30 มิ.ย. เวลา 07:46 • ข่าวรอบโลก

🌍 ธนาคารเอเชียเร่งปล่อยกู้ตะวันออกกลางกว่า 2 พันล้านดอลลาร์

✳️ Asian Banks Fuel Over $2 Billion Loan Boom Across Middle East
ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา บรรดาธนาคารในเอเชีย โดยเฉพาะจากภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กำลังเป็นกำลังหลักในการสนับสนุนแหล่งเงินกู้แก่ประเทศในตะวันออกกลาง มูลค่ารวมกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงเงินกู้ 1 พันล้านดอลลาร์ของ Saudi Electricity, 750 ล้านดอลลาร์ของ Banque Saudi Fransi และอีก 500 ล้านดอลลาร์สำหรับ Al Ahli Bank of Kuwait
✨ สิ่งที่สะท้อนคือ ความต้องการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากตลาดพันธบัตรโลกและตลาดในประเทศ ทำให้ผู้กู้ในตะวันออกกลางหันมาระดมทุนจากธนาคารในเอเชียมากขึ้น โดยเฉพาะในบริบทที่ราคาน้ำมันลดต่ำลง และรัฐต่างๆ กำลังเร่งเครื่องแผนการแปลงโฉมเศรษฐกิจ
💸 แรงขับจากราคาน้ำมันต่ำและนโยบายแปลงโฉมเศรษฐกิจ
แม้ตะวันออกกลางจะมั่งคั่งด้วยพลังงาน แต่ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงการพึ่งพิงราคาน้ำมันได้ เช่น ซาอุดิอาระเบียที่ต้องใช้น้ำมันราคา 92 ดอลลาร์/บาร์เรลเพื่อให้สมดุลงบประมาณ ขณะที่ราคาตลาดต่ำกว่านั้นมาก ส่งผลให้รัฐบาลและบริษัทท้องถิ่นต้อง “ยืมหนี้เพื่อปฏิรูป” ภายใต้โครงการ Vision 2030 ที่มีมูลค่าถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์
📌 ประเทศอย่าง กาตาร์ คูเวต และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ก็เร่งลงทุนเพื่อผลักดันโครงสร้างพื้นฐานใหม่ๆ เช่น Smart City, Green Economy และธุรกิจไม่พึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล
🔎 บทวิเคราะห์ผลกระทบต่อไทย: โอกาสที่มากับคลื่นเงินทุน
ประเทศไทย แม้จะอยู่นอกภูมิภาค แต่มีบทบาทใน Supply Chain ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นแหล่งผู้รับเหมาก่อสร้าง วิศวกรรม พลังงาน และโลจิสติกส์ให้กับโปรเจกต์ระดับภูมิภาค เช่น MEGA PROJECTS ในตะวันออกกลาง
💥 หากเงินทุนก้อนใหญ่หลั่งไหลเข้ากลุ่มประเทศ GCC (กลุ่มอ่าว) ไทยอาจเป็นหนึ่งในพันธมิตรที่ได้รับอานิสงส์ โดยเฉพาะในรูปแบบของ Subcontract / Supplier Chain
📊 หุ้นไทยที่อาจได้รับผลกระทบเชิงบวกจากกระแสนี้
🔹 STECON (สเตคอน กรุ๊ป) – เป็นหนึ่งในผู้รับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพในการขยายงานต่างประเทศ หากตลาดตะวันออกกลางเปิดรับ Subcontract เพิ่มขึ้น
🔹 SEAFCO (ซีฟโก้) – เชี่ยวชาญงานฐานรากและงานวิศวกรรมโครงสร้าง หากโปรเจกต์ใหม่ใน GCC ต้องการเทคนิคเฉพาะ อาจได้ร่วมงานผ่านพันธมิตร
🔹 GUNKUL (กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง) – เชี่ยวชาญพลังงานหมุนเวียน อาจได้ร่วมมือในโครงการพลังงานสะอาด เช่น โซลาร์ฟาร์มในตะวันออกกลาง
🔹 2S (2 เอส เมทัล) – ผลิตเหล็กรูปพรรณ หากความต้องการเหล็กและโครงสร้างเพิ่มขึ้น อาจได้ประโยชน์จากคำสั่งซื้อส่งออกทางอ้อม
🔹 NWR (เนาวรัตน์พัฒนาการ) – รับเหมาก่อสร้างอีกหนึ่งรายที่อาจได้แรงหนุนจากโปรเจกต์โครงสร้างพื้นฐาน หากร่วมมือกับกลุ่มทุนเอเชียที่ลงทุนในตะวันออกกลาง
🔹 TPIPL (ทีพีไอ โพลีน) – ผลิตซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างจำนวนมาก มีสายการผลิตพร้อมส่งออก
🔹 WHA (ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น) – แม้ธุรกิจหลักคือโลจิสติกส์ในไทย แต่หากตะวันออกกลางลงทุนใน Smart Logistics และเชื่อมกับเอเชีย WHA อาจมีโอกาสขยายตลาดหรือร่วมพัฒนาโครงการ
📈 Ripple Effect ที่ควรจับตาเพิ่มเติม
🛢️ หากตะวันออกกลางเร่งกู้เงินมากขึ้นจากธนาคารเอเชีย จะเกิด "Liquidity Drain" ในภูมิภาค ซึ่งอาจส่งผลให้ดอกเบี้ยในเอเชียสูงขึ้นเพราะธนาคารปล่อยสินเชื่อออกนอกประเทศมากเกินไป
💡 นักลงทุนควรจับตา “ต้นทุนทางการเงิน” ที่อาจกระทบภาคเอกชนไทยบางกลุ่ม โดยเฉพาะธุรกิจที่พึ่งเงินกู้ในประเทศสูง เช่น กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และ SME ขนาดกลาง
🧭 มิติทางภูมิรัฐศาสตร์ที่แฝงอยู่
หากธนาคารเอเชีย โดยเฉพาะจากจีนหรือญี่ปุ่นเป็นผู้ถือหนี้รายใหญ่ของตะวันออกกลาง จะยิ่งทำให้ “การเมืองการเงิน” ระหว่างเอเชียกับกลุ่มอ่าวแน่นแฟ้นขึ้น ซึ่งไทยอาจต้องเลือกข้างหรือวางกลยุทธ์การทูตเชิงพาณิชย์ให้สมดุลมากขึ้นในอนาคต
💬 คุณคิดว่าไทยควรเร่งวางตำแหน่งตนเองในห่วงโซ่เศรษฐกิจใหม่ที่เชื่อมโยงตะวันออกกลางกับเอเชียอย่างไร?
และหุ้นใดที่คุณมองว่าจะได้อานิสงส์มากที่สุด?
มาร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองกันได้ในคอมเมนต์ด้านล่างเลยค่ะ!
📍 Hashtags ที่เกี่ยวข้อง:
#ศึกโลกเศรษฐกิจ #เศรษฐกิจตะวันออกกลาง #ธนาคารเอเชีย #SaudiVision2030 #เงินกู้ระหว่างประเทศ #SETimpact #หุ้นไทย #StockAtlasInsight #WorldScope
🔗 Reference:
Business Standard – Asian Banks Fuel More Than $2 Billion Loan Boom Across Middle East

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา