4 ก.ค. เวลา 17:04 • การศึกษา

ภูมิภาคเอเชียกลางและคอเคซัส: จุดเปลี่ยนของภูมิรัฐศาสตร์โลกในศตวรรษที่ 21

ในโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และการจัดระเบียบอำนาจระหว่างประเทศกำลังเขยื้อนตัวครั้งใหญ่ ภูมิภาคที่เคยถูกมองข้ามอย่าง “เอเชียกลางและคอเคซัส” กำลังกลับมาอยู่ในสายตาของมหาอำนาจระดับโลกอีกครั้ง ไม่ใช่เพียงในฐานะเส้นทางผ่านหรือพื้นที่กันชน หากแต่คือเวทีสำคัญของเกมภูมิรัฐศาสตร์ยุคใหม่
ภูมิภาคนี้มีบทบาทมาอย่างยาวนานในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ เส้นทางสายไหมที่พาดผ่านผืนดินนี้ไม่เพียงเชื่อมโยงจีนกับเปอร์เซีย อินเดียกับยุโรป แต่ยังเป็นทางผ่านของแนวคิด ศาสนา เทคโนโลยี และอารยธรรมที่เดินทางเคียงข้างสินค้าจากตะวันออกไปตะวันตก นักประวัติศาสตร์อย่าง Peter Frankopan (2015) จึงนิยามเส้นทางสายไหมว่าเป็น “เครือข่ายแห่งอำนาจ” ที่วางรากฐานให้เอเชียกลางเป็นศูนย์กลางของโลกยุคโบราณมาเนิ่นนาน
แนวคิดภูมิรัฐศาสตร์แบบคลาสสิก เช่น ทฤษฎี Heartland ของ Halford Mackinder (1904) เคยเตือนไว้ว่า “ผู้ใดควบคุมยูเรเซีย ผู้นั้นย่อมควบคุมชะตากรรมของโลก” แม้จะเกิดขึ้นในบริบทศตวรรษที่ 20 แต่แนวคิดนี้ยังคงส่งอิทธิพลถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะในสายตาของนักคิดแบบ Realist ที่เน้นการแข่งขันระหว่างอำนาจและความมั่นคงของรัฐ
หลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียต เอเชียกลางและคอเคซัสกลายเป็นพื้นที่แข่งขันใหม่ของมหาอำนาจเดิมและอำนาจที่กำลังผงาดขึ้น เช่น สหรัฐฯ จีน และรัสเซีย Zbigniew Brzezinski (1997) เคยเตือนว่า หากวอชิงตันละเลยภูมิภาคนี้ จะเปิดช่องให้มอสโกและปักกิ่งสร้างดุลอำนาจใหม่ที่ท้าทายสถานะของสหรัฐฯ
ในมุมหนึ่ง จีนขยายอิทธิพลผ่านโครงการ Belt and Road Initiative (BRI) ซึ่งไม่ได้เป็นแค่โครงการโครงสร้างพื้นฐาน แต่เป็นเครื่องมือทางภูมิรัฐศาสตร์ที่โยงเอเชียกลางเข้าสู่เครือข่ายเศรษฐกิจของจีน ขณะที่รัสเซีย แม้สูญเสียสถานะจักรวรรดิไปแล้ว แต่ยังใช้กลไกอย่าง CSTO และ EAEU เพื่อรักษาอิทธิพลเดิม
อย่างไรก็ตาม ถ้ามองผ่านกรอบความคิดแบบ Constructivism ที่เน้นบทบาทของอัตลักษณ์และวาทกรรม เราจะเห็นการลุกขึ้นมากำหนดทิศทางใหม่ของประเทศในภูมิภาค คาซัคสถานคือตัวอย่างสำคัญ โดยใช้นโยบาย “หลากหลายทิศทาง” (multi-vector policy) สร้างสมดุลระหว่างมหาอำนาจอย่างชาญฉลาด โดยไม่ผูกติดกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ขณะที่อาเซอร์ไบจานก็ปรับบทบาทหลังชัยชนะในนากอร์โน-คาราบัคให้สามารถสื่อสารกับรัสเซีย ตุรกี และอิหร่านได้อย่างยืดหยุ่น
นักวิชาการอย่าง Alexander Cooley (2019) และ Marlene Laruelle (2022) ชี้ว่ารัฐในเอเชียกลางกำลังเปลี่ยนจาก “ผู้รับ” นโยบายของมหาอำนาจ มาเป็น “ผู้กำหนดเกม” ด้วยตนเอง การทูตของประเทศเหล่านี้จึงไม่ได้จำกัดอยู่ที่การเลือกข้าง แต่เป็นการจัดสมดุลอย่างมีชั้นเชิงในโลกที่กำลังก้าวเข้าสู่ยุค “หลายขั้วอำนาจ” (Multipolarity)
ในยุคใหม่นี้ รัฐขนาดกลางและเล็กอย่างอุซเบกิสถาน เติร์กเมนิสถาน และจอร์เจีย ต่างพยายามแสวงหาอิสรภาพทางยุทธศาสตร์ สร้างพันธมิตรแบบยืดหยุ่น และหลีกเลี่ยงการตกเป็นเบี้ยล่างของใคร ขณะเดียวกัน ปัจจัยใหม่ ๆ อย่างวิกฤตสภาพภูมิอากาศ ความมั่นคงทางพลังงาน และเส้นทางโลจิสติกส์ระดับภูมิภาค ยิ่งผลักให้เอเชียกลางและคอเคซัสกลายเป็น “จุดยุทธศาสตร์” ที่น่าจับตามากยิ่งขึ้น
Kishore Mahbubani (2008) เคยกล่าวว่า “หากศตวรรษที่ 21 คือศตวรรษของเอเชีย เอเชียกลางก็คือหัวใจของมัน” ความเข้าใจต่อภูมิภาคนี้จึงต้องลึกซึ้งยิ่งกว่าระดับภูมิประเทศหรือทรัพยากรธรรมชาติ ต้องเข้าใจพลวัตภายในของรัฐ ระบบการเมืองภายใน ชนชั้นนำ และขีดความสามารถในการวางนโยบายต่างประเทศอย่างมีอิสระ
ในโลกที่มหาอำนาจดั้งเดิมกำลังเผชิญความเปราะบาง เอเชียกลางและคอเคซัสไม่ได้เป็นแค่ “ทางผ่าน” อีกต่อไป แต่คือ “จุดตั้งต้น” ของระเบียบโลกใหม่ ที่ทุกสายตาจำเป็นต้องหันกลับมาให้ความสำคัญอย่างจริงจัง
---
เอกสารอ้างอิง
Brzezinski, Z. (1997). The Grand Chessboard: American Primacy and Its Geostrategic Imperatives.
Frankopan, P. (2015). The Silk Roads: A New History of the World.
Mackinder, H. J. (1904). The Geographical Pivot of History.
Cooley, A. (2019). Great Games, Local Rules: The New Great Power Contest in Central Asia.
Laruelle, M. (2022). Central Asia’s New International Politics.
Mahbubani, K. (2008). The New Asian Hemisphere: The Irresistible Shift of Global Power to the East.
โฆษณา