27 มิ.ย. เวลา 10:00 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

รู้มั้ย Boeing vs Airbus แตกต่างกันตรงไหน? พร้อมไขความลับเสียงประหลาดบนเครื่อง

ช่วงนี้เราได้เห็นข่าวสารจากวงการการบินอยู่บ่อยๆล จนทำให้ชื่อของ Boeing และ Airbus สองค่ายยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตเครื่องบินโดยสารปรากฎอยู่บนหน้าฟีดอยู่บ่อยๆ ก็เลยทำให้ใครหลายคนเกิดความสงสัยว่า เครื่องบินที่เรากำลังจะขึ้นไปนั่งเนี่ยมันคือเครื่องบินจากค่ายไหนกันแน่นะ? แล้วมันแตกต่างกันยังไงบ้าง?
1
วันนี้เราเลยจะมาเจาะลึกความลับของสองขั้วอำนาจแห่งท้องฟ้ากันแบบทุกซอกทุกมุม บอกเลยว่าอ่านจบแล้วจะเข้าใจเรื่องเครื่องบินมากขึ้น แถมมีความลับเรื่องเสียงอะไรบางอย่างที่อยู่บนเครื่องบินชวนให้คุณต้องร้อง “อู้วหูว” ในตอนท้ายๆด้วย ถ้าพร้อมแล้วเตรียมรัดเข็มขัดแล้วเทคออฟไปพร้อมกันเลย 🤓
1. ประวัติความเป็นมาของ Boeing และ Airbus จุดเริ่มต้นของศึกชิงเจ้าเวหา
เปรียบเทียบสองค่ายนี้ก็เหมือนนักมวยแชมป์โลกที่เก๋าเกมปะทะนักมวยดาวรุ่งพุ่งแรงที่ไม่กลัวใคร
1
Boeing พี่ใหญ่ผู้บุกเบิกจากฝั่งอเมริกา 🇺🇸
- ก่อตั้งมานานมากตั้งแต่ปี 1916 โดย William Boeing นับเป็นผู้บุกเบิกในอุตสาหกรรมการบินมาอย่างยาวนาน สร้างเครื่องบินมาแล้วมากมาย เริ่มจากสร้างเครื่องบินส่งของทางไปรษณีย์ ต่อมาพัฒนาเป็นเครื่องบินพาณิชย์ไปจนถึงเครื่องบินรบ จุดเด่นคือการเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีการบินมาโดยตลอด สร้างชื่อเสียงมายาวนานกว่าศตวรรษ
4
Airbus น้องเล็กไฟแรงจากฝั่งยุโรป 🇪🇺
- ก่อตั้งขึ้นในปี 1970 โดยกลุ่มบริษัทจากฝรั่งเศส เยอรมนี อังกฤษ และสเปน เหตุผลที่รวมพลังกันก็เพื่อแข่งขันกับ Boeing ผู้ครองตลาดการบิน ซึ่งจุดเริ่มต้นของ Airbus คือการรวมตัวกันเพื่อสร้างเครื่องบินที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพสูง ทำให้เกิดการแข่งขันอันดุเดือดที่ส่งผลดีทำให้การพัฒนาเทคโนโลยีด้านการบินก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว จุดเริ่มต้นการแข่งขันระดับโลกจริงๆ คือช่วงปี 1990 เมื่อ Airbus A320 เปิดตัวพร้อมระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ นำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงในวงการครั้งใหญ่
4
2. การดีไซน์เครื่องบิน สังเกตยังไงกันนะ?
หากลองสังเกตดีๆ ก็จะเห็นความแตกต่างบางอย่างที่ทำให้ Boeing กับ Airbus มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เราลองไปไล่เรียงกันแต่ละส่วน
2
หน้าต่างห้องนักบิน (Cockpit Windows)
- Boeing: มักจะมีหน้าต่างห้องนักบินเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าค่อนข้างเหลี่ยม และมี "คิ้ว" เหนือหน้าต่างสองบานแรก
- Airbus: หน้าต่างห้องนักบินจะมีความโค้งมนมากกว่า และดูเหมือน "แว่นตากันแดด" 😎
3
ปลายปีก (Winglets/Sharklets):
- Boeing: รุ่นเก่าๆ อาจจะเป็นปลายปีกตรงๆ หรือเป็นโค้งงอขึ้นไปเล็กน้อย (Winglets) แต่รุ่นใหม่ๆ จะมีลักษณะเป็นปลายปีกที่งอขึ้นคล้ายมีด (Scimitar Winglets)
- Airbus: มักจะมีปลายปีกที่เรียกว่า "Sharklets" ซึ่งเป็นแผ่นปลายปีกขนาดใหญ่ที่โค้งขึ้นไปอย่างชัดเจน ดูคล้ายครีบฉลาม
5
จมูกเครื่องบิน (Nose Cone):
- Boeing: จมูกจะมีความแหลมคมกว่า
- Airbus: จมูกจะมีความโค้งมนและทู่กว่าเล็กน้อย
2
ดีไซน์ภายใน:
- ห้องโดยสาร Airbus มักจะให้ความรู้สึกโปร่งโล่งกว่าเล็กน้อย ด้วยการออกแบบช่องเก็บสัมภาระเหนือศีรษะที่โค้งมนและพื้นที่กว้างขวางกว่า (ในบางรุ่น)
4
3. ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมใครล้ำกว่ากัน?
ทั้งสองค่ายต่างก็เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี แต่มีปรัชญาการออกแบบที่ไม่เหมือนกัน เปรียบง่ายๆ ก็เหมือนรถสปอร์ตที่เน้นฟีลลิ่งคนขับ🏎️ กับรถยนต์ไฟฟ้าที่เน้นความฉลาดของระบบนั่นแหละครับ💡
ระบบการควบคุม (Flight Control System)
- Boeing: เน้นระบบควบคุมแบบดั้งเดิมที่เรียกว่า "Yoke" หรือ "Control Column" (ไอ้พวงมาลัยหน้าตาเหมือนเขาวัวนั่นแหละ) นักบินต้องดึงเข้าออกและหมุนเพื่อควบคุมเครื่องบิน นักบินจะรู้สึกได้ถึง แรงต้านของอากาศและฟีดแบ็กจากเครื่องบินโดยตรง ทำให้รู้สึกเหมือนได้ "ขับ" เครื่องบินด้วยตัวเองจริงๆ
3
- Airbus: เป็นผู้นำในการใช้ระบบ "Fly-by-Wire" ซึ่งหมายถึงการส่งคำสั่งจากนักบินผ่านระบบคอมพิวเตอร์ไปยังพื้นผิวควบคุมของเครื่องบินโดยตรง และใช้ "Sidestick" (ก้านควบคุมเล็กๆ ที่อยู่ข้างๆ นักบิน) แทน Yoke ระบบนี้มี "Flight Envelope Protection" ที่จะช่วยป้องกันไม่ให้นักบินบังคับเครื่องบินออกนอกขีดจำกัดที่ปลอดภัย
6
ระบบอัตโนมัติ
- ทั้ง Boeing และ Airbus ต่างก็มีระบบอัตโนมัติที่ซับซ้อนและทันสมัยมากๆ เพื่อช่วยลดภาระงานของนักบินและเพิ่มความปลอดภัยในการบิน
3
แต่ Airbus จะโดดเด่นในเรื่องของระบบที่ "ฉลาด" กว่า และมีการป้องกันการทำผิดพลาดของนักบินที่ซับซ้อนกว่า (Fault Tolerance)
ความแตกต่างของประสบการณ์นักบิน
- Boeing: นักบินจะรู้สึกเหมือนเป็น "ผู้ควบคุม" เครื่องบินโดยตรง การตอบสนองของเครื่องบินจะเป็นไปตามคำสั่งของนักบินเกือบจะทันที ให้ฟีลเหมือนขับรถยนต์เกียร์ธรรมดา ที่คนขับจะรับรู้ได้ทุกแรงต้านและแรงเสียดทาน
2
- Airbus: นักบินจะรู้สึกเหมือนกำลัง "สั่งการ" คอมพิวเตอร์ให้ทำการบิน ระบบจะประมวลผลคำสั่งและปรับแต่งให้เหมาะสมกับสภาวะการบินเพื่อความปลอดภัยสูงสุด ให้ฟีลเหมือนขับรถยนต์ไฟฟ้าล้ำๆ อย่าง Tesla ที่มีระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติคอยช่วยแบ่งเบาภาระและเพิ่มความสบายในการขับ (ซึ่งบางคนก็ชอบ บางคนก็ไม่ชอบนะ แล้วแต่สไตล์)
3
4. ความรู้สึกของผู้โดยสาร: นั่ง Boeing กับ Airbus ต่างกันไหม?
บอกเลยว่าความรู้สึกที่ผู้โดยสารจะได้รับนั้น ขึ้นอยู่กับรุ่นของเครื่องบิน และการตกแต่งภายในของสายการบินนั้นๆ มากกว่า ความแตกต่างระหว่าง Boeing และ Airbus โดยตรงอาจจะไม่ชัดเจนเท่าที่คิด
ความรู้สึก / ความสบาย ☁️
- แรงดันในห้องโดยสาร: เครื่องบินรุ่นใหม่ๆ อย่าง Boeing 787 และ Airbus A350 สามารถรักษาระดับความดันในห้องโดยสารให้ใกล้เคียงกับระดับความสูงที่ต่ำกว่า (ประมาณ 6,000 ฟุต แทนที่จะเป็น 8,000 ฟุต) ทำให้ผู้โดยสารรู้สึกสดชื่นขึ้น ไม่เหนื่อยล้าง่าย และลดอาการเจ็ตแล็ก
ความชื้น:
- เครื่องบินรุ่นใหม่ๆ ก็สามารถรักษาระดับความชื้นในห้องโดยสารได้ดีขึ้น ทำให้ผิวไม่แห้งเท่าเดิม
ขนาดที่นั่งและพื้นที่วางขา:
- อันนี้ขึ้นอยู่กับ "สายการบิน" เป็นหลักเลยครับ สายการบินบางแห่งอาจจะจัดที่นั่งแบบแน่นๆ เพื่อเพิ่มจำนวนผู้โดยสาร ในขณะที่บางสายการบินอาจจะเน้นความกว้างขวางเพื่อความสบาย (ถ้าอยากนั่งสบายก็ต้องเลือกสายการบินที่ให้พื้นที่เยอะ)
1
5. เปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของแต่ละค่าย
มาดูกันชัดๆ ถึงความต่างของแต่ละค่าย
เริ่มที่ข้อดี ข้อเสีย ของค่าย Boeing อดีตแชมป์ผู้เก๋าเกม
  • ข้อดี ค่าย Boeing
4
- ความแข็งแกร่งและความทนทาน: ได้รับการยอมรับเรื่องความแข็งแกร่งและอายุการใช้งานที่ยาวนาน💪
- ประสิทธิภาพการบิน: โดยรวมแล้วมักจะทำความเร็วและเพดานบินได้สูงกว่าในบางรุ่น
- ความคุ้นเคยของนักบิน: นักบินจำนวนมากคุ้นเคยกับการควบคุมแบบ Yoke
- ชื่อเสียง: มีประวัติอันยาวนานและเป็นที่รู้จักในฐานะผู้บุกเบิก
  • ข้อเสีย ค่าย Boeing
- ราคา: อาจจะมีราคาสูงกว่าคู่แข่งในบางรุ่น
- เทคโนโลยี Fly-by-Wire ที่มาช้ากว่า: เพิ่งจะนำมาใช้ในรุ่นหลังๆในขณะที่ Airbus ใช้มานานแล้ว
มาดูข้อดี ข้อเสีย ของค่าย Airbus ดาวรุ่งพุ่งแรงผู้มาพร้อมเทคโนโลยี
  • ข้อดี ค่าย Airbus
- เทคโนโลยี Fly-by-Wire และ Sidestick: ช่วยลดภาระนักบินและเพิ่มระบบป้องกันความผิดพลาด
- ห้องนักบินที่มีหน้าตาเดิม: หลายรุ่นมีห้องนักบินที่คล้ายกัน ทำให้นักบินมีความคุ้นเคยกว่าเวลาเปลี่ยนไปขับรุ่นอื่น
- ประหยัดเชื้อเพลิง: เครื่องบินของ Airbus มักจะเน้นเรื่องความประหยัดเชื้อเพลิงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
- ความทันสมัยของดีไซน์ภายใน: หลายรุ่นให้ความรู้สึกโปร่งโล่งและทันสมัย
1
  • ข้อเสีย ค่าย Airbus
- ความรู้สึกในการควบคุม: นักบินบางคนอาจจะไม่ชอบความรู้สึกที่ "คอมพิวเตอร์คอยควบคุม" มากเกินไป
- ต้นทุนการฝึกอบรม: ต้องมีการฝึกอบรมนักบินที่แตกต่างไปจาก Boeing
-----------
คำถามต่อมาที่หลายคนอยากรู้คือสายการบินในไทยใช้รุ่นไหนกันบ้าง?
มาดูกันว่าสายการบินโปรดของคุณใช้เครื่องบินของค่ายไหน
1. สายการบินไทย (Thai Airways): ใช้ทั้ง Boeing (เช่น 777, 787) และ Airbus (เช่น A330, A350)
2. ไทยแอร์เอเชีย (Thai AirAsia): ส่วนใหญ่ใช้เครื่องบิน Airbus A320 และ A321
3. นกแอร์ (Nok Air): ใช้ Boeing 737 เป็นหลัก
4. ไทยไลอ้อนแอร์ (Thai Lion Air): ใช้ Boeing 737 เป็นหลัก
5. บางกอกแอร์เวย์ส (Bangkok Airways): ใช้ Airbus A319, A320 และ ATR (เครื่องบินใบพัด)
2
จะเห็นว่าสายการบินส่วนใหญ่ในไทยก็ใช้ทั้งสองค่ายเลยนะ
ใครที่บินบ่อยๆ ลองสังเกตดูว่าตัวเองเจอเครื่องบินค่ายไหนบ่อยกว่ากัน
1
6. หากมองในด้านธุรกิจ การผลิต ยอดขาย และความนิยม ค่ายไหนเหนือกว่ากัน
ในด้านการผลิตและยอดขายถือว่าทั้ง Boeing และ Airbus เป็นผู้ผลิตเครื่องบินพาณิชย์รายใหญ่ที่สุดในโลก โดยมักจะผลัดกันครองตำแหน่งผู้นำ ขึ้นอยู่กับยอดสั่งซื้อและยอดส่งมอบเครื่องบิน ในช่วงปี่ที่ผ่านมา Airbus มักจะมียอดส่งมอบเครื่องบินสูงกว่า Boeing เล็กน้อย แต่ยังไงก็ตามทั้งสองบริษัทก็มียอดสั่งซื้อที่รอการส่งมอบจำนวนมหาศาล แสดงให้เห็นถึงความต้องการที่สูงในตลาดเครื่องบิน
ส่วนในด้านความนิยม เครื่องบินลำตัวแคบ (Single-Aisle) อย่าง Airbus A320 Family (A319, A320, A321) และ Boeing 737 Family เป็นเครื่องบินที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกสำหรับการบินระยะสั้นถึงปานกลาง
เครื่องบินลำตัวกว้าง (Wide-Body): Boeing 787 Dreamliner, Boeing 777, Airbus A350 และ Airbus A330 เป็นรุ่นยอดนิยมสำหรับการบินระยะไกล
1
โดยรวมแล้ว ทั้งสองค่ายต่างก็เป็นที่นิยมอย่างกว้างขวาง และมีส่วนแบ่งตลาดที่ใกล้เคียงกันมาก เปรียบได้กับศึกระหว่าง Coca-Cola กับ Pepsi นั่นแหละ
7. มาดูในเรื่องบันทึกสถิติการเกิดปัญหาและความปลอดภัยกันบ้าง
เรื่องความปลอดภัยถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในอุตสาหกรรมการบิน และทั้ง Boeing และ Airbus ต่างก็มีมาตรฐานความปลอดภัยที่สูงมาก
  • รุ่นที่เกิดปัญหาดังๆ
⭐️Boeing:
Boeing 737 MAX: นี่คือเรื่องที่ถูกพูดถึงมากที่สุด เกิดอุบัติเหตุร้ายแรง 2 ครั้งในปี 2018 และ 2019 สาเหตุหลักมาจากระบบ MCAS (Maneuvering Characteristics Augmentation System)
1
ระบบ MCAS ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันการร่วงหล่น (stall) ของเครื่องบิน โดยจะปรับมุมแพนหางระดับ (horizontal stabilizer) โดยอัตโนมัติเพื่อกดหัวเครื่องบินลง ในกรณีที่เซ็นเซอร์ตรวจจับมุมปะทะ (angle of attack) พบว่าหัวเครื่องบินเชิดสูงเกินไปและไม่สัมพันธ์กับความเร็ว ระบบจะทำงานเพื่อลดมุมปะทะให้เครื่องบินกลับสู่สภาวะปกติ
ปัญหาคือหากเซ็นเซอร์วัดค่าผิดพลาด ทำให้ MCAS เข้าใจว่าเครื่องบินกำลังจะร่วงหล่นทั้งที่จริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น ระบบจะยังคงพยายามกดหัวเครื่องบินลงอย่างต่อเนื่อง แม้ว่านักบินจะพยายามแก้ไขโดยการดึงคันบังคับให้หัวเครื่องบินเชิดขึ้น แต่ MCAS ก็จะต่อต้านการควบคุมของนักบิน ทำให้หัวเครื่องบินถูกกดลงจนเป็นเหตุให้เครื่องบินตกในที่สุด ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับเครื่องบินทั้งสองลำที่ประสบอุบัติเหตุ.
ทำให้เครื่องบินรุ่นนี้ถูกระงับการบินทั่วโลกเป็นเวลานาน ปัจจุบันได้รับการแก้ไขและกลับมาบินได้แล้ว
2
⭐️Airbus:
Airbus A330 (Air France Flight 447): เกิดเหตุตกในมหาสมุทรแอตแลนติกในปี 2009 ซึ่งเกิดจากปัจจัยหลายอย่างรวมกัน
1
ทั้งการตัดสินใจของนักบินที่ไม่สามารถรักษาระดับการบินได้ ไม่เข้าใจปัญหา และเพิกเฉยต่อสัญญาณเตือนสภาวะร่วงหล่น (Stall) ที่ดังถึง 75 ครั้ง แต่ยังคงดึงคันบังคับเข้าหาตัว ทำให้เครื่องสูญเสียแรงยกและตกกระทบพื้นน้ำอย่างรวดเร็วและปัญหาเกี่ยวกับ Pitot Tubes (อุปกรณ์วัดความเร็ว) ถูกน้ำแข็งเกาะจากสภาพอากาศที่แปรปรวน ทำให้ใช้การไม่ได้
1
ระบบการบินอัตโนมัติ (Autopilot) หยุดทำงาน เนื่องจากเครื่องบินสูญเสียความสามารถในการวัดความเร็ว
  • แล้วรุ่นที่ปลอดภัยหละ
โดยรวมแล้ว เครื่องบินทุกรุ่นที่ได้รับอนุญาตให้ทำการบินล้วนผ่านการทดสอบและมีมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด ความปลอดภัยของเครื่องบินไม่ได้ขึ้นอยู่กับ "รุ่น" โดยตรง แต่ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น การบำรุงรักษาของสายการบิน การฝึกอบรมของนักบิน และสภาพอากาศ
  • ข้อสรุปเรื่องความปลอดภัย:
แม้จะมีเหตุการณ์ที่น่าเศร้าเกิดขึ้นกับเครื่องบินบางรุ่น แต่สิ่งสำคัญคือ การบินยังคงเป็นรูปแบบการเดินทางที่ปลอดภัยที่สุดในโลก เมื่อเทียบกับรูปแบบการเดินทางอื่นๆ เหตุการณ์ร้ายแรงนั้นเกิดขึ้นน้อยมาก และมักจะนำไปสู่การปรับปรุงมาตรฐานและเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง
1
8. แนวโน้มการพัฒนาเครื่องบินในอนาคต
ทั้ง Boeing และ Airbus กำลังมุ่งเน้นการพัฒนาเครื่องบินให้ดีขึ้นครบทุกด้าน เช่น
1. ประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้น: โดยออกแบบแอโรไดนามิกที่ดีขึ้น ใช้วัสดุน้ำหนักเบา และพัฒนาเครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพสูง
1
2. เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม: เน้นการลดการปล่อยมลพิษ การพัฒนาเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (SAF - Sustainable Aviation Fuel) และการศึกษาเทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้าหรือไฮโดรเจนสำหรับเครื่องบินในอนาคต
1
3. เชื่อมต่อและอัจฉริยะมากขึ้น: ระบบการสื่อสารบนเครื่องบินที่ทันสมัย การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่เร็วขึ้น และระบบการจัดการข้อมูลที่ซับซ้อนขึ้น
4. สบายยิ่งขึ้นสำหรับผู้โดยสาร: การออกแบบห้องโดยสารที่ยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนได้ การเพิ่มความสะดวกสบาย และลดผลกระทบจากการเดินทางระยะไกล
-----------
เอาหละแล้วจะเช็กยังไงว่าเครื่องที่เรากำลังจะขึ้น เป็นของ Boeing หรือ Airbus?
นี่คือวิธีที่คุณสามารถดูได้เอง
1. สังเกตุจากตัวเครื่อง หน้าต่างห้องนักบิน ปลายปีก จมูกเครื่องบิน (ย้อนกลับไปดูที่อธิบายไว้ช่วงต้นบทความ)
2. ดูจากตั๋วโดยสาร (Boarding Pass) บางครั้งตั๋วจะระบุรุ่นเครื่องบินไว้เลย (เช่น B737, A320)
3. แอปพลิเคชัน FlightRadar24 หรือ FlightAware ใส่เลขเที่ยวบินของคุณแค่นี้ก็รู้ข้อมูลเลย
1
สุดท้ายขอแถมให้เรื่องนึงเผื่อมีใครเคยสังเกตุหรือเคยได้ยินเสียงแปลกๆ บนเครื่อง Airbus ไหม? ซึ่งจะเป็นเสียงเหมือนเป็ดร้อง (Duck Quack) หรือเสียงหมาเห่า (Bark) ที่มักจะได้ยินตอนที่เครื่องบินเตรียมบินขึ้น หรือตอนที่เครื่องบินกำลังเข้าจอด
1
แล้วเสียงนี้มันคืออะไร?
ไม่ต้องตกใจไป เสียงนี้เป็นเสียงปกติของ ระบบไฮดรอลิกในเครื่องบินแบบ Airbus A320 Family (รวมถึง A319, A321) โดยเฉพาะ มันคือเสียงของ Power Transfer Unit (PTU) ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยถ่ายโอนแรงดันไฮดรอลิกจากระบบหนึ่งไปยังอีกระบบหนึ่ง โดยไม่ต้องใช้พลังงานจากเครื่องยนต์
เจ้า PTU นี้จะทำงานเมื่อมีแรงดันในระบบไฮดรอลิกไม่เท่ากัน (เช่น ตอนที่เครื่องยนต์เครื่องหนึ่งดับ) เพื่อรักษาระดับแรงดันให้คงที่ เพื่อให้ระบบสำคัญๆ เช่น ระบบเบรก หรือระบบควบคุมการบิน ยังทำงานได้ เสียงนี้จะดังขึ้นเป็นจังหวะ "แคว๊กๆ" หรือ "บาร์คๆ" เหมือนเสียงเป็ดหรือเสียงหมาเห่า
1
เอาจริงๆนะตอนแรกที่ผมได้ยินเสียงนี้ครั้งแรก ผมนึกว่าเสียงเครื่องกำลังเก็บหรือกางล้อซะอีก มีใครเคยได้ยินเสียง PTU กันบ้างไหม แล้วคิดว่ามันเป็นเสียงอะไรกัน คอมเมนต์บอกกันหน่อย
ส่วนเครื่อง Boeing จะไม่มีเสียงนี้นะ ก็ไม่ต้องตกใจ เพราะการออกแบบระบบไฮดรอลิกของทั้งสองค่ายแตกต่างกัน นั่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ Airbus A320 Family นั่นเอง
1
หวังว่าบทความนี้จะทำให้คุณเข้าใจความแตกต่างระหว่าง Boeing และ Airbus ได้สนุกขึ้นและชัดเจนขึ้นนะ คราวหน้าก่อนขึ้นเครื่อง ลองสังเกตดูว่าลำที่คุณกำลังจะขึ้นเป็นของค่ายไหน แล้วอย่าลืมฟังเสียง PTU ของ Airbus กันด้วยหละ 😄
1
คลิกฟังเสียง PTU 📲 https://www.tiktok.com/@super.mayae/video/7237696723466865926
📊ชวนตอบแบบสำรวจประสบการณ์การใช้งานแอปฯ Blockdit
ใช้เวลาไม่นาน 1 - 2 นาทีเท่านั้นเอง
📌 ทำแบบสำรวจ 👉 https://bit.ly/4iTuZtx
⭐️โปรโมตแบรนด์ให้ตรงเป้า เข้าถึงคนจริง แบบมีคุณภาพ บนแพลตฟอร์ม Blockdit
สนใจกรอกฟอร์ม 📲 https://bit.ly/497KSYM

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา