Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
บีลิ
•
ติดตาม
2 ก.ค. เวลา 21:26 • การเมือง
🌊 ความไหลลื่นทางการเมืองไทย: เมื่อจริยธรรมกลายเป็นเรื่องเบลอ
ในยุคที่สังคมพูดถึงความไหลลื่นทางเพศ (gender fluidity) อย่างเปิดกว้าง คนรุ่นใหม่เริ่มเข้าใจว่าความหลากหลายไม่ใช่เรื่องผิดบาป...
แต่ในอีกด้านหนึ่งของ “ความไหลลื่น” ที่ควรถูกตั้งคำถามอย่างจริงจัง คือ ความไหลลื่นทางการเมือง ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยมาอย่างยาวนาน
---
🪑 อุ๋งอิ๋งกับตำแหน่งวัฒนธรรม: บริสุทธิ์ใจหรือวางเกม?
กระแสข่าวการเสนอชื่อบุคคลรุ่นใหม่ในครอบครัวอดีตผู้นำ เข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ทำให้เกิดคำถามในหมู่ประชาชนและสื่อ ว่าเหตุใดจึงเลือก “กระทรวงวัฒนธรรม” ไม่ใช่กระทรวงด้านเศรษฐกิจหรือการต่างประเทศ
มีการตั้งข้อสังเกตว่า อาจเป็นเพราะกระทรวงนี้เกี่ยวข้องกับมรดกทางวัฒนธรรม การขึ้นทะเบียนโบราณสถาน และนโยบายด้าน Soft Power ซึ่งเชื่อมโยงกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เช่น กรณี ปราสาทพระวิหาร หรือการร่วมขึ้นทะเบียนมรดกโลกกับประเทศเพื่อนบ้าน
ถึงแม้จะไม่มีข้อพิสูจน์แน่ชัดว่านี่คือการวางเกม แต่ความเชื่อมโยงเหล่านี้ก็ทำให้สังคมหันกลับมาตั้งคำถามกับการใช้ “พื้นที่ปลอดภัย” ในการวางหมากทางการเมือง
---
📌 เหตุที่เป็นประเด็น:
1. ประกาศแต่งตั้งในราชกิจจานุเบกษาออกก่อน ทั้งที่ยัง ไม่มีการถวายสัตย์ต่อพระมหากษัตริย์
2. จากนั้นค่อยมีการวางกำหนดถวายสัตย์ภายหลัง
3. ประเด็นนี้ทำให้หลายคนวิจารณ์ว่าอาจ “แหกธรรมเนียม” และสร้าง ความระคายเคืองพระราชหฤทัย
---
⚖️ คำถามหลัก: แบบนี้ผิดกฎหมายหรือไม่?
🔹 ในทางกฎหมายรัฐธรรมนูญ
รัฐธรรมนูญ ม.161 ระบุว่า ก่อนเข้ารับหน้าที่ “ต้องถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์”
แปลว่า ถ้าไม่ถวายสัตย์ = ยังไม่มีสิทธิเริ่มปฏิบัติหน้าที่
แต่ ไม่มีบทลงโทษทางอาญาโดยตรง สำหรับการ “ชิงประกาศก่อนถวายสัตย์”
อย่างไรก็ตาม ถ้ามีผู้ยื่นร้องว่าเป็นการละเมิดรัฐธรรมนูญ อาจถูกศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาว่า “ตำแหน่งสิ้นสุดโดยไม่ชอบ” ได้
🔹 ในทางจริยธรรมและจารีต
การถวายสัตย์ถือเป็น “พิธีสำคัญยิ่ง” ที่เชื่อมโยงระหว่างฝ่ายบริหารกับองค์พระมหากษัตริย์
การประกาศก่อนถวายสัตย์โดยไม่แจ้งเหตุผลชัดเจน อาจถูกมองว่า “ไม่ถวายความเคารพในกระบวนการรัฐ”
สิ่งนี้ อาจไม่ผิดกฎหมาย แต่จะมีผล ต่อภาพลักษณ์และความสัมพันธ์กับสถาบันฯ ซึ่งในระบบการเมืองไทยถือว่าสำคัญมาก
---
👑 ถ้าเช้านี้ “ไม่ไปถวายสัตย์” จะเกิดอะไร?
กรณีที่ไม่ไปถวายสัตย์:
จะ ยังไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีได้อย่างเป็นทางการ
หากเพิกเฉยหรือยื้อโดยไม่มีเหตุผล อาจถูกมองว่า “ไม่ให้เกียรติพระราชอำนาจ” ซึ่งเป็น เรื่องอ่อนไหวระดับสูง
ส่งผลต่อความชอบธรรมทั้งในทาง สังคมและการเมือง
❗ แม้ไม่มีบทลงโทษชัดเจนในกฎหมาย แต่ อาจนำไปสู่การกดดันให้ลาออก หรือถอนชื่อ เพราะกระทบต่อพระราชอำนาจอันเป็นที่เคารพสูงสุด
🧊 ความหน้าด้านทางการเมือง: สิ่งที่พูดกันเบา ๆ แต่ดังไปถึงโซเชียล
อดีตนักการเมืองเคยให้สัมภาษณ์ว่า “นักการเมืองไทยจำนวนไม่น้อยขาดจริยธรรมอย่างสิ้นเชิง” ซึ่งเมื่อพิจารณาจากรายชื่อผู้ที่เคยมีประวัติคดีความหรือข้อครหา กลับได้รับการเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรีหรือดำรงตำแหน่งสำคัญ ยิ่งตอกย้ำให้คำกล่าวนี้เป็นที่ถกเถียงในวงกว้าง
ตัวอย่างเช่น:
บุคคลหนึ่งเคยถูกสังคมวิจารณ์กรณีถือครองนาฬิกาหรูจำนวนมาก โดยระบุว่าเป็นของเพื่อน แต่ได้รับการวินิจฉัยจากองค์กรอิสระว่าไม่เข้าข่ายผิดจริยธรรมร้ายแรง
อีกกรณีที่เป็นที่กล่าวถึง คือผู้เคยเกี่ยวข้องกับคดีทางกฎหมายซึ่งแม้จะไม่ถูกตัดสินว่าผิดในชั้นศาล แต่ยังได้รับตำแหน่งบริหารในระดับประเทศ
กรณี “รัฐมนตรี” ซึ่งเคยมีประวัติเกี่ยวข้องกับคดียาเสพติดในต่างประเทศ แต่ยังสามารถดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาลไทยได้ และมีบทบาททางการเมืองอย่างต่อเนื่อง
แม้จะไม่มีการตัดสินจากศาลไทยในประเด็นดังกล่าว แต่ข้อครหาที่สะสมในสังคมทำให้เกิดข้อถกเถียงว่า "สังคมไทยให้อภัยเร็วเกินไป หรือมาตรฐานจริยธรรมต่ำลง?"
กรณี “รัฐมนตรี” ได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลด้านกฎหมาย ทั้งที่ในอดีตเคยมีบทบาทในการผลักดันร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ถูกต่อต้านอย่างหนัก และยังเป็นบุคคลที่เคยยอมรับภาระความเสี่ยงในยุควิกฤติของพรรคการเมืองหลัก ทำให้มีข้อสังเกตว่า อาจเป็นการ “ตอบแทนความจงรักภักดี” มากกว่าการคัดเลือกจากประสบการณ์ด้านนิติบัญญัติอย่างตรงไปตรงมา
เหตุการณ์เหล่านี้ไม่ได้สะท้อนแค่ตัวบุคคล แต่ชี้ให้เห็นถึง “ช่องว่างของระบบคัดกรอง” ที่ยังปล่อยให้เรื่องจริยธรรมกลายเป็นแค่ ป้ายที่ใครจะติดหรือถอดเมื่อไรก็ได้
---
⚖️ ทำไมต้องมีองค์กรอิสระ ถ้ามีการเลือกตั้งอยู่แล้ว?
หลายคนมองว่า การมีองค์กรอิสระเช่น กกต., ป.ป.ช., ศาลรัฐธรรมนูญ คือการ “เบรกเสียงประชาชน” แต่หากมองอีกมุมหนึ่ง ในระบบที่:
การซื้อเสียงยังไม่หมดไป
ผู้มีอิทธิพลยังครองพื้นที่
ข้าราชการไม่กล้าตรวจสอบผู้มีอำนาจ
องค์กรเหล่านี้จึงเป็นเสมือน “ฟิลเตอร์ขั้นต่ำ” ที่ทำหน้าที่กรองไม่ให้ระบบพังทันที แม้จะไม่ได้สมบูรณ์แบบก็ตาม
---
🤝 เกมตอบแทนที่ไม่เคยโปร่งใส
คำถามที่เกิดขึ้นในวงการการเมืองบ่อยครั้ง คือการแต่งตั้งบุคคลเข้าตำแหน่งสำคัญนั้นเกิดจาก ความสามารถ หรือ การตอบแทนกันทางการเมือง
---
🌈 Fluid Politics: การเมืองแบบไม่ยึดหลัก
หากจะนิยามการเมืองไทยในยุคนี้ด้วยศัพท์ทันสมัย ก็คงหนีไม่พ้นคำว่า “Fluid Politics” หรือ “การเมืองที่ไหลลื่นโดยไม่ยึดหลัก”
นักการเมืองเปลี่ยนขั้วเร็วกว่าแอปฯ สลับหน้าจอ
พรรคที่เคยเป็นคู่กัดจับมือร่วมรัฐบาล
คดีที่เคยเป็นเรื่องใหญ่ กลายเป็นแค่ “ดราม่า” ชั่วคราว
แต่ต่างจากความไหลลื่นทางเพศซึ่งเป็นการเคารพในอัตลักษณ์ Fluid Politics คือความลื่นที่ทำให้ประชาธิปไตยล้มลุกคลุกคลาน และประชาชนหมดศรัทธากับระบบที่ควรปกป้องพวกเขา
---
🛑 ถึงเวลาหยุดความไหลลื่นที่พาเราลงเหว
ในโลกที่ความดีถูกทำให้เบลอ ความผิดถูกมองว่า “แล้วไง?” และประชาชนถูกทำให้ลืมง่าย ๆ … เรากำลังเดินเข้าสู่ยุคที่จริยธรรมกลายเป็น “เครื่องประดับทางวาทกรรม” มากกว่าจะเป็นหัวใจของการเมือง
> ถึงเวลาแล้วที่สังคมจะเรียกร้องมาตรฐานที่สูงกว่า “ไม่ผิดกฎหมาย”
เราต้องถามว่า “เหมาะสมไหม?”, ไม่ใช่แค่ “ผิดไหม?”
ในยุคที่สังคมพูดถึงความไหลลื่นทางเพศ (gender fluidity) อย่างเปิดกว้าง คนรุ่นใหม่เริ่มเข้าใจว่าความหลากหลายไม่ใช่เรื่องผิดบาป...
แต่ในอีกด้านหนึ่งของ “ความไหลลื่น” ที่ควรถูกตั้งคำถามอย่างจริงจัง คือ ความไหลลื่นทางการเมือง ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยมาอย่างยาวนาน
---
🪑 อุ๋งอิ๋งกับตำแหน่งวัฒนธรรม: บริสุทธิ์ใจหรือวางเกม?
กระแสข่าวการเสนอชื่อบุคคลรุ่นใหม่ในครอบครัวอดีตผู้นำ เข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ทำให้เกิดคำถามในหมู่ประชาชนและสื่อ ว่าเหตุใดจึงเลือก “กระทรวงวัฒนธรรม” ไม่ใช่กระทรวงด้านเศรษฐกิจหรือการต่างประเทศ
มีการตั้งข้อสังเกตว่า อาจเป็นเพราะกระทรวงนี้เกี่ยวข้องกับมรดกทางวัฒนธรรม การขึ้นทะเบียนโบราณสถาน และนโยบายด้าน Soft Power ซึ่งเชื่อมโยงกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เช่น กรณี ปราสาทพระวิหาร หรือการร่วมขึ้นทะเบียนมรดกโลกกับประเทศเพื่อนบ้าน
ถึงแม้จะไม่มีข้อพิสูจน์แน่ชัดว่านี่คือการวางเกม แต่ความเชื่อมโยงเหล่านี้ก็ทำให้สังคมหันกลับมาตั้งคำถามกับการใช้ “พื้นที่ปลอดภัย” ในการวางหมากทางการเมือง
---
🧊 ความหน้าด้านทางการเมือง: สิ่งที่พูดกันเบา ๆ แต่ดังไปถึงโซเชียล
อดีตนักการเมืองเคยให้สัมภาษณ์ว่า “นักการเมืองไทยจำนวนไม่น้อยขาดจริยธรรมอย่างสิ้นเชิง” ซึ่งเมื่อพิจารณาจากรายชื่อผู้ที่เคยมีประวัติคดีความหรือข้อครหา กลับได้รับการเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรีหรือดำรงตำแหน่งสำคัญ ยิ่งตอกย้ำให้คำกล่าวนี้เป็นที่ถกเถียงในวงกว้าง
ตัวอย่างเช่น:
บุคคลหนึ่งเคยถูกสังคมวิจารณ์กรณีถือครองนาฬิกาหรูจำนวนมาก โดยระบุว่าเป็นของเพื่อน แต่ได้รับการวินิจฉัยจากองค์กรอิสระว่าไม่เข้าข่ายผิดจริยธรรมร้ายแรง
อีกกรณีที่เป็นที่กล่าวถึง คือผู้เคยเกี่ยวข้องกับคดีทางกฎหมายซึ่งแม้จะไม่ถูกตัดสินว่าผิดในชั้นศาล แต่ยังได้รับตำแหน่งบริหารในระดับประเทศ
เหตุการณ์เหล่านี้ไม่ได้สะท้อนแค่ตัวบุคคล แต่ชี้ให้เห็นถึง “ช่องว่างของระบบคัดกรอง” ที่ยังปล่อยให้เรื่องจริยธรรมกลายเป็นแค่ ป้ายที่ใครจะติดหรือถอดเมื่อไรก็ได้
---
⚖️ ทำไมต้องมีองค์กรอิสระ ถ้ามีการเลือกตั้งอยู่แล้ว?
หลายคนมองว่า การมีองค์กรอิสระเช่น กกต., ป.ป.ช., ศาลรัฐธรรมนูญ คือการ “เบรกเสียงประชาชน” แต่หากมองอีกมุมหนึ่ง ในระบบที่:
การซื้อเสียงยังไม่หมดไป
ผู้มีอิทธิพลยังครองพื้นที่
ข้าราชการไม่กล้าตรวจสอบผู้มีอำนาจ
องค์กรเหล่านี้จึงเป็นเสมือน “ฟิลเตอร์ขั้นต่ำ” ที่ทำหน้าที่กรองไม่ให้ระบบพังทันที แม้จะไม่ได้สมบูรณ์แบบก็ตาม
---
🤝 เกมตอบแทนที่ไม่เคยโปร่งใส
คำถามที่เกิดขึ้นในวงการการเมืองบ่อยครั้ง คือการแต่งตั้งบุคคลเข้าตำแหน่งสำคัญนั้นเกิดจาก ความสามารถ หรือ การตอบแทนกันทางการเมือง
เช่น กรณีการแต่งตั้งผู้ดูแลด้านกฎหมายของรัฐบาล มีข้อสังเกตจากนักวิชาการบางกลุ่มว่า อาจเป็นการตอบแทนความไว้วางใจทางการเมือง หรือการ “จ่ายหนี้บุญคุณ” ให้แก่ผู้ที่เคยยอมรับความเสี่ยงในช่วงวิกฤติ ไม่ใช่การคัดเลือกจากความเชี่ยวชาญโดยตรงเสมอไป
---
🌈 Fluid Politics: การเมืองแบบไม่ยึดหลัก
หากจะนิยามการเมืองไทยในยุคนี้ด้วยศัพท์ทันสมัย ก็คงหนีไม่พ้นคำว่า “Fluid Politics” หรือ “การเมืองที่ไหลลื่นโดยไม่ยึดหลัก”
นักการเมืองเปลี่ยนขั้วเร็วกว่าแอปฯ สลับหน้าจอ
พรรคที่เคยเป็นคู่กัดจับมือร่วมรัฐบาล
คดีที่เคยเป็นเรื่องใหญ่ กลายเป็นแค่ “ดราม่า” ชั่วคราว
แต่ต่างจากความไหลลื่นทางเพศซึ่งเป็นการเคารพในอัตลักษณ์ Fluid Politics คือความลื่นที่ทำให้ประชาธิปไตยล้มลุกคลุกคลาน และประชาชนหมดศรัทธากับระบบที่ควรปกป้องพวกเขา
---
🛑 ถึงเวลาหยุดความไหลลื่นที่พาเราลงเหว
ในโลกที่ความดีถูกทำให้เบลอ ความผิดถูกมองว่า “แล้วไง?” และประชาชนถูกทำให้ลืมง่าย ๆ … เรากำลังเดินเข้าสู่ยุคที่จริยธรรมกลายเป็น “เครื่องประดับทางวาทกรรม” มากกว่าจะเป็นหัวใจของการเมือง
ถึงเวลาแล้วที่สังคมจะเรียกร้องมาตรฐานที่สูงกว่า “ไม่ผิดกฎหมาย”
เราต้องถามว่า “เหมาะสมไหม?”, ไม่ใช่แค่ “ผิดไหม?”
การเมือง
การเมืองไทย
การเมืองการปกครอง
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย