30 มิ.ย. เวลา 09:27 • ปรัชญา

“คำพูดเดียวที่ทำให้ฉันเลิกเป็นตัวเอง”

ฉันเคยคิดว่าคนเราจะเปลี่ยนเพราะเหตุการณ์ใหญ่เท่านั้น
อย่างอุบัติเหตุครั้งร้ายแรง
การจากลาแบบไม่มีคำร่ำลา
หรือไม่ก็เพราะใครบางคนเดินเข้ามาแล้วพังทุกอย่าง
แต่เปล่าเลย...
มันแค่คำพูดไม่กี่คำ
จากคนที่ไม่ได้ตั้งใจจะฝากไว้ด้วยซ้ำ
ฉันชื่อ “ใบชา”
ชีวิตเรียบๆ ธรรมดา
จบมหาวิทยาลัยกลางๆ ทำงานบริษัทเอกชนกลางๆ
มีเพื่อนกลุ่มหนึ่งที่กินข้าวกลางวันกันบ่อย
มีครอบครัวที่ไม่อบอุ่นมากแต่ก็ไม่พัง
ไม่มีอะไรโดดเด่น ไม่มีอะไรน่าเศร้า
ฉันคิดว่าฉันคือ “ชีวิตที่ผ่านไปวันๆ แบบไม่ต้องอธิบายมาก”
และมันก็คงเป็นแบบนั้นต่อไป
ถ้าไม่เจอประโยคนั้น...
ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ฉันพยายามจะทำอะไรบางอย่าง
มันไม่ใช่ความฝันหรอก
แต่เป็น “อะไรสักอย่าง” ที่ทำให้รู้สึกว่าฉันไม่ได้หายไปเฉยๆ
ฉันเริ่มวาดรูป
ไม่เก่งหรอก แค่วาดลงไอแพดแล้วก็โพส
มีคนมากดไลก์บ้าง มีเพื่อนทักว่า “แนวนี้ดูแปลกดี”
ฉันเริ่มรู้สึกสนุก
มันไม่ใช่ความสามารถ
แต่มันทำให้ฉันยังหายใจแบบไม่เฉยเมย
จนวันหนึ่ง ฉันส่งรูปวาดไปในแชทกลุ่มเพื่อน
คนในกลุ่มดูไปเรื่อย ๆ จนมีคนหนึ่งพูดขึ้นมา
“คือมันโอเคนะ แต่เราว่าแกไม่ใช่คนแบบนี้อ่ะ”
ไม่ใช่คนแบบนี้?
คำพูดนั้นเหมือนกระจกที่หันมาสะท้อน
ว่า… ฉันพยายามเป็นอะไรที่ “ไม่ใช่ฉัน”
หลังจากวันนั้น ฉันเลิกวาด
ลบโพสต์ทั้งหมด
ถอนตัวจากกลุ่มงานอดิเรก
เลิกบอกใครว่าเคยอยากเป็นนักวาดภาพประกอบ
ไม่ใช่เพราะโกรธ
ไม่ใช่เพราะน้อยใจ
แต่เพราะ “เชื่อ” จริง ๆ ว่า… ฉันอาจจะฝืนไปหน่อยก็ได้
เพราะฉันไม่ใช่คนแบบนี้
ฉันคือคนที่นั่งเงียบๆ ฟังเพื่อนคุย
คือคนที่ไม่กล้าเสนอความเห็นในที่ประชุม
คือคนที่ไม่เคยแต่งตัวหวือหวา
คือคนที่เรียนจบสายบัญชีแล้วทำงานในออฟฟิศแบบที่พ่อแม่คาดหวัง
แล้วอยู่ดี ๆ ฉันจะลุกมาวาดรูปได้ยังไง
จะใช้คำว่า “อยากเป็นนักวาด” ได้ยังไง
ฉันไม่ใช่คนแบบนั้น…
คำพูดเดียว
ไม่ได้ถูกตะโกน
ไม่ได้มาจากความเกลียด
แต่มันเปลี่ยนทุกอย่าง
ฉันกลายเป็นคนที่ลังเลกับทุกสิ่ง
แม้แต่เสียงในหัวของตัวเอง
พอจะเริ่มเขียนอะไร
ก็เงียบไว้ดีกว่า เดี๋ยวจะมีใครบอกว่า “ไม่ใช่คนแบบนี้”
พอจะพูดความรู้สึก
ก็กลัวว่าจะถูกมองว่า “ผิดคาแรกเตอร์”
พอจะเปลี่ยนงาน
ก็คิดซ้ำ ๆ ว่า “ฉันมันก็แค่คนธรรมดา ทำไมจะได้ดี”
มันเหมือนฉันกลัวจะ “เป็นอะไรที่ไม่ควรเป็น”
ทั้งที่ก็ไม่รู้หรอกว่า... แล้ว “ควรเป็น” มันคืออะไร
ผ่านไปเกือบปี
ฉันไม่ได้ทำอะไรที่อยากทำอีกเลย
ชีวิตเรียบขึ้นกว่าเดิม
เหมือนปูนที่เททับรอยยิ้มบางชนิดไปแล้ว
จนวันหนึ่ง ฉันเดินผ่านร้านวาดรูปเด็กเล็ก
มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งวาดแมวด้วยสีฟ้า
แม่ของเด็กพูดว่า
“แมวสีฟ้าหรอลูก ไม่เหมือนใครเลยนะลูก เก่งมากเลย”
แปลกดีนะ
เด็กคนหนึ่งทำอะไร “ไม่เหมือนใคร”
แต่กลับได้คำว่า “เก่งมาก”
แล้วทำไมฉันแค่พยายามจะมีอะไรเป็นของตัวเองบ้าง
ถึงได้ถูกตัดสินว่ามัน “ไม่ใช่ฉัน”
ประโยคนั้นกลับมาในหัวอีกครั้ง
“เราว่าแกไม่ใช่คนแบบนี้อ่ะ”
มันอยู่ในหัวมานานเกินไป
นานพอให้ฉันหยุดโต นานพอให้ฉันหายไปจากตัวเอง
แต่ตอนนี้ฉันไม่อยากให้มันอยู่ในหัวอีกต่อไปแล้ว
ฉันอยากวาดอีกครั้ง
ไม่ใช่เพื่อให้ใครชอบ
แต่เพื่อให้ “ฉัน” ยังอยู่
อยู่ในหน้าจอ
อยู่ในเส้นสาย
อยู่ในสิ่งที่บอกว่า "ฉันเคยมีอยู่จริงในวันหนึ่ง"
ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้
ฉันอยากฝากอะไรไว้สักอย่าง
ไม่ใช่กับคุณเท่านั้น
แต่กับ “ตัวฉันในอนาคต” ด้วย
คำพูดที่หล่นออกมาจากปากใครบางคน
มันอาจไม่ได้ตั้งใจจะเจ็บ
แต่มันสามารถเปลี่ยนชีวิตทั้งชีวิตได้จริงๆ
ดังนั้น ก่อนจะพูดอะไร
ลองถามตัวเองว่า...
เรากำลังมอบ “กรอบ” ให้ใคร
หรือแค่กำลังดึงเขาออกมาจาก “อิสระ”
และหากคุณกำลังจะเริ่มทำอะไร
อย่าหยุดเพียงเพราะใครเคยบอกว่า “คุณไม่ใช่แบบนั้น”
เพราะสุดท้าย
คุณคือคนเดียวในโลก
ที่ควรมีสิทธิ์เป็นอะไรก็ได้… ที่คุณอยากเป็น
[จบ]
โฆษณา