Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
sansati ศานสติ
•
ติดตาม
19 ก.ค. เวลา 12:49 • การศึกษา
เห็นช้างเท่ามด เห็นมดเท่าช้าง
ความเชื่อที่ตัวเราเองได้ยินมาตั้งแต่เด็กๆว่า การฆ่าสัตว์ใหญ่นั้นบาปหนักกว่าการฆ่าสัตว์เล็ก และการทำผิดศีลข้อ 1 ปาณาติบาทนั้น การฆ่าช้างบาปมากกว่าฆ่ามด คุณคิดว่าความเชื่อนี้ถูกหรือไม่? หากอยากเข้าใจเรื่องศีลข้อแรกให้ดีขึ้น ก่อนอื่นคุณต้องเข้าใจการปฏิบัติตัวในการถือศีลก่อน ว่าทำอย่างไรคือผิด อย่างไรคือถูก
การทำผิดศีลข้อ 1 นั้นจำเป็นต้องมีองค์ประกอบครบ คือ 1) สิ่งนั้นเป็นสิ่งมีชีวิต 2) รู้อยู่ว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งมีชีวิต 3) มีความตั้งใจ เจตนาที่จะทำให้สิ่งนั้นตาย 4) มีความเพียรในการทำให้สำเร็จ และสุดท้ายก็คือ 5) ทำการสำเร็จ ฆ่าสัตว์ตัวนั้นตาย
นอกจากนั้นยังต้องพิจารณาเกณฑ์ต่อไปนี้ร่วมด้วย ๑.เป็นสัตว์ใหญ่ หรือเป็นสัตว์เล็ก ถ้าเป็นสัตว์ใหญ่ก็ถือว่าบาปมาก สัตว์เล็กก็บาปน้อย ๒.เป็นสัตว์มีคุณมาก หรือมีคุณน้อย ถ้ามีคุณมากอย่าง คน ควาย วัว ฯลฯ ก็มีบาปมากแต่ถ้ามีคุณน้อย ก็บาปน้อยลงตามส่วน ๓.มีเจตนาในการฆ่าที่รุนแรงหรือไม่
“ยกตัวอย่าง หากเราคิดจะล้มวัวมาทำอาหารเลี้ยงฉลองอะไรสักอย่าง เราต้องมีการจัดหาวัว เตรียมการฆ่า เตรียมเครื่องปรุงอาหาร ต่างกับการตบยุงที่เพียงเราได้ยินเสียงมันบินหวี่ๆ เราก็ตบมันโดยอัตโนมัติทันที เมื่อเป็นดังนี้ การล้มวัวนั้นมีเจตนาในการฆ่ามากกว่าการฆ่ายุง จึงมีบาปมากกว่า
หากนำมาเทียบกับกฎหมายในทางโลก ก็คล้ายๆกับความผิดจากการฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน กับการฆ่าโดยประมาท การลงโทษก็แตกต่างกัน ฆ่าคนโดยไตร่ตรองไว้ก่อนนั้น ถือว่ามีเจตนาแรงกล้าที่จะทำให้เขาตาย เพราะถือว่ามีเวลาเตรียมตัว มีเวลาทบทวนแต่ก็ยังฆ่า
(บางส่วนจากบทความ : ผมเพิ่งเข้าใจว่าทำไมการฆ่าสัตว์ใหญ่จึงบาปกว่าการฆ่าสัตว์เล็ก)”
ฉะนั้นหากทำครบเงื่อนไขที่กล่าวถึงข้างต้น จึงจะผิดศีลข้อ 1 แต่ถ้าเราขาดความตั้งใจให้สัตว์นั้นตาย เช่น เผลอเหยียบตาย หรือทับตายโดยไม่รู้ หรือตั้งใจช่วยแต่มันตายอยู่ดี ถือว่าศีลยังไม่ขาด ไม่แม้แต่จะด่างพร้อย เป็นช่องทะลุ เพราะไม่มีเจตนาทำร้าย กลับกันหากคิดร้ายแม้เพียงเล็กน้อย แค่คิดจะทำร้าย ศีลก็พร้อยไม่บริสุทธิ์แล้ว ศีลจะทะลุเป็นช่อง หรือด่างพร้อย ขึ้นอยู่ที่การกระทำร่วมกันกับเจตนาทำร้ายนั้น
ดังนั้นการทำผิดศีล ทำบาปน้อยหรือมาก ดูลงไปที่เจตนา หากฆ่ามด ยุง แมลง ฯลฯ โดยเต็มเปี่ยมไปด้วยเจตนาร้าย เช่น คิดว่า “แกกับฉันอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้ ตาย! แกต้องตายยกรัง” แบบนี้เจตนาฆ่ารุนแรง แถมยังฆ่าทีเป็นจำนวนมากด้วย หากเปี่ยมด้วยความคิดทำลายเข่นฆ่า ล้วนเป็นบาปเช่นเดียวกับการล้มช้างสักเชือกหนึ่ง
ต้องเข้าใจด้วยว่าในชีวิตหนึ่งของคนเราปัจจุบันนี้ จะมีซักกี่คนที่มีโอกาสฆ่าสัตว์ใหญ่อย่าง วัว ควาย ช้าง ม้ากัน มันน้อยมากถึงมากที่สุด แต่มดนี่สิชั่วชีวิตนี้ไม่รู้ฆ่าไปเท่าไหร่ ยิ่งฆ่าไปด้วยความรู้สึกโกรธแค้น เห็นเป็นศัตรูด้วยแล้วเนี่ย บาปหนักเหมือนกัน ดีไม่ดีอาจจะมากกว่า คิดจะฆ่าช้างซะด้วยซ้ำไป กรรมเล็กแต่ผลจากการสั่งสมชั่วชีวิต เป็นอาจิณณกรรม เพราะทำประจำ ต้องรับผลข้ามภพข้ามชาติแน่นอน
ลองมาดูสิ่งที่ต้องคำนึงถึงอีกเรื่อง คือ สัตว์นั้นเป็นสัตว์ที่มีคุณมากหรือน้อย บางคนอาจจะเถียงว่ามดมันมีคุณอะไร เห็นแต่เป็นสัตว์ให้โทษ รวมอยู่ในพวกสัตว์ก่อความรำคาญ อย่างพวก แมลงสาบหรือแมลงวัน สำหรับคนแล้วคงเห็นว่ามดเป็นโทษมากกว่าคุณ แต่หากไม่ได้มองแบบที่มนุษย์เป็นศูนย์กลางของจักรวาล ให้ลองมองในมุมของธรรมชาติบ้าง จะพบความจริงว่า มดมีประโยชน์ต่อระบบนิเวศอย่างไร
ธรรมชาติไม่อาจขาดมดได้ มดมีความสัมพันธ์แบบพึ่งพาอาศัยกับพืชอย่างแยกกันไม่ได้ เป็นทั้งผู้ให้และผู้รับซึ่งกันและกัน มดมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตและขยายพันธุ์ของพืช เช่น ช่วยผสมเกสร กระจายเมล็ดพันธุ์ไปในป่า ช่วยกระจายสปอร์ของเห็ด ฯลฯ เป็นผู้ให้ธาตุอาหาร ป้องกันกำจัดศัตรูพืช มดเป็นศัตรูโดยธรรมชาติของปลวก มดเป็นนักล่าในโลกของแมลง นักกำจัดซาก ผู้เคลื่อนย้ายสารอาหาร และยังเป็นอาหารชนิดต้นๆของสัตว์หลายชนิดในระบบนิเวศน์
เช่น ตัวกินมด ปลา กบ นก ฯลฯ แม้แต่คนก็ยังเอาไข่มดและตัวมดมาทำเป็นอาหาร กระทั่งปัจจุบันนี้กลายเป็นสัตว์เลี้ยง อย่างการเลี้ยงแบบ Ant Farm ที่เห็นได้ในอินเตอร์เน็ต โดยรวมแล้วในเชิงระบบนิเวศน์ของโลก มดมีประโยชน์มากกว่าคนหลายเท่านัก มีแต่คนนี่แหละที่เป็นประโยชน์ต่อระบบนิเวศน้อยมาก แต่เอาทุกสิ่งทุกอย่างจากระบบนิเวศมากที่สุด
นี่ทำให้เห็นว่า สิ่งเล็กๆนี่สิสำคัญ! เพราะมันถูกมองข้ามได้ง่าย ไม่ได้หมายความว่าสัตว์ใหญ่ไม่สำคัญ แต่เรามองเห็นชัดกว่า จึงระมัดระวังไม่ทำผิดได้ดีกว่า ในเรื่องบาปกรรมแล้วสิ่งเล็กๆนั้นสำคัญเสมอ เพราะอยู่ใกล้ตัวและทำได้บ่อย แถมคนยังมักมองข้ามกัน ผู้เขียนจึงอยากเน้นที่ตรงนี้ เมื่อไหร่ที่ไม่เห็นคุณค่าในชีวิตของสัตว์เล็กอย่างมดแมลงทั้งหลาย มันก็ง่ายเหลือเกินที่จะก้าวข้ามไป ไม่เห็นคุณค่าของสัตว์ที่ใหญ่กว่านั้น จึงอยากจะแนะนำว่าการฝึกมีเมตตากับสัตว์เล็กๆเหล่านี้ ทำให้จิตใจเราละเอียดอ่อนขึ้น
จากประสบการณ์ส่วนตัว มันทำให้เราทำอะไรประณีตระมัดระวังมากขึ้น สังเกตสิ่งรอบตัวมากขึ้น และได้ใช้สติปัญญาในการแก้ปัญหาแบบนอกกรอบ เราเป็นชาวพุทธควรมีความรู้ในเรื่องศีลอย่างถูกต้อง จะได้ไม่ทำผิดบาปโดยไม่รู้ตัว และยังได้บุญจากการถือศีลอีกด้วย ไม่ต้องมานั่งกังวลว่า เอ๊ะ ฉันทำผิดศีลหรือเปล่า เรื่องเล็กๆน้อยๆพอไม่เข้าใจ ทำให้ไม่อยากถือศีล ไม่มีกำลังใจถือ เพราะกังวลไปหมดว่าอันนั้นก็จะผิดศีล อันนี้ก็จะผิดศีล ยากนักไม่ถือดีกว่า น่าเสียดายอดทำบุญใหญ่
และถ้าฉลาดมีปัญญา คุณจะเห็นวิธีทำบุญที่ง่ายและสะดวกอีกวิธีหนึ่ง นั่นก็คือการให้อาหารมด เมื่อเข้าใจเรื่องศีลและการสร้างบุญกุศลอย่างถูกต้อง มันก็เป็นการทำบุญที่เหมือนกับการให้อาหารแมว หมาจรจัด ทำบ่อยๆอาจจะสั่งสมเป็นบุญใหญ่เลยก็ได้
การทำบุญที่ทำด้วยเจตนา ตั้งใจที่จะเมตตาสัตว์โลก ไม่เลือกว่าเป็นสัตว์เล็กหรือสัตว์ใหญ่ เป็นการฝึกเมตตาแบบอัปปมัญญา คุณจะเข้าใจได้ดียิ่งขึ้นว่าการเมตตาที่ไม่เลือกที่ต่ำที่สูง ให้ไปทั้งหมดโดยเท่าเทียมกัน คิดแต่เพียงว่าเป็นผู้ร่วมทุกข์ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น เป็นความเท่าเทียมอย่างแท้จริงนั้นดีอย่างไร
และสามารถทำได้หากรู้จักเห็นคุณค่าของสิ่งต่างๆรอบตัว เวลาที่คุณสวดบทแผ่เมตตา ก็จะนึกแผ่เมตตาได้อย่างไม่ติดขัด ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง เข้าถึงความเมตตาได้ดียิ่งขึ้นด้วย แล้วอย่างนี้จะไม่เป็นการดีกว่าหรือ ถ้าจะเห็นช้างเท่ามด เห็นมดเท่าช้าง
อัปปมัญญา 4 ประการ
เมตตา คือ ความรัก ความปรารถนาดี ต่อสรรพสัตว์ทั้งหลายทุกตัวตน ไม่จำกัดว่าเป็นใคร ไม่เลือกที่รักผลักที่ชัง คือความปรารถนาให้สัตว์โลกทั้งปวงมีความสุขความเจริญ ไม่อยากให้สรรพสัตว์เบียดเบียนกัน ไม่อยากให้สรรพสัตว์จองเวรกัน ปรารถนาให้สรรพสัตว์อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
กรุณา คือ ความสงสาร ความปรารถนาให้สรรพสัตว์ทุกตัวตนพ้นจากความทุกข์ โดยไม่จำกัดว่าเป็นใคร ไม่เลือกที่รักผลักที่ชัง ปรารถนาให้มนุษย์ทุกคนและสัตว์โลกทุกตัวตนพ้นจากทุกข์ทั้งหลายที่ประสบอยู่ หากแม้มีความสามารถพอที่จะช่วยบุคคลหรือสัตว์เหล่านั้นให้พ้นจากทุกข์นั้น ๆ ได้ ก็ยินดีช่วยอย่างเต็มกำลัง
มุทิตา คือ ความพลอยยินดี คือความพลอยยินดีไปกับสรรพสัตว์ทั้งหลายที่มีความสุข ประสบความสำเร็จ ไม่เลือกว่ารู้จักหรือไม่รู้จัก ไม่เลือกว่าเป็นบุคคลที่รักหรืออมิตรศัตรู ผู้ใดได้ดีมีสุขก็พลอยยินดีไปกับเขาทั้งหมด ไม่จำกัดบุคคล ไม่มีขอบเขต ไม่ปล่อยให้ความริษยาครอบงำจิตใจ ไม่ริษยาใครทั้งสิ้น
อุเบกขา คือ ความวางใจเป็นกลาง หมายเอาความวางใจเป็นกลางในสรรพสัตว์ทั้งหลาย คือถึงแม้จะมีเมตตาคือปรารถนาให้เขามีความสุข มีกรุณาคืออยากให้เขาพ้นจากความทุกข์ แต่หากตนเองไม่มีกำลังพอที่จะช่วยเหลือได้ หรือช่วยสุดความสามารถแล้วแต่ก็ทำให้เขามีสุขไม่ได้ หรือทำให้เขาพ้นจากความทุกข์ไม่ได้ ก็รู้จักวางใจให้เป็นกลาง ๆ โดยมาพิจารณาถึงภาวะที่สรรพสัตว์เป็นผู้มีกรรมเป็นของของตน ผู้ใดทำกรรมใดไว้ย่อมได้รับผลของกรรมนั้น ๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ประคับประคองจิตใจของตนไม่ให้เป็นทุกข์จนเกินเหตุ
อัปปมัญญากับพรหมวิหารนั้น ต่างกันตรงที่ พรหมวิหาร แผ่ไปในบุคคลผู้เป็นที่รัก เช่น บิดา มารดา บุตร ธิดา ญาติ มิตร เป็นต้น ส่วนอัปปมัญญานั้น แผ่ไปในบุคคลและสรรพสัตว์ทุกตัวตนอย่างไม่จำกัด อีกอย่างหนึ่งคือ พรหมวิหาร ใช้สำหรับบำเพ็ญในการใช้ชีวิตประจำวัน ส่วนอัปปมัญญานั้น เป็นธรรมที่เป็นอารมณ์ของกรรมฐาน ตัวอย่างเช่น เราแผ่เมตตาหลังจากนั่งสมาธิเสร็จ เมตตานี้จัดเป็นเมตตาในอัปปมัญญา
อ้างอิง
ผมเพิ่งเข้าใจว่าทำไมการฆ่าสัตว์ใหญ่จึงบาปกว่าการฆ่าสัตว์เล็ก
https://www.blockdit.com/posts/60950f8b34ff100c50b52c0c
การฆ่าอย่างไร ไม่เป็นบาป
https://www.sila5.com/blog/blog/detail/var/44s2a4
หลวงพ่อตอบปัญหา โดย พระภาวนาวิริยคุณ (เผด็จ ทัตตชีโว)
คำถาม: ฆ่าสัตว์ใหญ่บาปมาก ฆ่าสัตว์เล็กบาปน้อย จริงหรือเปล่าคะ ?
https://www.facebook.com/ThanavuddhoStory/photos/a.447158991996656.99901.446371152075440/592644417448112/?locale=th_TH
มดและพืช : เพื่อนผู้มีประโยชน์
http://www.ezathai.org/?p=246
อัปปมัญญา 4 ประการ
https://www.jaisangma.com/unbounded-states-of-mind/
ขอขอบคุณภาพจาก
https://www.pinterest.com/pin/609815605827072418/
https://www.pinterest.com/pin/155303888060774593/
พุทธศาสนา
แนวคิด
บทความ
1 บันทึก
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย