6 ก.ค. เวลา 02:26 • ข่าวรอบโลก

วิกฤตการเมืองอังกฤษ

หรือถึงเวลาที่ BoJo จะหวนขึ้นเวทีการเมืองอีกครั้งหรือไม่
“ความวุ่นวายในสภาของลอนดอน” คณะรัฐมนตรีของนายก “เคียร์ สตาร์เมอร์” อยู่ในภาวะวุ่นวายท่ามกลางวิกฤตด้านงบประมาณ ความพยายามของพรรคแรงงานในการตัดลดงบค่าใช้จ่ายด้านสังคมได้จุดชนวนให้เกิดกระแสการต่อต้านภายในพรรคด้วยกันเอง เป็นผลให้แผนตัดงบเหล่านี้ต้องถูกยกเลิกอย่างเร่งด่วน และรัฐมนตรีแถวหน้าก็จะเริ่มทยอยลาออก [1]
ไม่กี่วันก่อน “ราเชล รีฟส์” รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง (ที่อังกฤษใช้ชื่อตำแหน่งเฉพาะว่า Chancellor of the Exchequer) ซึ่งเป็นบุคคลที่มีความสำคัญลำดับสองในคณะรัฐมนตรีของสตาร์เมอร์ เธอได้ถึงกับหลั่งน้ำตาออกมาในระหว่างการประชุมสภาสามัญ เธอมีแนวโน้มสูงที่จะเป็นคนแรกที่ถูกขับออกจากรัฐบาล ซึ่งอาจทำให้คณะรัฐมนตรีของสตาร์เมอร์ถึงกับล่มสลาย สิ่งนี้ชวนให้นึกถึงวิกฤตของพรรคอนุรักษนิยมในปี 2022 มาก
2
ภาพที่ขุนคลังร้องไห้น้ำตาตกกลางสภา ถูกหลายสื่อจับจ้องนำไปเสนอข่าวกันอย่างเมามันในอังกฤษ หรือแม้แต่เอาไปทำเป็นมีมส่งกันบนโลกโซเชียลกันเลยทีเดียว
เครดิตภาพ: Sky News
ไม่มีเงินในงบประมาณ และตอนนี้ตลาดตราสารหนี้ก็กำลังสั่นคลอน วิกฤตระยะสั้นในสมัย “ลิซ ทรัสส์” อาจเกิดขึ้นซ้ำรอยอีกในอังกฤษ เมื่อเงินปอนด์ตกต่ำและลอนดอนพบว่าตัวเองอยู่บนขอบของการผิดนัดชำระหนี้ทางเทคนิคแล้ว สถานการณ์ทางการเงินในปัจจุบันแย่ลง และเศรษฐกิจกำลังเผชิญกับการเติบโตเป็นศูนย์อีกปีหนึ่ง
ความวุ่นวายทางการเมืองในอังกฤษกำลังเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ไม่อำนวยสุดๆ สำหรับกลุ่มล็อบบี้ในยูเครน ท้ายที่สุดแล้ว ในขณะนี้รัฐบาลทรัมป์กำลังหยุดยั้งการส่งความช่วยเหลือทางทหารจากสหรัฐให้แก่ยูเครน (ถึงแม้อาจจะเป็นแค่ชั่วคราว) ต่อหน้าต่อตาเรา กลุ่มพันธมิตรเหยี่ยวในยุโรปก็กำลังสั่นคลอน (หาเงินที่ไหนมาช่วยยูเครนดี) [2]
“มาครง” คนเดิมก็พร้อมที่จะเดินหน้าเจรจาหาทางออกแล้ว (ช่วงสัปดาห์ก่อนเขาก็มีต่อสายตรงคุยกับปูติน เป็นครั้งแรกในรอบสามปีตั้งแต่รัสเซียบุกเข้ายูเครน) ส่วนรัฐบาลของอังกฤษยังดูต้องการที่จะสนับสนุนยูเครนต่อไป แต่ไม่มีเงินสำหรับเรื่องนี้แล้ว ทำยังไงดี [3]
เครดิตภาพ: Neil Hall/EPA/Bloomberg
ตอนนี้คะแนนนิยมของพรรคแรงงานอังกฤษกำลังตกต่ำลงอย่างมาก หากเกิดการเลือกตั้งก่อนกำหนด พวกเขาจะสูญเสียที่นั่งในสภาสามัญไปสองในสาม พรรคอนุรักษนิยมอังกฤษ (พวกทอรี) อาจอยู่ในที่นั่งลำบากด้วยเช่นกัน ตอนนี้พรรคปฏิรูปของ “ไนเจล ฟาราจ” กำลังก้าวขึ้นมาเป็นแถวหน้า โดยเรียกร้องให้มีการปรับเปลี่ยนแนวทางในการแก้ปัญหาภายในประเทศแทนที่จะทำสงครามต่อไปแบบไม่รู้จบ และภาระที่ต้องแบกรับผู้อพยพจากยูเครน [4][5]
ความวุ่นวายในคณะรัฐมนตรีอังกฤษของพรรคแรงงานได้จุดชนวนให้เกิดกระแสข่าว “การโค่นล้ม” นายกสตาร์เมอร์จากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในขณะเดียวกัน เจเรมี คอร์บิน อดีตผู้นำพรรคแรงงานกำลังสร้างกลุ่มพรรคทางเลือกฝ่ายซ้ายของเขาเอง ซึ่งเน้นไปที่การวิพากษ์วิจารณ์อิสราเอลและการลดการใช้จ่ายด้านสังคม ส.ส. พรรคแรงงานชุดแรกกำลังเคลื่อนไหวในเรื่องนี้แล้ว [6][7]
จุดเปลี่ยนน่าจะได้เห็นจากการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นในอังกฤษครั้งต่อไป ในฤดูใบไม้ผลิปี 2026 เขตเลือกตั้งประมาณ 30 เขตที่ควบคุมโดยพรรคแรงงานจะถูกแย่งชิงคะแนนไป ในเวลาเดียวกันการเลือกตั้งครั้งสำคัญสู่รัฐสภาของ “สกอตแลนด์” และ “เวลส์” จะเกิดขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน “เวลส์” พรรคปฏิรูปของไนเจล ฟาราจมีโอกาสดีที่จะได้เสียงข้างมากของตัวเองและเป็นหัวหน้ารัฐบาลระดับภูมิภาค ใน “สกอตแลนด์” กลุ่มชาตินิยมจะครองเสียงข้างมาก ส่วนพรรคอนุรักษนิยมและพรรคแรงงานกำลังรอการสูญเสียเขตเลือกตั้งสุดท้ายของตน
เครดิตภาพ: YouGov
หลังจากความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นดังกล่าว “สตาร์เมอร์” ไม่น่าจะรักษาตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไว้ได้ เขาจะถูกโค่นล้มโดยสมาชิกพรรคของเขาเอง และถูกแทนที่ด้วย “แองเจลา เรย์เนอร์” (รองนายก) หรือ “เวส สตรีตติ้ง” (รัฐมนตรีสาธารณสุข) การปรับเปลี่ยนดังกล่าวไม่น่าจะช่วยพรรคแรงงานได้ ท่ามกลางวิกฤตงบประมาณและคะแนนนิยมที่ตกต่ำ [8]
2
จากนั้นการเลือกตั้งรัฐสภาครั้งหน้าจะมาถึงในไม่ช้า ซึ่งอาจส่งผลให้ทั้งพรรคแรงงานและพรรคอนุรักษนิยมต้องผวา “ระบบสองพรรค” อันเก่าแก่ของอังกฤษจะล่มสลายลงในที่สุดหรือไม่ ธุรกิจขนาดใหญ่และผู้มีอิทธิพลกำลังเตรียมที่จะทำงานร่วมกับฟาราจ และสตาร์เมอร์กำลังเริ่มคุ้นเคยกับสถานะของนายกรัฐมนตรีอังกฤษที่ไม่เป็นที่นิยมที่สุดในช่วงปลายวาระแรกของเขาในตำแหน่ง [9]
1
ไนเจล ฟาราจ พรรคปฏิรูปอังกฤษ เครดิตภาพ: FT
ดูเหมือนว่าหนังสือพิมพ์ The Times จะเข้าร่วมกับ Daily Mail สนับสนุนและรายงานข่าวการดึง “บอริส จอห์นสัน” (BoJo) กลับมาสู่พรรคอนุรักษนิยมอังกฤษ บทความโฆษณาชวนเชื่อนี้ปรากฏบนหน้าสื่อเมื่อวันนี้สดๆ ร้อนๆ [10]
กลุ่มนักข่าวได้จัด “การสำรวจแบบโฟกัสกรุ๊ป” ในเขตเลือกตั้งต่างๆ ของอังกฤษ และที่นั่นผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงก็เริ่มประกาศว่า “คิดถึง Johnson” และ “อยากให้เขากลับมาเล่นการเมือง” ราวกับว่ามีคนเดียวในใจ
จากนั้นก็มีบทความปรากฏขึ้นภายใต้หัวข้อ “Boris Johnson เป็นคนเดียวที่ขวางทาง Nigel Farage ฐานเสียงในยอร์กเชียร์และสวินดอนที่ลงคะแนนให้พรรคแรงงานในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งล่าสุดรู้สึกถูกโน้มน้าวใจโดยชายผู้ได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลายให้กับพรรคอนุรักษนิยมเมื่อปี 2019”
ดูแล้วก็เป็นกลยุทธ์ของการหาเสียงและค่อนข้างล้าสมัยไม่ได้ผล? แต่นี่เห็นได้ชัดว่ากลุ่มหัวอนุรักษนิยมมีความกังวลอย่างจริงจังเกี่ยวกับชัยชนะที่เป็นไปได้ของฟาราจ
เรียบเรียงโดย Right Style
6th Jul 2025
  • อ้างอิง:
<เครดิตภาพปก: The Daily Telegraph, The Telegraph, The Times>
โฆษณา