25 มิ.ย. เวลา 10:17 • ข่าวรอบโลก

🎯 นักท่องเที่ยวต่างชาติหาย 4.24% — สัญญาณเตือนเศรษฐกิจท่องเที่ยวไทยสะดุดอีกครั้ง

🌍 Thailand Sees 4.24% Drop in Foreign Tourists — Recovery Falters Again
📊 สถานการณ์ล่าสุด: ต่างชาติเที่ยวไทยลดลงกว่า 250,000 คน
ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 22 มิถุนายน 2025 ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประมาณ 6.04 ล้านคน ลดลง 4.24% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนหน้า โดยมีเพียง มาเลเซีย (2.19 ล้านคน) และ จีน (2.17 ล้านคน) ที่ยังเป็นกลุ่มหลัก
📉 ตัวเลขนี้ถือว่าต่ำกว่าการคาดการณ์ของรัฐบาล ทำให้สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (NESDC) ต้องปรับลดคาดการณ์นักท่องเที่ยวทั้งปีลงเหลือ 37 ล้านคน จากเดิม 38 ล้านคน
📌 มุมมองวิเคราะห์: ไม่ใช่แค่ตัวเลข — แต่สะท้อนความเปราะบางของระบบพึ่งพาการท่องเที่ยว
แม้จะมีการฟื้นตัวหลังโควิด แต่ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ค่าเงินบาทที่แข็งตัว การแข่งขันจากประเทศเพื่อนบ้าน และภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัย ล้วนเป็นแรงกดดันที่ซ้อนทับกับฤดูกาลท่องเที่ยวที่อาจสั้นลง
💥 ผลกระทบที่อาจตามมาในระดับมหภาค
– รายได้จากภาคบริการลดลง กดดัน GDP
– แรงงานในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเสี่ยงตกงานหรือทำงานไม่เต็มเวลา
– ธุรกิจขนาดกลางและเล็ก (SMEs) ในแหล่งท่องเที่ยวหลัก เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต พัทยา เสี่ยงปิดกิจการ
– การจัดเก็บภาษีจากธุรกิจโรงแรม-ร้านอาหารลดลง
📉 🧨 ผลกระทบต่อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET และ mai)
หุ้นต่อไปนี้อาจได้รับผลกระทบโดยตรงหรือโดยอ้อมจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง:
🔻 AAV (เอเชีย เอวิเอชั่น) – เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของสายการบินไทยแอร์เอเชีย การลดลงของนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะกลุ่มจากจีนและอาเซียน ส่งผลโดยตรงต่อจำนวนเที่ยวบินและรายได้ต่อผู้โดยสาร
🔻 ASAP (ซินเนอร์เจติค ออโต้ เพอร์ฟอร์มานซ์) – ดำเนินธุรกิจให้เช่ารถยนต์ระยะสั้น-ยาว หากนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง ความต้องการเช่ารถขับเที่ยวเองก็จะลดตาม
🔻 ASIA (เอเชียโฮเต็ล) – ธุรกิจโรงแรมที่พึ่งพานักท่องเที่ยวระหว่างประเทศโดยตรง โดยเฉพาะกลุ่มจีนและมาเลเซียที่เคยเป็นรายได้หลัก
🔻 ASIMAR (เอเชียน มารีน เซอร์วิสส์) – แม้จะไม่ได้เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวโดยตรง แต่การเดินเรือเพื่อกิจกรรมท่องเที่ยวชายฝั่งหรือบริการเรือท่องเที่ยวต่างประเทศอาจได้รับผลกระทบ
🔻 ANI (เอเชีย เน็ตเวิร์ค อินเตอร์เนชั่นแนล) – บริษัทแม่ที่มีบริษัทย่อยด้านท่องเที่ยวและโรงแรม อาจได้รับผลกระทบเชิงกลยุทธ์หากแนวโน้มนี้ยังยืดเยื้อ
🌊 Ripple Effect: กระทบวงกว้างกว่าที่คิด
แม้บางหุ้นอาจไม่อยู่ในสายตานักลงทุนในกลุ่มท่องเที่ยวโดยตรง แต่การลดลงของนักท่องเที่ยวสามารถส่งผลผ่านห่วงโซ่คุณค่า เช่น
– 📦 หุ้นโลจิสติกส์ที่รับขนของระหว่างร้านค้ากับโรงแรม
– 🥤 หุ้นอาหารและเครื่องดื่มที่มีช่องทางจำหน่ายในแหล่งท่องเที่ยว
– 🧹 หุ้นแม่บ้าน-บริการทำความสะอาดที่รับงานในโรงแรมหรือที่พัก AirBnB
🔎 คำถามที่ตามมา — เราควรพึ่งพาการท่องเที่ยวมากแค่ไหน?
ในระยะยาว ประเทศไทยควรมียุทธศาสตร์กระจายความเสี่ยงทางเศรษฐกิจมากขึ้น ลดการพึ่งพารายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความผันผวนสูง เช่น จีน ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศหรือข้อจำกัดจากรัฐบาลของตนเอง
🚨 มองไปข้างหน้า: นโยบายภาครัฐควรเร่งด่วน
– ปรับกลยุทธ์ส่งเสริมการท่องเที่ยวระยะยาว เช่น Wellness Tourism หรือ Digital Nomad
– เน้นตลาดใหม่ เช่น อินเดีย เกาหลีใต้ หรือประเทศในตะวันออกกลาง
– พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัย
– เร่งเจรจาการฟื้นฟูเที่ยวบินตรงและสิทธิพิเศษวีซ่า
💬 คุณคิดเห็นอย่างไร?
📣 ประเทศไทยควรรับมือกับการลดลงของนักท่องเที่ยวอย่างไร?
✈️ จะปรับพอร์ตการลงทุนให้สอดรับกับเทรนด์ใหม่นี้อย่างไร?
🧭 แชร์ความคิดเห็นของคุณด้านล่าง — เพราะเสียงของคุณคือทิศทางอนาคตของเศรษฐกิจไทยกันค่ะ!
📌 Hashtags:
#นักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง #เศรษฐกิจไทย #หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว #ThailandTourism #SET #StockAtlas #ศึกโลกเศรษฐกิจ #BattleOfEconomies #WorldScope
📚 Reference: VietnamPlus

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา