30 มิ.ย. เวลา 03:00 • ไลฟ์สไตล์

“ถนนทรงวาด” จุดเริ่มต้นธุรกิจเจ้าสัว สู่จุดเช็กอินแห่งใหม่ ของวัยรุ่น

- “ทรงวาด” หนึ่งในย่านการค้าเก่าแก่ของพระนคร ถนนสายประวัติศาสตร์สั้น ๆ ที่มีความยาวเพียง 1 กิโลเมตรกว่า ๆ ทอดตัวขนาบข้างไปกับแม่น้ำเจ้าพระยา
ปัจจุบัน ภาพของทรงวาด ไม่ได้เป็นเพียงย่านการค้าเก่าแก่อีกต่อไปแล้ว แต่ทรงวาดได้กลายเป็นจุดเช็กอินแห่งใหม่ล่าสุด ของคนกรุงเทพฯ ในยุคนี้
ด้วยการเป็นย่านที่รวม คาเฟ ร้านอาหาร บาร์ แกลเลอรีศิลปะ และร้านค้าแบบชิก ๆ ไว้ด้วยกันบนถนนสายเดียว
1
และยังได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 40 ย่าน ที่ดีที่สุดในโลก ประจำปี 2023 จากการจัดอันดับของ Time Out สื่อด้านไลฟ์สไตล์อีกด้วย
1
แล้วจากย่านการค้าเก่าแก่ของพระนคร กลายมาเป็น จุดเช็กอินแห่งใหม่ ของเหล่าวัยรุ่นได้อย่างไร ?
ย่านทรงวาด เป็นย่านการค้าเก่าแก่ ที่มีความยาวเพียง 1,196 เมตร หรือเพียง 1 กิโลเมตรกว่า ๆ ในสมัยรัชกาลที่ 5
1
เพื่อลดความแออัดของสำเพ็ง ซึ่งเป็นย่านการค้าของชาวไทยเชื้อสายจีน ที่อยู่ใกล้ ๆ กัน และเพิ่งถูกไฟไหม้ไปในช่วงเวลานั้น
ด้วยทำเลที่ตั้งของย่านทรงวาด ที่ทอดยาวไปตามแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้มี “ท่าเรือ” เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก นำมาสู่การเป็นทำเลทองของการค้าขาย การคมนาคม การแลกเปลี่ยน และการขนส่งสินค้าต่าง ๆ
1
จนย่านทรงวาด ไม่ได้เป็นเพียงย่านการค้าสำคัญของพระนครในช่วงเวลานั้น แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นการทำธุรกิจของ “เจ้าสัว” และธุรกิจใหญ่ ๆ ที่เราคุ้นเคยกันในปัจจุบัน เช่น
- ร้านขายเมล็ดพันธุ์ผัก ชื่อ “เจียไต้จึง” ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของเครือเจริญโภคภัณฑ์
1
- ธนาคารกรุงเทพ สาขาแรก ที่หัวมุมถนนทรงวาด-ราชวงศ์
1
- ร้านขายสินค้าเบ็ดเตล็ด ชื่อ “เฮียบเซ่งเชียง” ที่เป็นต้นกำเนิดของเครือสหพัฒนพิบูล
1
ทีนี้ หลังจากรู้จักประวัติศาสตร์ของย่านทรงวาดกันแบบคร่าว ๆ แล้ว
2
คำถามต่อมาคือ ทำไมย่านทรงวาด ถึงกลายเป็นจุดเช็กอินชิก ๆ และเต็มไปด้วย คาเฟ ร้านอาหาร บาร์ แกลเลอรีศิลปะ จำนวนมาก จนกลายเป็นเอกลักษณ์ในปัจจุบันของย่านนี้
หากวิเคราะห์กันแบบง่ายที่สุด สาเหตุที่ทำให้ย่านทรงวาดเต็มไปด้วย คาเฟ ร้านอาหาร บาร์ แกลเลอรีศิลปะ จำนวนมาก เกิดขึ้นได้ในมุมการตลาด
1
- เสน่ห์ของย่านทรงวาด เป็นเหมือน Brand Story ในมุมการตลาด
1
สิ่งที่ย่านทรงวาดมี คือ เสน่ห์ และเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอาย ของความเป็นย่านการค้าเก่าแก่
1
ที่แม้ในปัจจุบันย่านการค้าจะขยับขยายออกไปยังพื้นที่อื่น ๆ เช่น สีลม สาทร สุขุมวิท กันหมดแล้ว
1
แต่ทรงวาด ยังคงรักษาเสน่ห์ และเอกลักษณ์เฉพาะตัวได้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น วิถีชีวิตของผู้คน ประวัติศาสตร์ ความเป็นมาของพื้นที่ รวมถึงศิลปะ และสถาปัตยกรรมเก่าแก่ ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน
1
ซึ่งสิ่งเหล่านี้ หากอธิบายในมุมการตลาด และเปรียบเทียบย่านทรงวาด เป็นแบรนด์แบรนด์หนึ่ง
วิถีชีวิต ประวัติศาสตร์ ความเป็นมา รวมถึงศิลปะ และสถาปัตยกรรมเก่าแก่ ก็เป็นเหมือนเรื่องราวของแบรนด์ (Brand Story) ที่สามารถนำไปเล่า เพื่อเชื่อมโยงกับอารมณ์และความรู้สึก รวมถึงสร้างความแตกต่างให้กับแบรนด์ ในมุมมองของลูกค้าได้
1
- ใช้วัฒนธรรมของย่าน เป็นการตลาดรูปแบบหนึ่ง
โดยใช้ชื่อว่า “Made in Song Wat” ที่เป็นการรวมกลุ่มกันของผู้ประกอบการในย่านทรงวาดมากกว่า 60 ราย เพื่อร่วมกันวางแผนอนาคตให้กับย่านทรงวาด ให้เติบโตไปพร้อมกันทั้งย่าน
1
ไม่ว่าจะเป็น การวางคอนเซปต์ของย่านทรงวาดไว้ว่า Old Meet New ที่ต้องการทำให้ผู้ประกอบการ ทั้งผู้ประกอบการดั้งเดิม และผู้ประกอบการหน้าใหม่ ที่เพิ่งเข้ามาในพื้นที่ สามารถเติบโตไปพร้อมกันได้
โดยสิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนมากที่สุดก็คือ การร่วมกันวางแผนเพื่อจัดกิจกรรม หรืออิเวนต์ให้กับย่านทรงวาดอยู่เสมอ
เพื่อเพิ่มความน่าสนใจ และดึงดูดให้คนเข้ามาในย่านทรงวาด เพราะร้านค้าเพียงร้านเดียว คงไม่สามารถดึงดูดความสนใจได้ดีเท่ากับคนทั้งย่านร่วมกันทำ
โดยตัวอย่างของสิ่งที่ Made in Song Wat ร่วมกันทำ เช่น
- Song Wat Guidebook เพื่อจัดทำคู่มือสถานที่สำคัญภายในย่านทรงวาด
1
- การคอลแลบ เพื่อจัดกิจกรรมร่วมกับภาพยนตร์เรื่อง แมนสรวง
1
- การจัดงาน Song Wat Week
- การจัดงาน Bangkok Design Week ร่วมกับย่านอื่น ๆ ที่อยู่ใกล้เคียงกัน
1
จะเห็นได้ว่า สิ่งที่ย่านทรงวาดทำ คือการใช้จุดแข็งทางด้าน สเน่ห์ และเอกลักษณ์เฉพาะตัวของตัวเอง มาใช้ในการทำการตลาดให้กับตัวเอง
ซึ่งการตลาดในแง่มุมนี้ เรียกได้ว่าเป็น Cultural Marketing (การตลาดเชิงวัฒนธรรม) รูปแบบหนึ่ง
โดย Cultural Marketing ก็คือ กลยุทธ์การตลาดรูปแบบหนึ่ง ที่ใช้วัฒนธรรม ไม่ว่าจะเป็น ค่านิยม ความเชื่อ วิถีชีวิต ภาษา รวมถึงบริบททางสังคม มาใช้ในด้านการตลาด
เพื่อสร้างความรู้สึกทางอารมณ์ เชื่อมโยงระหว่างแบรนด์กับลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงสร้างความรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ระหว่างแบรนด์กับลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมายได้ดี
ทั้งหมดนี้ คือการวิเคราะห์ย่านทรงวาด ในมุมการตลาดแบบง่าย ๆ
หากสรุปกันอีกครั้ง
สิ่งที่เราเห็นได้อย่างชัดเจนมากที่สุด ก็คงเป็นการเปรียบเทียบได้ว่า หากทรงวาดเป็นแบรนด์ ก็คงเป็นแบรนด์ที่มีความเก่าแก่ และมีเรื่องราวของตัวเอง
และแบรนด์แบรนด์นี้ ก็หยิบเอาความเก่าแก่ และเรื่องราวของตัวเอง มาใช้ได้อย่างถูกจุด
จึงทำให้ ทรงวาด จากย่านการค้าเก่าแก่ กลายมาเป็นจุดเช็กอินแห่งใหม่ ของเหล่าวัยรุ่นในปัจจุบันนั่นเอง..
โฆษณา