26 มิ.ย. เวลา 23:30 • ประวัติศาสตร์

‎بِسْمِ اللَّهِ الرَّحْمَـٰنِ الرَّحِيمِ

วันศุกร์ ที่ 01 เดือนมุฮัรรอม ฮ.ศ. 1447(27 JUNE 2025)
เหตุใด..อิหร่านจึงไม่เริ่มโครงการนิวเคลียร์อย่างเป็นความลับและไม่มีการประกาศอย่างเปิดเผยตั้งแต่แรก
เป็นความบกพร่องทางเทคนิค การคำนวณทางการเมือง หรือเป็นความปรารถนาที่จะก่อให้เกิดความขัดแย้งกันแน่?
ซึ่งเราจะมาเจาะลึกประวัติศาสตร์และการเมืองเพื่อทำความเข้าใจกับความขัดแย้งทางนิวเคลียร์ของอิหร่านกันครับ
ในปี ค.ศ. 1970 กษัตริย์ชาห์ มูฮัมหมัด เรซา ปาห์ลาวี ของอิหร่านได้ริเริ่มโครงการนิวเคลียร์อันทะเยอทะยานร่วมกับการสนับสนุนจากอเมริกาและชาติตะวันตก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการเพื่อปรับปรุงอิหร่านให้ทันสมัยและเปลี่ยนให้กลายเป็นมหาอำนาจระดับภูมิภาค
ท่านชาห์มูฮัมหมัด ได้สถาปนาตัวเองเป็น "ตำรวจแห่งอ่าวเปอร์เซีย" ในช่วงสงครามเย็น ณ เวลานั้นไม่มีเสียงคัดค้านจากนานาชาติมากนัก
จากนั้นไม่นานอิหร่านได้ลงนามสนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ (NPT) ในปี ค.ศ. 1968 และโครงการดังกล่าวถือเป็นโครงการสันติภายใต้การกำกับดูแลของ IAEA
ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นทางการและเปิดเผยต่อสาธารณะประเทศและอยู่ภายใต้การควบคุมของชาติตะวันตก
แต่การปฏิวัติอิสลามในปี ค.ศ. 1979 ได้เปลี่ยนสมการทางการเมืองมาจนถึงทุกวันนี้
เหตุการณ์ปฏิวัติอิสลามที่จตุรัสใจกลางกรุงเตหะราน
กษัตริย์ชาห์มูฮัมหมัด ปาร์ราวีทรงพ่ายแพ้ และอิหม่ามโคมัยนีได้รับชัยชนะ
ทำให้โครงการนิวเคลียร์ถูกระงับชั่วคราวด้วยเหตุผลทางอุดมการณ์ทางการเมืองของผู้ปกครองใหม่
แต่หลังจากสงครามกับอิรักและการโดดเดี่ยวจากนานาชาติเป็นเวลาหลายปี อิหร่านจึงพิจารณาทางเลือกเชิงยุทธศาสตร์อีกครั้ง
แต่ถึงกระนั้น ทำไมอิหร่านจึงไม่ซ่อนโครงการนิวเคลียร์นี้เมื่อเปิดใช้งานอีกครั้งให้เป็นความลับ ?
ก็เป็นเพราะปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ดังนี้ :
: อิหร่านอยู่ภายใต้การจับตาและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดนับตั้งแต่การล่มสลายของการปกครองรอบอบกษัตริย์ และการเป็นสมาชิก NPTอีกด้วย
ได้กำหนดให้อิหร่านต้องรายงานเกี่ยวกับสถานการณ์โรงงานนิวเคลียร์อยู่เสมอๆ
ดังนั้นการรักษาความลับโดยสมบูรณ์จึงแทบจะเป็นไปไม่ได้ทั้งในแง่กฎหมายและในทางเทคนิค
: อิหร่านได้ลงนามข้อตกลงกับสำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ ซึ่งกำหนดให้อิหร่านต้องส่งรายงานเป็นระยะๆ และจำเป็นต้องอนุญาตให้มีการตรวจสอบ
ซึ่งการละเมิดกฎข้อบังคับหรือการจัดตั้งสิ่งอำนวยความสะดวกลับใดๆก็ตาม อาจนำไปสู่หายนะทางการเมืองได้
เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นกับสิ่งอำนวยความสะดวกที่นาตันซ์และอารักในเวลาต่อมา
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในพื้นที่ต่างๆของอิหร่าน
เมื่อถูกเปิดเผยโดยดาวเทียมและหน่วยข่าวกรองต่างประเทศในช่วงสงครามกับยิวไชออนิสต์ที่มีอเมริกาชักใยอยู่เบื้องหลังที่ผ่านมานั้นเอง
: เป้าหมายของสงครามครั้งนี้คือ การยับยั้งหรือกดดันไม่ให้อำนาจของอิหร่านมีความทะเยอทะยานสูงเกินไปในระดับภูมิภาคและในระดับนานาชาติ
ที่ซึ่งอิหร่านพยายามตลอดมาที่จะสถาปนาตัวเองให้เป็นมหาอำนาจระดับภูมิภาคที่มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์
: และถึงแม้โครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านจะเปิดเผยแต่ก็ทำให้มีอำนาจต่อรองและมีตำแหน่งในการเจรจาที่สูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม อิหร่านพยายามหลีกเลี่ยงเบี่ยงเบนความโปร่งใสในบางจุดด้วยการสร้างสิ่งทีีคลุมเคลือที่ไม่ได้ประกาศและปกปิดมัน เช่น โรงไฟฟ้านิเคลียร์ฟอร์โดว์
แต่ต่อมาก็ถูกเปิดเผย ทำให้เกิดแรงกดดันและทำให้เกิดการกล่าวหาจนเกินจริงและชาติตะวันตกรวมถึงยิวไชออนิสต์ที่กำลังรอสถานการณ์นี้ก็ไม่รอช้า
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยิวไชออนิสต์มองว่าความคลุมเครือใดๆเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านเป็นภัยคุกคามต่อการดำรงอยู่ของรัฐเถื่อนยิวนั่นเอง
นับแต่นั้นมายิวไชออนิสต์เริ่มขบวนการลอบสังหารนักวิทยาศาสตร์ เช่น ท่านMajid Shahriari และ ท่านFakhrizadeh
รวมถึงการโจมตีทางไซเบอร์ (ไวรัส Stuxnet) เริ่มเข้ามาขัดขวางความก้าวหน้าของอิหร่าน
ไวรัส Stuxnet
: สู่ความขัดแย้งและสงคราม บางครั้งอิหร่านก็ได้รับประโยชน์จากการที่สร้างความฮือฮาเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของตน
ยิ่งภัยคุกคามมีมากเท่าใด มูลค่าการต่อรองก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น เช่น
อิหร่านได้ประกาศต่อชาวโลกว่า “กำลังเข้าใกล้การสร้างอาวุธนิวเคลียร์” = การผ่อนปรนมากขึ้นเพื่อแลกกับการประนีประนอมทางการค้าและเศรษฐกิจที่โดนกดดันอยู่ในปัจจุบัน
โดยสรุป : อิหร่านไม่ได้เริ่มโครงการนิวเคลียร์อย่างเป็นความลับมาตั้งแต่ต้นเพราะว่า
มุ่งมั่นทางกฎหมายเพื่อความโปร่งใส (NPT) ภายใต้การกำกับดูแลระดับนานาชาติมานานหลายทศวรรษ
ในโลกแห่งการเมืองที่ประเทศที่มีโครงการนิวเคลียร์ที่ไม่ใช่อเมริกาและชาติตะวันตก
แรงกดดันจากนานาชาติทั้งทางด้านการค้า การเมือง และเศรษฐกิจไม่ใช่เรื่องลบเสมอไป
อิหร่านเชี่ยวชาญในการเล่นบนขอบของความมืดโดยไม่ตกลงไปในเหว
แต่จะคงอยู่สมดุลนี้ได้นานแค่ไหน
หากตัดสินใจข้าม “เส้นแดง” จะพังทลายลงหรือไม่ ??
เราได้รับรู้กันพอประมาณในเวลา 2 สัปดาห์ที่ผ่านมากันแล้วใช่ไหมครับ.
โฆษณา