Subnetting เบื้องต้น
โดย
ในโลกเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่ทุกอุปกรณ์ต้องการการเชื่อมต่อ Subnetting เป็นทักษะพื้นฐานที่ช่วยให้คุณจัดการที่อยู่ IP ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความแออัดของเครือข่าย และ เพิ่มความปลอดภัย บทความนี้จะพาคุณเข้าใจ Subnetting ตั้งแต่พื้นฐานจนสามารถประยุกต์ใช้ได้จริง
- ★Subnetting คืออะไร
Subnetting คือ กระบวนการแบ่งเครือข่าย IP ใหญ่เป็นเครือข่ายย่อย (Subnets) หลายเครือข่าย โดยมีวัตถุประสงค์หลัก 3 ข้อ
1. ลดความแออัดของเครือข่าย (Reduce Network Congestion)
2. เพิ่มความปลอดภัย ด้วยการแยกส่วนเครือข่าย
3. จัดการ IP Address ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตัวอย่างง่ายๆ : เหมือนการแบ่งตึกใหญ่เป็นหลายชั้น แต่ละชั้นมีห้องย่อย (Subnets) ที่จัดการแยกกัน
- ★องค์ประกอบสำคัญของ Subnetting
☆ 1. IP Address และ Subnet Mask
○ IP Address : ที่อยู่ประจำตัวอุปกรณ์ (เช่น 192.168.1.1)
○ Subnet Mask : กำหนดขอบเขตเครือข่าย (เช่น 255.255.255.0)
☆ 2. วิธีการเขียนแบบ CIDR Notation
○ ย่อมาจาก Classless Inter-Domain Routing
○ ตัวอย่าง: 192.168.1.0/24
- /24 หมายถึง 24 บิตแรกเป็น Network Portion
☆ 3. วิธีทำ Subnetting แบบง่าย
1. กำหนดจำนวน Subnet ที่ต้องการ
- ใช้สูตร: จำนวน Subnet = 2^n (n = จำนวนบิตที่ยืมมา)
2. คำนวณ Host ต่อ Subnet
- ใช้สูตร: Hosts = 2^(32 - Subnet Mask) - 2
- ลบ 2 สำหรับ Network Address และ Broadcast Address
3. หาช่วง IP แต่ละ Subnet
○ ตัวอย่าง: 192.168.1.0/26
- Subnet 1: 192.168.1.0 - 192.168.1.63
- Subnet 2: 192.168.1.64 - 192.168.1.127
4. ตรวจสอบการทับซ้อน
- ต้องไม่มีช่วง IP ซ้อนกันระหว่าง Subnets
- ★ประเภทของ Subnetting
1. FLSM (Fixed Length Subnet Mask)
○ ความยืดหยุ่น : ต่ำ (ใช้ Subnet Mask ขนาดเดียวกันทั้งหมด)
○ ระดับความยาก : ง่าย เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น
○ เหมาะสำหรับ :
- เครือข่ายขนาดเล็ก
- สถานศึกษาขั้นพื้นฐาน
- ร้านค้าขนาดเล็ก
○ ลักษณะเด่น :
- คำนวณง่าย
- จัดการง่าย
- แต่สิ้นเปลือง IP Address
☆ 2. VLSM (Variable Length Subnet Mask)
○ ความยืดหยุ่น : สูง (ใช้ Subnet Mask ต่างขนาดได้)
○ ระดับความยาก : ปานกลาง ต้องการความเข้าใจลึกซึ้ง
○ เหมาะสำหรับ :
- องค์กรขนาดใหญ่
- ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP)
- ระบบเครือข่ายที่ต้องการประสิทธิภาพสูง
○ ลักษณะเด่น :
- ประหยัด IP Address
- ออกแบบเครือข่ายได้เหมาะสมกับความต้องการ
- แต่คำนวณซับซ้อนกว่า
- ★ประโยชน์
✅ ลด Broadcast Domain ลดความแออัดเครือข่าย
✅ เพิ่ม Security แยกเครือข่ายสำคัญออกจากกัน
✅ ประหยัด IP Address จัดสรรได้อย่างเหมาะสม
✅ ง่ายต่อการจัดการแก้ปัญหาได้เร็วขึ้น
✅ รองรับการขยายตัวในอนาคต
- ★ตัวอย่างการใช้งาน
☆ 1. ในองค์กร
○ แผนก HR : 192.168.1.0/26 (62 Hosts)
○ แผนก IT : 192.168.1.64/26 (62 Hosts)
○ แผนก Finance : 192.168.1.128/26 (62 Hosts)
☆ 2. ในมหาวิทยาลัย
○ อาคารวิศวกรรม : 10.0.1.0/24
○ อาคารวิทยาศาสตร์ : 10.0.2.0/24
○ หอพักนักศึกษา : 10.0.3.0/23
☆ 3. ที่บ้าน
○ อุปกรณ์ IoT : 192.168.0.0/27
○ คอมพิวเตอร์ส่วนตัว : 192.168.0.32/27
○ Guest WiFi : 192.168.0.64/26
- ★โจทย์
จงแบ่งเครือข่าย 192.168.1.0/24 ออกเป็น 4 Subnet ที่มีจำนวน Host ต่อ Subnet อย่างน้อย 50 Host โดยใช้วิธีการ Subnetting แบบ FLSM
- ★ข้อมูลจากโจทย์
○ Network Address: `192.168.1.0`
○ Default Subnet Mask (Prefix Length): `/24` (เท่ากับ `255.255.255.0` ในรูปแบบ Dotted Decimal)
○ ต้องการจำนวน Subnet: `4 Subnet`
○ ต้องการจำนวน Host ต่อ Subnet: อย่างน้อย `50 Host`
- ★วิธีทำ
☆ ขั้นที่ 1: ตรวจสอบความต้องการของ Subnet
โจทย์ต้องการ 4 Subnet สูตรในการหาจำนวน Subnet ที่สามารถสร้างได้ 2^n (เมื่อ n คือจำนวนบิตที่ "ยืม" มาจากส่วน Host ID)
○ ถ้า n=1, 2^1 = 2 Subnet (ไม่พอ)
○ ถ้า n=2, 2^2 = 4 Subnet (พอดี!)
ดังนั้น เราต้องยืมบิตจากส่วน Host ID มา 2 บิต
☆ ขั้นที่ 2: คำนวณ Subnet Mask ใหม่ (New Prefix Length)
○ Prefix Length เดิมคือ `/24` (หมายถึง Network ID มี 24 บิต)
○ เรายืมบิตมาเพิ่มอีก 2 บิต (จากขั้นตอนที่ 1)
○ Prefix Length ใหม่:
24 + 2 = /26
☆ ขั้นที่ 3: คำนวณจำนวน Host ต่อ Subnet
○ Prefix Length ใหม่คือ `/26`
สูตรในการหาจำนวน Host ต่อ Subnet: 2^m - 2 (เมื่อ m คือจำนวนบิตที่เหลือสำหรับ Host ID)
○ จำนวนบิตทั้งหมดใน IP Address คือ 32 บิต
○ จำนวนบิตที่เป็น Network ID ใหม่คือ 26 บิต
○ ดังนั้น จำนวนบิตที่เหลือสำหรับ Host ID (m)
32 - 26 = 6 บิต
○ จำนวน Host ต่อ Subnet 2^6 - 2 = 64 - 2 = 62 Host
ตรวจสอบเงื่อนไข โจทย์ต้องการอย่างน้อย 50 Host ต่อ Subnet ซึ่ง 62 Host นั้นมากกว่า 50 Host ดังนั้นเงื่อนไขนี้ผ่าน
☆ ขั้นที่ 4: แปลง Subnet Mask ใหม่เป็นรูปแบบ Dotted Decimal
○ Subnet Mask ใหม่คือ `/26`
`/26` หมายถึงมีบิตที่เป็น `1` อยู่ 26 ตัว และบิตที่เป็น `0` อยู่ 32 - 26 = 6 ตัว
○ ใน Octet (ชุดตัวเลข 8 บิต) ที่ 1, 2, 3 เป็นบิต `1` ทั้งหมด (255.255.255)
○ เราต้องสนใจ Octet ที่ 4 (Octet สุดท้าย) เพราะเป็นจุดที่เรายืมบิตมา
○ Octet ที่ 4 (8 บิต) จะมีรูปแบบดังนี้: `11000000` (บิต `1` สองตัวแรกที่เรายืมมา, ตามด้วยบิต `0` อีก 6 ตัวที่เหลือสำหรับ Host)
○ แปลง `11000000` ฐานสองเป็นเลขทศนิยม:
- 1 = 128 +
- 1 = 64 +
- 0 = 32 +
- 0 = 16 +
- 0 = 8 +
- 0 = 4 +
- 0 = 2 +
- 0 = 1 +
จะได้ 128 + 64 + 0 + 0 + 0 + 0 + 0 + 0 = 192
Subnet Mask ใหม่ในรูปแบบ Dotted Decimal คือ `255.255.255.192`
☆ ขั้นที่ 5: ระบุ Network Address, First Host, Last Host, และ Broadcast Address สำหรับแต่ละ Subnet
เรามี Subnet Mask ใหม่เป็น `255.255.255.192` ซึ่งหมายความว่าใน Octet สุดท้าย (Octet ที่ 4) ทุกๆ 64 (ค่า 2^6) จะเป็น Network Address ถัดไป
Network ID เดิม `192.168.1.0`
Block Size (หรือ Magic Number) ใน Octet สุดท้าย 256 - 192 = 64
นี่คือ 4 Subnet ที่เราสามารถสร้างได้
นี่คือข้อมูลที่คุณให้มาในรูปแบบข้อความที่อ่านง่ายขึ้นครับ:
○ Subnet 0
- Network Address: 192.168.1.0
- First Usable Host IP: 192.168.1.1
- Last Usable Host IP: 192.168.1.62
- Broadcast Address: 192.168.1.63
○ Subnet 1
- Network Address: 192.168.1.64
- First Usable Host IP: 192.168.1.65
- Last Usable Host IP: 192.168.1.126
- Broadcast Address: 192.168.1.127
☆ Subnet 2
- Network Address: 192.168.1.128
- First Usable Host IP: 192.168.1.129
- Last Usable Host IP: 192.168.1.190
- Broadcast Address: 192.168.1.191
☆ Subnet 3
○ Network Address: 192.168.1.192
○ First Usable Host IP: 192.168.1.193
○ Last Usable Host IP: 192.168.1.254
○ Broadcast Address: 192.168.1.255
✏️ Shoper Gamer
- ✓FLSM คืออะไร 👇
- ✓VLSM คืออะไร 👇
- ✓Subnet Mask คืออะไร 👇
- ✓IP Address คืออะไร 👇
Credit :
👇
- ●https://jumpcloud.com/it-index/what-is-subnetting
- ●https://www.alibabacloud.com/blog/599969
- ●https://www.solarwinds.com/resources/it-glossary/subnetting
- ●https://www.networkacademy.io/ccna/ip-subnetting/what-is-subnetting
- 2
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
