3 ก.ค. เวลา 14:52 • สุขภาพ

"N‑Acetylcysteine (NAC) คืออะไร"

N‑Acetylcysteine เป็นอนุพันธ์ของกรดอะมิโน L‑cysteine ที่องค์การอนามัยโลกบรรจุไว้ในบัญชียาหลัก เนื่องจากมีบทบาทหลากหลายในการรักษา ทั้งในฐานะยาต้านพิษพาราเซตามอล ยาละลายเสมหะ และสารต้านอนุมูลอิสระที่มีส่วนช่วยในการปกป้องเซลล์และเสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย [1]
กลไกการออกฤทธิ์ เสริมวัตถุดิบให้กลูตาไธโอน และต้านอนุมูลอิสระได้หลายทาง
N‑Acetylcysteine (NAC) ออกฤทธิ์หลักโดยการเพิ่มระดับกลูตาไธโอน (glutathione, GSH) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระสำคัญภายในเซลล์ โดย NAC ทำหน้าที่เป็นแหล่งของหมู่ซัลไฟดริล (Sulfhydryl group) (‑SH) ซึ่งเป็น Rate-limiting step ในการสังเคราะห์ GSH จึงช่วยฟื้นฟูสมดุลของระบบป้องกันออกซิเดชันภายในร่างกาย
นอกจากนี้ NAC ยังทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระโดยตรง โดยหมู่ ‑SH ของ NAC สามารถให้อิเล็กตรอนเพื่อทำให้อนุมูลอิสระมีเสถียรภาพ และลดการทำลายโครงสร้างเซลล์จากภาวะออกซิเดชัน
อีกหนึ่งกลไกที่สำคัญ คือการกระตุ้นให้เซลล์เพิ่มการผลิตเอนไซม์ที่มีฤทธิ์ต้านออกซิเดชัน เช่น glutathione peroxidase และ superoxide dismutase
ข้อมูลจากการทบทวนอย่างเป็นระบบและการวิเคราะห์อภิมานในปี 2023 พบว่า NAC ช่วยเพิ่มความสามารถต้านอนุมูลอิสระโดยรวม (Total Antioxidant Capacity) และเพิ่มระดับ GSH ในกระแสเลือดอย่างมีนัยสำคัญ[4]
ข้อบ่งใช้ทางคลินิกของ N‑Acetylcysteine (NAC)
รักษาพิษจากพาราเซตามอล
NAC เป็นยามาตรฐานที่ใช้ในการรักษาภาวะพิษจากการรับประทานพาราเซตามอลเกินขนาด โดยเฉพาะหากให้ภายใน 8 ชั่วโมงหลังรับยาเกินขนาด สามารถลดอัตราการเกิดภาวะตับวายเฉียบพลันได้เกือบ 100% และเป็นแนวทางที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ [2]
โรคระบบทางเดินหายใจ
ในโรคทางเดินหายใจ เช่น โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD), หอบหืด และ(Cystic Fibrosis หรือ CF) การรับประทาน NAC ขนาด 600–1,200 มก./วัน มีฤทธิ์ช่วยทำให้เสมหะเหลว ลดการอักเสบในทางเดินหายใจ และลดอัตราการกำเริบของโรค [3]
การเสริมภูมิคุ้มกันในผู้สูงอายุ
ข้อมูลจากการทดลองในปี 2025 แสดงว่า NAC ขนาด 600 มก./วัน ร่วมกับวิตามิน D สามารถลด Senescence Markers in Leukocytes (เช่น p16 และ SA‑β‑gal) ได้ภายในเวลา 8 สัปดาห์ [5]
การศึกษาทางคลินิกอื่น ๆ ที่อยู่ระหว่างการวิจัย
ยังมีการศึกษาเพื่อประเมินบทบาทของ NAC ในการลด Oxidative Stress ในโรคไม่ติดต่อ เช่น เบาหวาน ไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์ (NAFLD) และโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ แม้ว่าหลักฐานในปัจจุบันยังอยู่ในระยะเริ่มต้นของการศึกษา
ข้อควรรู้ก่อนใช้ N‑Acetylcysteine (NAC)
แม้ NAC จะมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ แต่ไม่ใช่ “วิตามินเสริม” ทั่วไป ควรใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร โดยเฉพาะในกรณีพิษจากพาราเซตามอล ซึ่งจำเป็นต้องได้รับยาฉีดในโรงพยาบาลภายใต้การดูแลทางการแพทย์
ผู้ที่มีโรคไตระยะท้าย หรือผู้ที่ใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ NAC เป็นระยะเวลานาน เนื่องจากอาจมีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน
เพื่อความปลอดภัย ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ NAC ที่มีมาตรฐานการผลิตชัดเจน มีเลขทะเบียน อย. หรือได้รับการรับรองจากองค์กรสากลที่น่าเชื่อถือ
สรุป
N‑Acetylcysteine (NAC) เป็นยาที่มีสรรพคุณหลากหลาย โดยออกฤทธิ์หลักในการเสริมการสร้างกลูตาไธโอนและต้านอนุมูลอิสระ งานวิจัยปัจจุบันสนับสนุนประสิทธิผลอย่างชัดเจนในกรณีพิษจากพาราเซตามอลและโรคระบบทางเดินหายใจเรื้อรัง อีกทั้งยังมีแนวโน้มเชิงบวกในการศึกษาด้านการส่งเสริมภูมิคุ้มกันและโรคไม่ติดต่ออื่น ๆ
เมื่อใช้ในขนาดที่เหมาะสมและอยู่ภายใต้การดูแลของบุคลากรทางการแพทย์ NAC จึงถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่มีศักยภาพในการสนับสนุนสุขภาพและการรักษาในเวชปฏิบัติยุคปัจจุบัน
เอกสารอ้างอิง
1. Ershad M, Naji A, Patel P, Vearrier D. N‑Acetylcysteine. In: StatPearls [Internet]. Treasure Island (FL): StatPearls Publishing; 2024 Feb 29.
2. Agrawal S, Murray BP, Khazaeni B. Acetaminophen Toxicity. In: StatPearls [Internet]. Treasure Island (FL): StatPearls Publishing; 2025 Apr 10.
3. Mokra D, Mokry J, Barosova R, Hanusrichterova J. Advances in the use of N‑Acetylcysteine in chronic respiratory diseases. Antioxidants (Basel). 2023;12(9):1713.
4. Mahmoudinezhad M, Abbaszadeh F, Zarezadeh M, et al. N‑acetylcysteine, a powerful agent in the reinforcement of anti‑oxidant profile: a systematic review and dose‑response meta‑analysis of controlled clinical trials. Clin Nutr ESPEN. 2023;54:227‑238.
5. Rastgoo S, Pourvali K, Raeissadat SA, et al. Co‑administration of vitamin D and N‑acetylcysteine to modulate immunosenescence in older adults with vitamin D deficiency: a randomized clinical trial. Front Immunol. 2025;16:1570441.
โฆษณา