เมื่อวาน เวลา 05:46 • ธุรกิจ

TCL โค่น LG ได้อย่างไร? พลิกเกมโค่นบัลลังก์ทีวี เรื่องจริงแบรนด์โนเนมสู่อันดับ 2 ของโลก

ถ้าผมถามว่า แบรนด์ทีวีที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกคือแบรนด์อะไร?
เชื่อว่าหลายคนคงนึกถึงชื่อแบรนด์เกาหลีหรือญี่ปุ่นที่คุ้นเคยกันดีอย่าง LG หรือ Sony แต่ถ้าผมบอกว่าคำตอบนั้นผิด… คุณจะเชื่อไหมครับ
1
เรื่องน่าเหลือเชื่อนี้เกิดขึ้นจริงแล้ว เพราะบริษัทที่โค่นยักษ์ใหญ่เหล่านั้นลงได้ คือแบรนด์จีนที่ชื่อว่า TCL ซึ่งเมื่อสิบกว่าปีก่อน แทบไม่มีใครในตลาดโลกเคยได้ยินชื่อของพวกเขาเลยด้วยซ้ำ
5
นี่ไม่ใช่เรื่องของโชคช่วย และมันมีความลับซ่อนอยู่มากกว่าแค่การขายของในราคาถูก แต่มันคือมหากาพย์การวางกลยุทธ์ทางธุรกิจที่แยบยล การต่อสู้ในสมรภูมิที่ดุเดือด และการเดิมพันครั้งใหญ่ที่ได้เปลี่ยนโฉมหน้าอุตสาหกรรมทีวีไปตลอดกาล
1
วันนี้ เราจะมาถอดรหัสการเดินทางของ TCL จากม้านอกสายตา สู่การเป็นผู้ท้าชิงบัลลังก์เจ้าแห่งทีวีระดับโลก
1
เรื่องราวทั้งหมดต้องย้อนกลับไปไกลถึงปี 1981 ที่มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน บริษัทแห่งนี้ไม่ได้เริ่มต้นจากการผลิตทีวี แต่ก่อตั้งขึ้นในฐานะรัฐวิสาหกิจภายใต้ชื่อ TTK โดยมีชายที่ชื่อ Li Dongsheng เป็นผู้บุกเบิก
สินค้าอย่างแรกที่พวกเขาผลิต ก็คือเทปคาสเซ็ทสำหรับฟังเพลง ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่เฟื่องฟูในยุคนั้น แต่ดูเหมือนว่าเส้นทางของพวกเขาจะไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบตั้งแต่แรก
1
หลังจากทำธุรกิจได้ไม่นาน พวกเขาก็ถูกบริษัทญี่ปุ่นยักษ์ใหญ่อย่าง TDK ฟ้องร้อง ด้วยเหตุผลที่ว่าชื่อ TTK นั้นมีความคล้ายคลึงกับแบรนด์ของเขามากเกินไป
5
จุดนี้เองได้กลายเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่บังคับให้พวกเขาต้องหาเส้นทางใหม่ ในปี 1985 บริษัทจึงได้เปลี่ยนชื่อเป็น TCL ซึ่งย่อมาจาก Telephone Communications Limited และก็ตามชื่อเลยครับ พวกเขากระโดดเข้าสู่อุตสาหกรรมใหม่ นั่นคือธุรกิจโทรศัพท์บ้าน
3
การตัดสินใจในครั้งนั้น นำพวกเขาไปสู่การค้นพบความลับข้อแรกที่กลายเป็น DNA สำคัญของบริษัทมาจนถึงทุกวันนี้ นั่นคือ “ความได้เปรียบของการเป็นแบรนด์โนเนม”
1
ฟังดูอาจจะย้อนแย้งนะครับ การไม่มีชื่อเสียงจะเป็นข้อได้เปรียบได้อย่างไร?
ลองนึกภาพตามแบบนี้ครับ แบรนด์ยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่าง Apple หรือ Samsung เวลาจะออกสินค้าใหม่แต่ละครั้ง พวกเขาต้องแบกรับต้นทุนมหาศาลที่เรียกว่า “ต้นทุนทางแบรนด์” ไม่ว่าจะเป็นภาพลักษณ์ ความคาดหวังจากผู้คน และราคาสูงลิ่วที่มาพร้อมกับโลโก้ที่ทุกคนรู้จัก
1
แต่ในทางกลับกัน การที่ TCL เป็นแบรนด์หน้าใหม่ที่ไม่มีใครรู้จักในตอนนั้น หมายความว่าพวกเขาไม่มีภาพลักษณ์ใดๆ ให้ต้องกังวล ไม่มีอคติจากผู้บริโภค และไม่มีความคาดหวังใดๆ มาเป็นเครื่องผูกมัด
1
สิ่งที่พวกเขาต้องทำจึงมีเพียงอย่างเดียว นั่นคือ “ปล่อยให้คุณภาพของผลิตภัณฑ์เป็นตัวพิสูจน์ตัวเอง”
1
TCL ได้นำกลยุทธ์นี้มาใช้เพื่อเจาะตลาดโทรศัพท์ในประเทศจีน พวกเขาไม่ได้แข่งขันด้วยชื่อเสียงของแบรนด์ แต่เลือกที่จะแข่งขันด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าและราคาที่จับต้องได้
1
ในปี 1994 พวกเขาได้เปิดตัวโทรศัพท์ไร้สายเครื่องแรกของจีน ซึ่งกลายเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมอย่างถล่มทลาย และส่งให้พวกเขาก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งแบรนด์โทรศัพท์มือถืออันดับ 1 ในประเทศจีนได้ในที่สุด
2
บทเรียนจากการเป็น “โนเนมผู้ชนะ” ในวันนั้น ได้กลายเป็นคัมภีร์เล่มสำคัญที่ถูกนำมาใช้ในการวางกลยุทธ์เพื่อบุกตลาดโลกในอีก 20 ปีต่อมา
เวลาผ่านไป… TCL เติบโตขึ้นอย่างเงียบๆ และแข็งแกร่งภายในประเทศจีน พวกเขาไม่ได้หยุดอยู่แค่ธุรกิจโทรศัพท์ แต่เริ่มขยายปีกของตัวเองด้วยการเข้าซื้อกิจการโทรทัศน์ของ Thomson ซึ่งเป็นแบรนด์ดังจากฝรั่งเศส และธุรกิจโทรศัพท์มือถือของ Alcatel ในปี 2004
2
การเคลื่อนไหวครั้งใหญ่นี้ เป็นเหมือนการส่งสัญญาณให้โลกได้รับรู้ว่า พวกเขาพร้อมแล้วที่จะก้าวออกจากบ้านและลงเล่นในเวทีระดับโลก
และแล้วในปี 2013 ก็ถึงเวลาที่ TCL ตัดสินใจทำในสิ่งที่หลายคนในวงการมองว่าเป็นไปไม่ได้ นั่นคือการนำแบรนด์ของตัวเองบุกเข้าสู่ตลาดทีวีในทวีปอเมริกาเหนือ ซึ่งเปรียบเสมือนฐานที่มั่นหลักของยักษ์ใหญ่ทุกเจ้า
1
คำถามคือ… พวกเขาจะเอาอะไรไปสู้กับเจ้าตลาดที่ครองใจผู้บริโภคมานานหลายสิบปี?
3
คำตอบอยู่ในกลยุทธ์สามประสานที่เฉียบคมและทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งกลายเป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้พวกเขาสามารถพลิกเกมได้อย่างงดงาม
กลยุทธ์แรก คือการกลับไปใช้ไม้ตายเดิมที่เคยสร้างความสำเร็จมาแล้ว นั่นคือ “ความได้เปรียบของแบรนด์โนเนม”
2
Chris Larson รองประธานฝ่ายขายของ TCL ในอเมริกาเหนือ ได้เล่าว่ากลยุทธ์ของพวกเขานั้นเรียบง่ายและตรงไปตรงมาอย่างยิ่ง พวกเขาทำการบ้านมาอย่างดีและพบว่า ผู้บริโภคชาวอเมริกันโดยทั่วไป เวลาจะตัดสินใจซื้อทีวีสักเครื่อง พวกเขามองหาปัจจัยหลักๆ เพียงแค่ 3 อย่างเท่านั้น คือ ราคาที่สมเหตุสมผล, ขนาดของหน้าจอที่ใหญ่สะใจ, และเทคโนโลยีที่พอจะรองรับอนาคตได้ ซึ่งในขณะนั้นก็คือความละเอียดระดับ 4K
2
ดังนั้น TCL จึงไม่ทำอะไรที่ซับซ้อน พวกเขาทุ่มเททรัพยากรทั้งหมดเพื่อนำเสนอทีวี 4K ที่มีขนาดจอใหญ่ที่สุด ในราคาที่ถูกที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในแต่ละช่วงงบประมาณ
2
ลองจินตนาการถึงผู้บริโภคที่เดินเข้าไปในห้างสรรพสินค้าอย่าง Best Buy แล้วเห็นทีวี TCL ขนาด 65 นิ้ว วางอยู่เคียงข้างทีวีแบรนด์ดังขนาด 55 นิ้ว แต่กลับมีราคาที่ถูกกว่ากันหลายร้อยเหรียญ แถมยังเป็น 4K เหมือนกันอีก… มันย่อมเกิดคำถามในใจขึ้นมาทันที
1
ณ จุดนี้ หลายคนอาจจะแย้งว่า แบรนด์อย่าง Vizio ก็ใช้กลยุทธ์ราคาถูกแบบนี้มาตั้งนานแล้ว แต่ทำไมถึงไม่ประสบความสำเร็จเท่ากับ TCL?
นี่คือจุดที่นำเราไปสู่ความลับข้อที่สอง ซึ่งเป็นอาวุธที่ทรงพลังที่สุดของพวกเขา
นั่นคือ “ความได้เปรียบจากการผลิตเองทั้งหมด” หรือที่ในวงการธุรกิจเรียกว่า “Vertical Integration”
4
นี่คือหัวใจสำคัญที่ทำให้ TCL แตกต่างจากคู่แข่งทุกรายในตลาดอย่างสิ้นเชิง
ในขณะที่แบรนด์อเมริกันส่วนใหญ่ หรือแม้กระทั่งแบรนด์ดังๆ หลายเจ้า เลือกที่จะจ้างบริษัทอื่นผลิตชิ้นส่วนให้ หรือที่เรียกว่า Outsource เพื่อควบคุมต้นทุน แต่ TCL กลับทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง
พวกเขาเลือกที่จะควบคุมกระบวนการผลิตเองแทบจะทั้งหมด ตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น ลองนึกถึงร้านอาหารสองร้าน ร้านแรกเลือกที่จะซื้อวัตถุดิบสำเร็จรูป เช่น ซอสพาสต้า หรือเส้นพาสต้าที่ทำมาแล้วจากโรงงาน เพื่อความสะดวกและรวดเร็ว
1
ส่วนร้านที่สอง เลือกที่จะปลูกมะเขือเทศเอง ทำแป้งเอง และผลิตซอสกับเส้นพาสต้าเองทุกขั้นตอน… TCL คือร้านอาหารแบบที่สองครับ
2
พวกเขาไม่ได้เป็นแค่โรงงานที่นำชิ้นส่วนต่างๆ มาประกอบเป็นทีวี แต่พวกเขามีบริษัทลูกที่ชื่อว่า CSOT (China Star Optoelectronics Technology) ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงงานผลิต “หน้าจอ” ที่ใหญ่และทันสมัยที่สุดในโลก
1
และเรื่องที่น่าทึ่งไปกว่านั้นก็คือ โรงงาน CSOT แห่งนี้ ไม่ได้ผลิตจอให้กับ TCL เพียงแบรนด์เดียว แต่ยังรับหน้าที่ผลิตและส่งมอบหน้าจอคุณภาพสูงให้กับแบรนด์คู่แข่งอื่นๆ อีกมากมาย!
2
มีความเป็นไปได้สูงว่าทีวีจอใหญ่ยักษ์ขนาด 98 นิ้วของ Samsung หรือ Sony ที่คุณเห็นกันอยู่ทุกวันนี้ จริงๆ แล้วหัวใจสำคัญที่อยู่ข้างในนั้น… ก็คือหน้าจอที่ผลิตโดยโรงงานของ TCL นั่นเอง
2
ดังนั้น ในขณะที่คู่แข่งต้องสั่งซื้อหน้าจอจากซัพพลายเออร์ (ซึ่งบางครั้งก็คือ TCL เอง) และต้องแบกรับต้นทุนจากกำไรส่วนต่างที่ถูกบวกเพิ่มเข้ามา แต่ TCL กลับสามารถหยิบหน้าจอจากโรงงานของตัวเองมาใช้ในการผลิตได้โดยตรง
1
ความได้เปรียบมหาศาลในด้านต้นทุนตรงนี้เอง ที่ทำให้ TCL สามารถตั้งราคาขายที่ถูกกว่าคู่แข่งได้อย่างน่าทึ่ง โดยที่ไม่จำเป็นต้องไปลดทอนคุณภาพของชิ้นส่วนอื่นๆ เลยแม้แต่น้อย
และนี่คือจุดเชื่อมโยงที่นำไปสู่กลยุทธ์ประสานข้อสุดท้ายที่ทำให้พวกเขาสามารถครองใจผู้บริโภคได้อย่างยั่งยืน
กลยุทธ์ที่สามคือ “การสร้างความได้เปรียบที่เหนือกว่าด้วยคุณภาพ”
1
เป้าหมายของ TCL ไม่เคยเป็นการสร้างทีวีที่ “ถูกที่สุด” ในตลาด แต่เป็นการสร้างทีวีที่มีคุณภาพ “ทัดเทียม” กับแบรนด์ชั้นนำ ใน “ราคาที่เข้าถึงง่ายกว่า”
ความแตกต่างในเป้าหมายนี้ คือสิ่งที่สร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาล
5
ผู้บริโภคที่ตัดสินใจซื้อทีวี TCL ในช่วงแรกๆ อาจจะเลือกเพราะเหตุผลด้านราคา แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาประทับใจจนต้องบอกต่อ และตัดสินใจกลับมาซื้อซ้ำอีกครั้ง คือการที่พวกเขาประหลาดใจกับคุณภาพที่ได้รับ
3
พวกเขารู้สึกว่าคุณภาพของทีวีที่ได้มานั้น มันดีเกินกว่าราคาที่พวกเขาจ่ายไปมาก
แน่นอนว่าในช่วงเริ่มต้นเส้นทาง ก็มีเสียงวิจารณ์เกี่ยวกับปัญหาด้านคุณภาพอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแสงรั่วตามขอบจอ หรือความสม่ำเสมอของสีบนหน้าจอ แต่ TCL ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ พวกเขารับฟังทุกความคิดเห็นและมุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพของผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง
1
จนในปัจจุบันนี้ คุณภาพของทีวี TCL โดยเฉพาะในรุ่นเรือธงนั้น สามารถยืนหยัดท้าชนกับเจ้าตลาดได้อย่างสมศักดิ์ศรี จนผู้เชี่ยวชาญหลายคนยังต้องยอมรับ
จากแบรนด์ที่คนซื้อเพราะไม่มีทางเลือกในวันนั้น ได้แปรเปลี่ยนมาเป็นแบรนด์ที่คนกลับมาซื้ออีกครั้งเพราะ “ความไว้วางใจ” และนี่คือสิ่งที่แบรนด์ราคาถูกอื่นๆ ไม่สามารถลอกเลียนแบบได้
เมื่อ TCL สร้างฐานที่มั่นอันแข็งแกร่งจากกลยุทธ์ทั้งสามประสานนี้ได้สำเร็จแล้ว พวกเขาก็ไม่ได้หยุดนิ่งอยู่กับที่ แต่เริ่มที่จะเปลี่ยนบทบาทจาก “ผู้ตาม” มาเป็น “ผู้รุก” ที่พร้อมจะกำหนดทิศทางของตลาดเสียเอง
ภาพที่ชัดเจนที่สุดของบทบาทใหม่นี้ ปรากฏขึ้นในงาน CES 2024 ซึ่งเป็นงานแสดงเทคโนโลยีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก
ในขณะที่ Samsung กำลังจัดแสดงนวัตกรรมสุดล้ำอย่าง The Wall TV ที่มีราคาสูงถึง 2 แสนกว่าดอลลาร์ หรือทีวีจอใสที่ดูน่าตื่นตาตื่นใจ แต่ยังหาประโยชน์ใช้สอยในชีวิตจริงได้ยาก
TCL กลับสร้างเสียงฮือฮาด้วยการเปิดตัวทีวีเทคโนโลยี Mini LED ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกถึง 115 นิ้ว และที่สำคัญ พวกเขาประกาศว่าจะผลิตเพื่อวางจำหน่ายจริงในราคาที่คนทั่วไปยังพอจะเอื้อมถึงได้
1
นี่คือการแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ในขณะที่คู่แข่งกำลังนำเสนอ “เทคโนโลยีแห่งโลกอนาคต” ที่คนส่วนใหญ่อาจไม่มีวันได้สัมผัส แต่ TCL กำลังผลักดัน “นวัตกรรมที่ใช้งานได้จริง”
พวกเขากำลังทำให้ทีวีจอใหญ่ยักษ์คุณภาพสูง กลายเป็นสิ่งที่คนธรรมดาสามารถเป็นเจ้าของได้ ไม่ใช่แค่ของเล่นราคาแพงสำหรับมหาเศรษฐีอีกต่อไป
TCL ไม่ได้พยายามสร้างลูกเล่นที่หวือหวาอย่างทีวี 3 มิติ หรือทีวีจอโค้ง ที่เคยผ่านมาแล้วก็ผ่านไป แต่พวกเขามุ่งเน้นไปที่แก่นแท้ที่ผู้บริโภคต้องการอย่างแท้จริง นั่นคือ “จอที่ใหญ่ขึ้น ภาพที่ดีขึ้น ในราคาที่ยุติธรรม”
แล้วเรื่องราวทั้งหมดนี้ ให้บทเรียนอะไรกับเรา?
มหากาพย์ของ TCL คือกรณีศึกษาชั้นยอดของการทำธุรกิจที่ยึดมั่นในปรัชญาแห่ง “การใช้งานได้จริง” หรือ Practicality
ในวันที่ยังไม่มีใครรู้จัก พวกเขาต่อสู้ด้วย “คุณค่าที่แท้จริง” ของผลิตภัณฑ์ ไม่ใช่ภาพลักษณ์ที่ฉาบฉวย
ในวันที่ต้องเผชิญหน้ากับยักษ์ใหญ่ พวกเขาสร้างความได้เปรียบด้วย “การควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ” จากการผลิตเอง ไม่ใช่การลดทอนคุณภาพ
และในวันที่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำ พวกเขากำลังขับเคลื่อนวงการไปข้างหน้าด้วย “นวัตกรรมที่จับต้องได้” ไม่ใช่ความฝันที่ไกลเกินเอื้อม
TCL ได้พิสูจน์ให้โลกได้เห็นแล้วว่า การเริ่มต้นจากศูนย์ ไม่ได้หมายความว่าคุณจะเอาชนะยักษ์ใหญ่ไม่ได้ และบางครั้ง การไม่มีชื่อเสียง ก็อาจเป็นข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของคุณ… เพราะมันบังคับให้คุณต้องสร้างคุณค่าที่แท้จริงขึ้นมาจากสองมือของคุณเองเท่านั้น
1
References : [lcdtvthailand,longtunman,thansettakij,digitaltrends,tcl]
◤━━━━━━━━━━━━━━━◥
หากคุณชอบคอนเทนต์นี้อย่าลืม 'กดไลก์'
หากคอนเทนต์นี้โดนใจอย่าลืม 'กดแชร์'
คิดเห็นอย่างไรคอมเม้นต์กันได้เลยครับผม
◣━━━━━━━━━━━━━━━◢
The original article appeared here https://www.tharadhol.com/how-tcl-defeated-lg/
ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA ด.ดล Blog
คลิกเลย --> https://lin.ee/aMEkyNA
รวม Blog Post ที่มีผู้อ่านมากที่สุด
——————————————–
ติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่
=========================
โฆษณา