27 มิ.ย. เวลา 08:27 • สุขภาพ
CT scan

เรื่องเล่าจากห้อง CT Scan

“ทุกครั้งที่สแกนสมองคนไข้ ฉันมักจะนึกถึงตัวเอง…
ถ้าฉันมองเห็นชีวิตตัวเองผ่านเครื่องนี้ได้ก็คงดี จะได้รู้ว่ามันพังตรงไหน”
ฉันชื่อดรีมค่ะ
ทำงานในแผนก CT Scan ของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง
เป็นงานที่ฉันรักมากที่สุด
ทุกครั้งที่เห็นภาพจากเครื่อง ฉันรู้เลยว่าฉันได้ช่วยหมอช่วยชีวิตคนอีกคนไว้
…แต่แปลกดีค่ะ ช่วยชีวิตคนได้ทุกวัน
แต่กลับช่วยชีวิตตัวเองไม่ได้เลย
✨ งานที่ฉันรัก…จริงๆ
ฉันเรียนทางรังสีเทคนิค และรู้ตั้งแต่เรียนปี 2 แล้วว่า CT Scan คือสิ่งที่ใช่สำหรับฉัน
มันเป็นเทคโนโลยีที่น่าทึ่ง
ฉันชอบเวลาที่ได้ประสานงานกับหมอ พยาบาล ญาติคนไข้ แล้วเราทำงานกันเป็นทีม
เวลามีเคสฉุกเฉินเข้ามา ฉันไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่นเลยนอกจาก “ทำยังไงให้เร็วที่สุด และแม่นที่สุด”
ฉันภูมิใจทุกครั้งที่สแกนเจออะไรบางอย่างแล้วช่วยให้ทีมวินิจฉัยได้เร็วขึ้น
…แต่ข้างหลังความชอบนั้น
ฉันมีชีวิตที่พังยับเยิน ไม่ต่างจากสมองที่เต็มไปด้วยเลือดจากเคส Stroke
❌ ฉันพลาดอะไรในชีวิต?
ฉันย้ายจากต่างจังหวัด มาทำงานโรงพยาบาลที่ไม่รู้จักใคร
เริ่มต้นใหม่คนเดียวในเมืองใหญ่ เช่าห้องคนเดียว ค่าใช้จ่ายก็เยอะกว่าที่บ้าน
แต่ฉันคิดว่า “ไม่เป็นไร เดี๋ยวมันจะดีขึ้น”
แต่แล้วก็เริ่มมีหนี้บัตร มีของที่อยากได้
เริ่มผ่อนนั่นผ่อนนี่ คิดว่าเดือนหน้าจะจัดการได้…
แต่เดือนหน้ามันไม่เคยดีขึ้นเลย
มีค่าใช้จ่ายใหม่เข้ามาเรื่อย ๆ
เงินเดือนเข้ามาทุกเดือน แต่ไม่มีวันพอ
ที่หนักสุดคือ “บัญชีเงินเดือนโดนอายัด” เพราะหนี้สินเก่า
HR ต้องออกเงินเป็นเช็คให้
แต่ก็ขึ้นเงินไม่ได้ เพราะเปิดบัญชีใหม่ก็ไม่ได้—เพราะมีชื่อในระบบอายัด
ตอนนี้ฉันค้างค่าเช่าห้อง 3 เดือน
และต้องจ่ายหนี้รายเดือนอีก 5,000
ไม่มีญาติให้พึ่งพา ไม่มีใครหยิบยืมได้
ชีวิตที่เคยตั้งใจไว้ มันค่อย ๆ พังลง
ไม่ใช่เพราะไม่ทำงานนะคะ ฉันทำงานหนักมาก
ฉันอยู่เวรแบบ 2 วันติดแล้วค่อยลงเวร
เริ่มงานวันจันทร์ 8 โมง ลงอีกทีเย็นวันพุธ
บางทีไม่ได้หลับแบบจริงจังเลยทั้งคืน
พฤหัสเช้า ฉันก็ต้องลุกขึ้นมาทำงานต่ออีกแล้ว
😔 ฉันเคยรู้สึกเหมือน “คนที่ช่วยคนอื่น แต่ไม่มีใครช่วยฉัน”
บางคืน ฉันเดินออกจากห้อง CT ไปเข้าห้องน้ำ
แสงไฟนีออนเย็น ๆ เสียงเครื่องเตือนชีพจรยังดังจากห้องฉุกเฉิน
ฉันมองกระจก เห็นตัวเองโทรมเหมือนคนป่วย
แล้วก็ถามตัวเองเบา ๆ ว่า
“เราจะอยู่แบบนี้อีกนานแค่ไหน?”
ไม่มีคำตอบค่ะ
💡 แต่ตอนนี้…ฉันยังไม่ยอมแพ้
ถึงฉันจะผิดพลาดเรื่องการเงิน และวางแผนชีวิตไม่ดี
แต่ฉันก็ยังอยาก “ใช้สิ่งที่ฉันมี” เพื่อสร้างอะไรบางอย่าง
ฉันเริ่มเขียนเรื่องเล่าพวกนี้ เพราะอยากแบ่งปันให้ใครสักคนรู้ว่า
มีคนแบบฉันอยู่นะ คนธรรมดาที่รักงานมาก แต่พลาดทางชีวิตไป
บางที การได้เขียน อาจเป็นทางออกใหม่
บางที อาจจะมีคนอ่านเรื่องฉันแล้วรู้สึก “ฉันไม่ได้ลำพัง”
และบางที…นี่อาจจะเป็นทางรอดสำหรับฉันด้วย
🙏 ถ้าคุณกำลังเจออะไรคล้าย ๆ กัน
ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้
คุณอาจไม่รู้จักฉัน แต่การที่คุณอยู่ตรงนี้…
ทำให้ฉันรู้สึกว่า ฉันยังมี “เสียง” ที่มีคนได้ยินอยู่
โฆษณา