้ผลงานส่วนตัวของเขาตกลงไปมากกว่าเดิม เขาจึงเลือกดัดแปลงพันธุกรรมการเล่นของ พิชา ในทันที ด้วยการเปลี่ยนจากการเล่นในตำแหน่งริมเส้นให้หุบเข้ามายืนในตำแหน่งกองกลาง “Box-To-Box” ของทีม
โดยอีกหนึ่งเหตุผลสำคัญที่ทาง มาริโอ ยูรอฟสกี้ ตัดสินใจเลือกเปลี่ยน พิชา อุทรา ให้ขยับเข้ามายืนในตำแหน่งกองกลางในสไตล์การเล่นนี้ เป็นเพราะเขามองว่า พิชา มีจุดเด่นในการวิ่งไล่แย่งบอลและมีพลังงานความฟิตที่เต็มเปี่ยมตลอดทั้ง 90 นาที นอกจากนั้นหากมองลงไปให้ชัดกว่าเดิมจ็อบที่ทาง มาริโอ ต้องการจากตัวของ พิชา ก็คือการไล่ทำลายเกมจากทีมคู่แข่งฝ่ายตรงข้าม และรีบนำลูกฟุตบอลกลับมาครอบครองให้ได้อย่างรวดเร็วที่สุด
และต้องยอมรับเลยว่าการที่ มาริโอ เข้ามาเปลี่ยนสไตล์และตำแหน่งการยืนของ พิชา ถือว่าเป็นอะไรที่ลงตัวอย่างมาก เพราะนับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา “เคน” กลายเป็นขุมกำลังคนสำคัญของ เมืองทอง ยูไนเต็ด มาโดยตลอด พร้อมกับยังทำผลงานได้ดีจนเตะตา มาโน่ โพลกิ้ง เฮดโค้ชทีมชาติไทยที่มักชอบเรียกตัวสตาร์ชาวเชียงใหม่รายนี้ไปติดทีมชาติอยู่บ่อยครั้ง
“ตอนแรกผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำไมเขา (มาริโอ ยูรอฟสกี้) ถึงจับผมไปเล่นในตำแหน่งนั้น แต่หลังจากผมเริ่มได้เล่นไปสักพัก เขาบอกกับผมว่าผมเป็นคนที่วิ่งเก่งและปิดพื้นที่คู่แข่งได้ดี ผมต้องขอบคุณเขามากเป็นพิเศษ เพราะเรียกได้ว่าตัวของ มาริโอ ถือเป็นผู้มีบุญคุณและชุบชีวิตตัวผมให้กลับมาได้อีกครั้งเลยครับ” พิชา อุทรา กล่าวขอบคุณ มาริโอ ยูรอฟสกี้
ปฐมบทใหม่กับการลุยลีกมาเลย์
แม้ว่า มาริโอ ยูรอฟสกี้ จะอยู่คุมทีม เมืองทอง ยูไนเต็ด ถึงปี 2023 เท่านั้น ก่อนที่เจ้าตัวจะตัดสินใจอำลาทีมออกไปในช่วงเดือนกันยายนปีดังกล่าว ด้วยสาเหตุมาจากการที่ตัวเขาทำผลงานดรอปลงไปจากเดิมอย่างชัดเจน และยังห่างไกลจากเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ในตอนแรกที่รับงานเข้ามาคุม
ก่อนที่สโมสรจะมีการปรับเปลี่ยนเฮดโค้ชอีกครั้ง ด้วยการหันมาใช้กุนซือผู้คร่ำหวอดอยู่กับวงการฟุตบอลไทยมามากกว่า 10 ปีอย่างทาง มิลอส โจซิค เข้ามารับหน้าที่รักษาการณ์ในช่วงครึ่งฤดูกาลหลัง 2023-24 ก่อนที่ทีมจะตัดสินใจอิมพอร์ตโค้ชต่างชาติชาวอิตาลีอย่าง จีโน่ เล็ตติอารี่ ให้เข้ามาคุมทีมในปี 2024-25
ถึงแม้เฮดโค้ชของ เมืองทอง ยูไนเต็ด จะมีการเปลี่ยนแปลง รวมไปถึงแนวทางแผนการเล่นที่เปลี่ยนไปมากกว่าเดิม คนที่เคยปลุกปั้นทำให้ พิชา อุทรา กลับมาเกิดใหม่ได้อีกครั้งอย่าง มาริโอ ยูรอฟสกี้ ก็ไม่อยู่กับทีมแล้ว ทว่าผลงานของ พิชา ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ยอดเยี่ยมและแบกแดนกลางของทีมมาโดยตลอด พร้อมกับเป็นตัวเลือกแรก ๆ ที่ทั้ง มิลอส โจซิค หรือแม้แต่ จีโน่ เล็ตติอารี่ เลือกใช้งานออกสตาร์ทเป็นผู้เล่นตัวจริงในทุกเกมการแข่งขัน
นอกจากนั้นสปิริตการเล่นแบบมากกว่า 100 เปอร์เซ็นต์ในทุกเกมการแข่งขันที่ พิชา อุทรา ลงไปเล่นภายใต้สีเสื้อของ เมืองทอง ยูไนเต็ด ยังส่งผลให้เขาได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มแฟนบอล, ทีมงานสต๊าฟโค้ช รวมไปถึง กลุ่มบอร์ดบริหารที่ได้มอบหมายให้เด็กปั้นในกุฏิผู้นี้ขึ้นมารับตำแหน่งกัปตันทีม เมืองทอง ยูไนเต็ด เป็นต้นมา
ต้องยอมรับเลยว่า พิชา อุทรา ถือเป็นอีกหนึ่งกัปตันทีมของ เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่แฟนบอลต่างให้การยอมรับและให้ความชื่นชมต่อแพชชั่นของดาวเตะรายนี้มาโดยตลอด เพราะเราจะได้เห็นกันในทุกเกมการแข่งขันที่ทาง พิชา นั้นลงไปเล่นให้กับทีม เขาจะใส่สุดทุกครั้ง พร้อมกับวิ่งแบบลืมตายตราบใดที่นกหวีดของผู้ตัดสินยังไม่เป่าจบการแข่งขัน
โดยในจุดนี้ถือว่า ดาวเตะหมายเลข 37 ได้ใจจากแฟนบอลกิเลนผยองอย่างเต็มเปี่ยม ถึงขั้นที่ในช่วงก่อนจบฤดูกาล 2024-25 เคยมีกลุ่มแฟนบอลของทีมที่ได้ทำป้ายขนาดใหญ่พร้อมกับเขียนคำว่า “SAVE PICHA” โดยมีเจตจำนงเพื่อแจ้งไปให้กับทางบอร์ดบริหารของ เมืองทอง ยูไนเต็ด ได้รับรู้ว่ากลุ่มแฟนบอลไม่ต้องการให้ทีมปล่อยกัปตันเคนออกไป
แต่ด้วยปัจจัยหลาย ๆ อย่างที่แฟนบอลชาวไทยต่างทราบกันดีเกี่ยวกับสัญญาของทาง พิชา อุทรา ที่ไม่สามารถตกลงได้กับทาง เมืองทอง ยูไนเต็ด จึงเป็นที่มาให้ท้ายที่สุดหลังจบฤดูกาล 2024-25 “กัปตันเคน” พิชา อุทรา ตัดสินใจเลือกขอเดินออกจากบ้านหลังเดิมที่ตัวเขาทั้งรักและผูกพัน พร้อมกับโพสต์ข้อความสุดซึ้งผ่านช่องทางโซเชี่ยลส่วนตัวเผยความรู้สึกถึงวันที่ต้องอำลาสโมสร เมืองทอง ยูไนเต็ด
“ก้าวแรกกับสโมสรแห่งนี้เริ่มตอนอายุ 16 ขวบ คว้าแชมป์ในระดับเยาวชนอย่างมากมาย อาทิ โค้กคัพ และอีกหลายรายการ ครั้งแรกกับต่างประเทศ คือ แอตมาดริด ก็สโมสรแห่งนี้ เซ็นสัญญาอาชีพฉบับแรกก็ยังคงเป็นสโมสรแห่งนี้ ประสบการณ์ในการเล่นท่ามกลางเสียงเชียร์ที่สุดยอดที่สุด ก็ยังคงเป็นสโมสรแห่งนี้"
"หลังจากที่ผมได้ออกไปโลดแล่นที่สโมสรอื่นๆ ผมก็ยังกลับมาที่สโมสรแห่งนี้ การได้ไปรับใช้ทีมชาติ ก็ยังคงเริ่มที่สโมสรแห่งนี้ และสุดท้ายก่อนที่ผมจะกล่าวคำอำลากับสโมสรแห่งนี้ ผมก็ยังคงได้รับความไว้วางใจให้เป็นกัปตันทีมของสโมสรแห่งนี้”
“ผมผ่านการตัดสินใจอย่างยากลำบาก แต่เพื่อเป็นการพิสูจน์ตัวผมเอง และเพื่อความท้าทายกับเป้าหมายใหม่ในชีวิตการเล่นฟุตบอลของผม ผมต้องก้าวออกมา ผมจะไม่มีวันลืมสโมสรแห่งนี้ มันจะยังคงอยู่ในใจของผมเสมอในทุก ๆ อณูของบรรยากาศของสโมสร ขอบคุณทุก ๆ เสียงเชียร์ที่คอยซัพพอร์ตเสมอมา ขอบพระคุณคุณลุงระวิ ขอบคุณผู้บริหารและทีมงานทุกคน ที่ร่วมแรงร่วมใจกันมา มันคงถึงเวลาที่ต้องกล่าวอำลากับสโมสรแห่งนี้ สโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด ขอบคุณอีกครั้งครับ Picha 37”
ก่อนที่สุดท้ายแล้วเจ้าตัวจะตัดสินใจทำตามความฝันของตัวเองที่ครั้งหนึ่งเขาเคยปณิธานเอาไว้อยากลองไปเล่นให้กับสโมสรอื่นนอกประเทศบ้านเกิดสักครั้งในชีวิต และในครั้งนี้เขาก็ได้เริ่มทำมันเป็นที่เรียบร้อย ด้วยการออกไปหาความท้าทายใหม่ ๆ กับสโมสร เซลังงอร์ เอฟซี ทีมรองแชมป์ มาเลเซีย ซูเปอร์ลีก ฤดูกาล 2024-25
ที่กลายเป็นบิ๊กทีมมาแรงแซงหลาย ๆ สโมสรในศึกไทยลีกที่ก่อนหน้านี้เคยยื่นข้อเสนอให้กับ พิชา แต่ด้วยตัวเลขเม็ดเงินค่าเหนื่อยที่ทาง เซลังงอร์ เอฟซี ทุ่มให้กับ พิชา อุทรา พิจารณาถือว่าสมน้ำสมเนื้อตามที่ตัวนักเตะต้องการมากพอสมควร และการออกไปลุยลีกต่างแดนก็ถือเป็นอีกหนึ่งในเป้าหมายที่เจ้าตัววาดฝันเอาไว้ด้วยเช่นกัน
นอกจากนั้น เป้าหมายของบอร์ดบริหาร เซลังงอร์ เอฟซี ที่มัดใจทาง พิชา อุทรา ได้สำเร็จ ก็คือพวกเขาต้องการเป็นแชมป์ มาเลเซีย ซูเปอร์ลีก ฤดูกาล 2025-26 และต้องการเขี่ยทาง ยะโฮร์ ดารุล ต๊ะซิม ทีมแชมป์ปีล่าสุดให้ลงจากบัลลังก์แชมป์ที่ครองมาอย่างยาวนานถึง 11 ปีซ้อน
“ตื่นเต้นมากครับ ถือเป็นความท้าทายใหม่ ๆ ของตัวผมในวัย 29 ปีด้วย อยากลองสักครั้งหนึ่งกับการออกไปเผชิญพิสูจน์ชีวิตของตัวเองกับการเป็นนักฟุตบอล สุดท้ายผมขอฝากถึงแฟนบอลทุกคนตามเชียร์ผลงานของผมด้วยนะครับในเวทีของลีกมาเลเซีย ผมจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด และอนาคตข้างหน้าผมจะกลับมาเล่นที่ไทยอย่างแน่นอน” พิชา อุทรา กล่าวเปิดใจถึงการเลือกไปอยู่กับ เซลังงอร์ เอฟซี ผ่านช่องทาง Main Stand
สุดท้ายนี้ต้องมารอติดตามและร่วมส่งกำลังใจเชียร์อีกหนึ่งแข้งทีมชาติไทยอย่าง พิชา อุทรา ที่ถือว่าได้ออกไปทำตามความฝันในลีกต่างประเทศ พวกเราชาว Main Stand และแฟนบอลชาวไทยทุกคนขอเป็นกำลังใจให้ “เคน” พิชา อุทรา ประสบความสำเร็จในการออกไปโลดแล่นเวทีต่างแดนครั้งแรกในชีวิต
ซึ่งพวกเราเชื่อว่าเขาจะทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมอย่างแน่นอน เหมือนกับที่เขาเคยฝากผลงานเอาไว้อย่างคุณภาพกับการเล่นในประเทศไทยบ้านเกิดของเจ้าตัว พิชา อุทรา
บทความโดย : วิสุทธา วงค์หน่อแก้ว
บันทึก
7
7
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย