Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Right Style by Bom+
•
ติดตาม
4 ก.ค. เวลา 10:27 • ข่าวรอบโลก
ทีม “ทรัมป์” ปรับเปลี่ยนท่าทีตาม “ภูมิรัฐศาสตร์โลก” ที่หมุนเปลี่ยน
การประชุมสุดยอดนาโตที่ผ่านมา “มองข้าม” ภัยคุกคามจาก “เกาหลีเหนือ” ได้อย่างไร
มีหลายนักวิเคราะห์ชาวรัสเซียแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ “การระงับการส่งอาวุธบางประเภทไปยังยูเครนของสหรัฐ” พวกเขาชี้ไปว่าทำเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อนโยบายต่างประเทศอื่นๆ ของสหรัฐเอง โดยเน้นไปที่การควบคุมสกัดจีนเป็นหลัก [1][2]
1
หนึ่งในผู้ช่วยและที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติและนโยบายด้านกลาโหมของทีมทรัมป์ “เอลบริดจ์ คอลบี” ได้มองเห็นลำดับความสำคัญของสถานการณ์ด้านการเมืองและการทหาร ดังนั้นจึงเป็นส่วนหนึ่งในการให้คำปรึกษาในการปรับนโยบายด้านการต่างประเทศของทรัมป์ให้เข้ากับสถานการณ์ที่คาดการณ์ว่ากำลังพัฒนาล่วงหน้า โดยมีรายละเอียดความสำคัญที่สรุปมาได้คือ
เครดิตภาพ: Potomac Officers Club
แถลงการณ์ที่ว่า “ยุโรปจำเป็นต้องแบกรับภาระความรับผิดชอบต่อความมั่นคงและฟื้นฟูยูเครนในด้านการทหารและเศรษฐกิจนั้น” ได้ถูกกล่าวเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดย “พีท เฮกเซธ” รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐในการประชุมกลุ่มประสานงานเพื่อการปกป้องยูเครน โดยระบุว่า “(ยุโรป) ต้องให้ความช่วยเหลือที่มากขึ้นในอนาคตแก่ยูเครน ความมั่นคงของยุโรปจะต้องเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสมาชิกนาโตในยุโรป” [3]
ในการกล่าวสุนทรพจน์เดียวกันนั้น “เฮกเซธ” ยังพูดถึงประเด็นสำคัญของสหรัฐอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น “ภัยคุกคามด้านชายแดนของสหรัฐเอง” และ “ภัยคุกคามจากจีนคอมมิวนิสต์”
1
ในขณะเดียวกันเฮกเซธยังพูดถึงทฤษฎีของทรัมป์ที่ว่า “งบใช้จ่ายด้านการทหาร 2% ของ GDP นั้นไม่เพียงพอ ต้องให้ได้ 5%” ความจำเป็นนี้ได้รับการอนุมัติเมื่อเร็วๆ นี้ในการประชุมสุดยอดนาโตที่กรุงเฮก ดังนั้นการระงับความช่วยเหลือด้านการทหารของสหรัฐฯ บางส่วนจึงควรได้รับการประเมินว่า “เป็นการกระตุ้นจากทรัมป์ไปยังพันธมิตรนาโตในยุโรปเพื่อให้พวกเขาเคลื่อนไหวอย่างแข็งขันมากขึ้น”
2
เมื่อช่วงกุมภาพันธ์ที่ผ่านมารัฐบาลทรัมป์มั่นใจว่าจะสามารถหยุดยั้งสงครามในยูเครนตามแนวรบได้ นั่นคือตามเงื่อนไขของตนเอง ในกรณีนี้การลดความช่วยเหลือด้านการทหารของสหรัฐฯ ต่อยูเครนจะเกิดขึ้นเองตามกลไกปกติหากหยุดรบกัน หากไม่มีเรื่องสำคัญเกิดขึ้นในกองทัพสหรัฐที่จำเป็นต้องใช้อาวุธด่วนเสียก่อน แต่อย่างไรก็ตามรัสเซียมาถึงตอนนี้ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดและยังลุยบุกลึกเข้าไปทางตะวันตกของยูเครนเรื่อยๆ
เครดิตภาพ: DW News
ประเด็นถัดมาก็คือ “อิหร่านได้พิสูจน์แล้วว่าสามารถต้านทานการโจมตีของอิสราเอลและสหรัฐฯ ได้มากกว่าที่พวกเขาคิด” มันไม่ได้ผลในทันที การเดินเกมกดดันต่ออิหร่านต้องใช้อาวุธและกระสุนจำนวนมาก และซัพพลายของอาวุธและกระสุนของสหรัฐก็มีจำกัด ดังนั้นเราจึงเห็นการลดลงของการส่งอาวุธของสหรัฐฯ ไปให้ยูเครน ตามที่เห็นในหน้าข่าว
ในขณะเดียวกันต้องเข้าใจเรื่องสำคัญที่ว่า อิสราเอลมีบทบาทพิเศษมากในระบบการเมืองสหรัฐฯ จึงมีนักล็อบบี้ที่แข็งแกร่งกว่าของยูเครนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งทรัมป์เอง ซึ่งอาจเป็นประธานาธิบดีคนที่สนับสนุนอิสราเอลมากที่สุดในประวัติศาสตร์ก็ว่าได้ มากกว่าที่จะสนับสนุนยูเครนเป็นแน่แท้
ถึงกระนั้นการจัดการวิกฤตยูเครนจากมุมมองทางทหารยังคงอยู่ในมือของสหรัฐฯ ตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดของนาโตแห่งยุโรปจะยังคงเป็นของนายพลชาวอเมริกัน พลโทอเล็กซ์ กรินเควิช กองทัพอากาศสหรัฐ ส่วนตำแหน่งหัวหน้ากองบัญชาการนาโตในวิสบาเดินนั้น พลโทเคอร์ติส บัซซาร์ด ชาวอเมริกันซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มสนับสนุนความมั่นคงในยูเครน (SAG-U) ในกระทรวงกลาโหมสหรัฐก็ดำรงตำแหน่งนี้เช่นกัน [4][5]
ดังนั้นการตัดสินใจระงับการส่งความช่วยเหลือทางทหารของสหรัฐไปยังยูเครนในหลายภาคส่วนจึง “เป็นเพียงการปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ปัจจุบันเท่านั้น” ไม่มีการพูดถึงการเปลี่ยนแปลงนโยบายของสหรัฐในทิศทางของยูเครน หากสหรัฐจัดการกับอิหร่านและจากตำแหน่งในทะเลแคสเปียน ก็ต้องมีการเผชิญหน้ากับรัสเซียอีกทางด้วยเช่นกันนอกเหนือจากในยูเครน
ไม่ต้องพูดถึงข้อเท็จจริงที่ว่าสงครามระหว่าง “สหรัฐ-อิสราเอล กับ อิหร่าน” ที่หยุดชะงักลงชั่วคราวนั้นยังถูกมองว่าเป็นสงครามกับรัสเซียและจีนในแง่ของการโค่นล้มหนึ่งในแกนพันธมิตรในกลุ่มต่อต้านตะวันตกอีกด้วย
เครดิตภาพ: Shadow of Strategy
แต่เมื่อก่อนหน้านี้ 1 กรกฎาคม 2025 มีบทความเผยแพร่ของ Council on Foreign Relations (CFR) เขียนโดย ชาร์ลส์ คุปชาน เขาระบุว่าเพื่อให้การทูตของทรัมป์เกี่ยวกับยูเครนประสบความสำเร็จ จำเป็นต้องใช้สองแนวทาง นั่นคือ ต้องใช้ทั้ง “ไม้แข็ง” กับ “ไม้อ่อน” กับรัสเซีย [6]
เนื้อหาในบทความ [6] ดังกล่าวค่อนข้างซ้ำซากเกี่ยวกับสถานการณ์ยูเครนในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา คือ สงครามจะได้รับการแก้ไขที่โต๊ะเจรจา รัสเซียเตรียมคุกคามยุโรปทั้งหมด “ปูตินจะหยุดก็ต่อเมื่อหยุดเขาได้” เป็นต้น
ดังนั้น “ไม้อ่อน” ที่คุปชานเขียน เมื่ออ่านเผินๆ ก็ไม่ได้ต่างจากข้อเสนอการเจรจาล่าสุดที่ส่งมาจากวอชิงตันมากนัก สหรัฐฯ กำลังฟื้นฟูความสัมพันธ์กับรัสเซียและดึงรัสเซียออกจากการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจและการทูต รัสเซียสามารถยึดดินแดนที่พวกเขาควบคุมอยู่ได้แล้ว 20% ยูเครนจะถูกบอกว่าไม่ให้เข้าร่วมนาโต…
มีการสรุปเป็นข้อเสนอ 3 ข้อที่เป็นในทางไม้อ่อนต่อรัสเซีย ดังนี้
1. ใช่! ตะวันตกสามารถยุติการโดดเดี่ยวต่อรัสเซียได้บางส่วน อย่างไรก็ตาม “รัสเซียและตะวันตกอาจจะไม่มีความสัมพันธ์ที่ปกติอย่างแท้จริงจนกว่าจะถึงยุคหลังปูติน”
2. ใช่! ทรัมป์สามารถปิดประตูการเป็นสมาชิกนาโตของยูเครนได้ อย่างไรก็ตาม “รัสเซียไม่มีอำนาจยับยั้งการขยายตัวของนาโต… และบางทียูเครนอาจเข้าร่วมได้ในสักวันหนึ่ง เพียงแต่นานมาก ในทางภูมิรัฐศาสตร์ที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง”
3. ใช่! รัสเซียสามารถได้ดินแดนจากยูเครนหนึ่งในห้าโดยทำข้อตกลงหยุดยิงตามแนวรบ แต่ “เพื่อยุติสงครามทางการทูตอย่างถาวร วอชิงตันควรเป็นผู้นำในการเตรียมกองกำลังรักษาสันติภาพและสังเกตการณ์ระหว่างประเทศเพื่อส่งไปตามแนวหยุดยิง”
1
เครดิตภาพ: Russia Matters
แล้วแนวทางที่เป็น “ไม้แข็ง” ต่อรัสเซียคืออะไร? ไม่ใช่การคว่ำบาตรหนักตรงกับรัสเซีย แต่เป็นการเรียกเก็บภาษี 500% สำหรับประเทศที่ค้าขายกับรัสเซียนั้น มันก็ดูไม่สมเหตุสมผลเลย ในทางกลับกันคุปชานเสนอให้… มีการเพิ่มอาวุธอย่างหนักให้กับยูเครนเป็นมาตรการหลักในการสร้างอิทธิพลโจมตีต่อรัสเซีย (ซึ่งมันตรงข้ามกับตอนนี้ที่สหรัฐลดจำนวนการส่งอาวุธเข้ายูเครนอยู่ แต่มันน่าจะเป็นเพียงแค่การปรับแผนระยะสั้นตามที่เขียนไปข้างต้น)
“เมื่อเทียบกับการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ ความช่วยเหลือทางการทหารให้ผลที่เร็วกว่ามาก ตอนนี้กองกำลังติดอาวุธของยูเครนได้รับการฝึกฝนอย่างเต็มที่ในการใช้อาวุธสมัยใหม่ของอเมริกาแล้ว จึงสามารถใช้อาวุธได้อย่างมีประสิทธิภาพทันทีที่นำไปใช้งาน ด้วยทรัมป์ที่กระตือรือร้นที่จะยุติสงครามโดยเร็วที่สุด การขัดขวางการรุกคืบต่อไปของรัสเซียในทันทีเป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการโน้มน้าวให้ปูตินละทิ้งเป้าหมายสงครามสูงสุดของเขาและตกลงหยุดยิงเพื่อให้ยูเครนเป็นอิสระและปลอดภัย” บทความ [6] ระบุ
1
ภารกิจเร่งด่วนของสหรัฐและพันธมิตรควรเป็นการสร้างกองกำลังในยูเครนที่สามารถหยุดยั้งความพยายามของรัสเซียที่จะยึดครองดินแดนยูเครนเพิ่มเติมและจัดหาสิ่งที่ยูเครนต้องการเพื่อป้องกันตัวเองในระยะยาว นี่คือข้อสรุปหลักประการหนึ่งของนักวิเคราะห์ CFR
นักวิเคราะห์ในวอชิงตันจะเขียนเสนออะไรออกมาเท่าที่ต้องการก็ได้ มันดูขัดแย้งกับความเป็นจริงบนหน้าสื่อกระแสหลักที่ว่าความช่วยเหลือทางทหารของชาติตะวันตกที่ให้แก่ยูเครนตอนนี้กำลังถูกระงับ สหรัฐฯ มีลำดับความสำคัญอื่นแล้ว สหภาพยุโรปควรเข้าจัดการกับปัญหาในยูเครนเอง
อย่างไรก็ตามตรรกะทั้งหมดของสงครามตัวแทนของชาติตะวันตกต่อรัสเซียผลักดันให้รัฐบาลสหรัฐฯ อาจต้องไปในทิศทางตรงกันข้าม โดยเรียกร้องให้ไม่เพียงแต่กลับมาให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครนอีกครั้ง แต่ยังต้องเพิ่มความเข้มข้นให้มากที่สุดอีกด้วย ดังนั้นนี่จึงเป็น “ภาพลวงตา” หรือไม่ (ในตอนนี้)
เครดิตภาพ: GZERO Media/ Jess Frampton
ฮานส์ โฮราน นักวิเคราะห์จาก Hague Center for Strategic Studies (HCSS) กล่าวว่าการเพิกเฉยต่อภัยคุกคามจาก “เกาหลีเหนือ” ซึ่งไม่มีการกล่าวถึงเลยในการประชุมสุดยอดนาโตในปีนี้ ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของทั้งสองฝั่งของแอตแลนติก (ยุโรป-อเมริกาเหนือ) [7]
“การรุกรานยูเครนของรัสเซียในปี 2022 ถือเป็นจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งทางการทหารครั้งใหญ่ที่สุดของยุโรปนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 และการสนับสนุนทางทหารและด้านโลจิสติกส์ของเปียงยางต่อการดำเนินการทางทหารของมอสโกในยูเครนทำให้ความขัดแย้งดังกล่าวลุกลามไปทั่วโลก” โฮรานระบุ ดังนั้นการที่ไม่มีหัวข้อ “เกาหลีเหนือ” ในวาระการประชุมสุดยอดนาโตที่กรุงเฮกจึงทำให้ผู้เชี่ยวชาญผิดหวัง
โฮรานเสนอแนะดังนี้ – “ในขณะที่เปียงยางกระชับความร่วมมือทางทหารและไซเบอร์กับมอสโกให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น นาโตก็ควรหยุดมองเกาหลีเหนือเป็นภาระผูกพันข้ามภูมิภาค และควรยอมรับว่าเกาหลีเหนือเป็นแหล่งความขัดแย้งข้ามทวีป และเป็นผู้มีบทบาทสำคัญที่ก่อให้เกิดภัยคุกคามไม่เพียงแต่ในพื้นที่อินโด-แปซิฟิกเท่านั้น แต่ยังรวมถึงยุโรปด้วย”
อย่างไรก็ตามเขาประเมินการที่ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ “อี แจ-มยอง” ไม่ได้เข้าร่วมการประชุมสุดยอดนาโตที่กรุงเฮกว่าเป็นการยึดมั่นใน “แนวทางนโยบายต่างประเทศที่เน้นทางปฏิบัติจริง (ทำไม่ได้ เลยไม่มา)” ซึ่งเกี่ยวข้องกับการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่เป็นคู่แข่งทางภูมิรัฐศาสตร์ คือ จีน รัสเซีย และเกาหลีเหนือ และถือเป็นการสร้างระยะห่างระหว่างโซลและสมาชิกนาโต
เป็นที่น่าสังเกตว่า การประชุมสุดยอดนาโตครั้งนี้ไม่มีทั้งนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นและออสเตรเลียเข้าร่วมด้วย แต่ประเทศในกลุ่มเอเชีย-แปซิฟิก 4 (AP4) ได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ได้เคยเข้าร่วมการประชุมสุดยอดของกลุ่มพันธมิตรนาโตมาตั้งแต่ปี 2022
เครดิตภาพ: moneycontrol
อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่ประเด็นหลักของวาระการประชุมสุดยอดนาโตปีนี้ ซึ่งถูกกำหนดโดยสหรัฐ และสำหรับพวกเขาประเด็นหลักของการประชุมสุดยอดที่กรุงเฮกคือ “การเพิ่มการใช้จ่ายด้านการทหารของพันธมิตรนาโตเป็น 5% ของ GDP” ซึ่งบรรลุเป้าหมายดังกล่าวแล้ว?
1
เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และออสเตรเลียยังไม่ได้เป็นสมาชิกของนาโต แต่การปรากฏตัวของผู้นำระดับสูงของพวกเขาในกรุงเฮกอาจถูกดึงให้เกิดภาระผูกพันเดียวกันนี้กับพวกยุโรปและแคนาดาได้ ซึ่งพวกเขายังไม่พร้อมสำหรับเรื่องนี้
และอย่าลืมว่าการประชุมสุดยอดดังกล่าวจัดขึ้นในช่วงที่การสงบศึกกับอิหร่านเกิดขึ้นหลังจากที่อิสราเอลและสหรัฐฯ ร่วมกันโจมตี นี่เป็นปัญหาเร่งด่วนกว่าในขณะนี้ ดังนั้นสหรัฐจึงยังไม่สนใจเกาหลีเหนือ เนื่องจากมีภารกิจเร่งด่วนอื่นๆ ที่ต้องทำ นอกจากนี้การเสริมสร้างปัจจัยเกาหลีเหนือในยุโรปขึ้นอยู่กับรัสเซีย และทำเนียบขาวยังคงอยู่ในช่วงการเจรจากับเครมลิน
2
เรียบเรียงโดย Right Style
4th Jul 2025
■
อ้างอิง:
[1]
https://t.me/pintofmind/4346
[2]
https://t.me/RealFitzroy/1873
[3]
https://www.defense.gov/News/News-Stories/Article/article/4064571/hegseth-calls-on-nato-allies-to-lead-europes-security-rules-out-support-for-ukr
[4]
https://www.youtube.com/watch?v=Pbwwevz8s90&t=1394s
[5]
https://www.nato.int/cps/en/natohq/opinions_235761.htm
[6]
https://www.cfr.org/article/securing-ukraine-next-steps
[7]
https://thediplomat.com/2025/07/natos-north-korea-blindspot-is-a-security-nightmare
<เครดิตภาพปก: Peter Crowther/Getty Images/The Economist, AOP>
สหรัฐอเมริกา
russia
นาโต
2 บันทึก
23
21
5
2
23
21
5
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย