7 ก.ค. เวลา 01:27 • ปรัชญา
กายกรรม กายบุญ กายบารมี กายพระ
จิตที่อาศัยกาย นำกายนี้ เป็นกรรม เป็นเรื่องราวที่เกิดอารมณ์โลภโกรธหลง มีการสะสม ..เก็บบันทึก กำทั้งดี และไม่ดีื ที่ใช้วิญญาณหก ไปสัมผัสเรื่องราวต่างๆ มีการคล้องกรรม ทั้งสิ่งวัตถุสิ่งของ สิ่งมีชีวิตไม่มีชีวิต ไปหาปัจจัยสี่ ..ไปกินน้ำเลือดน้ำหนองของผู้ที่มีกรรม มาเลี้ยงสังขาร เกิดที่ไร ก็เกิดกินเนื้อกรรม
แล้วก็มีตัวกินเลือดกินเหนื่อยมาเกาะกินน้ำเลือดน้ำหนอง เกาะกินตามเส้นเอ็น พังผืด พอกินไปมาก กินมานาน ไอ้ตัวเกาะตามเส้นเอ็น มันก็แก่ เหนียว แก่ตายเกาะติดเส้นสาย หนังเหนียว .แห้งเหี่ยว ค่อยหลุดลอกออกมา เป็นเหมือนดินสอพลองพอก เดินกระย่องกระแย่ง ไปไหนไม่ไหว ค่อยแก่เฒ่าชราตาย
คราวนี้ การมีกาย อาศัยกายนี้ อยู่นั้น เป็นกายกายกรรม เราก็มาพัฒนา กายนี้ ให้เป็นกายบุญ ด่วยการสร้างบุญกุศล ให้กายนี้ มีบุญหนุนนำ ให้น้ำเลือดน้ำหนองของผู้ที่มีกรรม หนุนนำกาย นั้นได้เกิดเป็นบุญ ให้กายนี้มีการอนุโมทนาบุญกุศลที่สร้างขึ้นมา สะสมให้เป็นกายบุญ เมื่อทำมามาเข้า กายนี้ ที่จิตอาศัย ก็เกิดเป็นกายบุญ ให้จิตได้อาศัย กายบุญกุศลนั้นเป็นกายของ เทพยดาอินทร์พรหม .ที่จิตนั้นจะไปอาศัยเมื่อหมดกายนี้แม้แต่กายนี้ยังไม่สิ้นไป เมื่อกายเป็นบุญ โรคภัยภายในกายก็บรรเทาลงไป ที่ว่า จะรุนแรงมันก็บรรเทาลงไป
เมื่อกายเป็นบุญ จิตก็อาศัยกายบุญ มาสร้างเป็นกายบารมี ให้เกิดขึ้น เพื่อที่จะตัด สลัดละเรื่องราวของอารมณ์ เรื่องกรรมที่อยู่กับธาตุทั้งสี่ ธาตุดินน้ำลมไฟ .
เมื่อกายเกิดเป็นกายกายบารมี ก็นำกายบารมี มาปฏิบัติธรรม ตามรอยองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า จิตที่สะสมบุญกุศลบารมีมา ..แต่พระพระองค์ก็สะสมมา ต้องชำระสะสาง กรรมที่ติดอยู่กับธาตุทั้งสี่ ต้องอาศัยความเพียรพยายาม ความขันติเป็นบารมี ชำระสะสาง เราจึงได้ฟังเรื่องราว ของพระอรหันต์ ที่แต่ละพระองค์ก็ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมาไม่เหมือนกัน
พระอานนท์ท่านบรรลุธรรม บนสวรรค์ ชั้นฟ้า คราวเมื่อเจอเจอะนางฟ้าสวย เปลี่ยนแปลงเป็นคนแก่เฒ่าชรา จืตขิงท่านก็ขาด บรรลุธรรม ส่วนพระกัสสปะ ท่านก็ต้องอาศัยสังขารที่เฒ่าชรา เดินไม่ไหว ก็คลานจงกรม มือไหม้ แข้งขา มีแต่แผล เลือดอาย ท่าก็ไม่ย่อท้อ เพียรพยายาม ชดใช้กรรม ในความทุกข์ทรมานของกาย ในที่สุดด้วยความขันติความเพียร ท่าก็สะสางหมด หมดกิเลสตัณหา ธาตุทั้งสี่บริสุทธิ์ กายนั้นก็เกิดเป็นกายของพระ บรรลุถึงธรรม
สิ่งที่ช่วยพัฒนากายและจิตนั้น อาศัยคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ชี้ให้นำกายพ่อแม่ ที่จิตเราอาศัย .มาสร้างบุญกุศลบารมี ปฏิบัติธรรมก็อาศัยรอยทั้งสี่ ยืนเดินนอนนอน ไม่ต้องนึกคิดอะไร ภาวนาสองคำ มีจิตนอบน้อม กราบพระ ปฏิบัติธรรมเป็นพุทธะบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา เพื่อให้จินั้นมีแสงธรรม เกิดขึ้นที่จิต .หนุนนำให้เกิด ปัญญา มีสติสัมปชัญญะรู้จัก..กรรม มีสติสัมปชัญญะรู้จัก..ธรรม สร้างบุญกุศลบารมีหนีเวรกรรม
มีเรื่องราวหนึ่ง ที่จิต ..ของผู้ที่ที่มีบารมี สะสมบารมี เป็นน้องชาย ที่มากด้วยแสงสว่างบารมีของผู้มีธรรม .มารับให้พี่ชาย ..มาอนุโมทนา รับกองผ้าป่า ท่านก็บอกว่า ขอรับแต่ผ้าไตรจีวร ปัจจัยสี่ เงินทองท่านไม่รับ เพราะมีแต่เรื่องราวของกรรม เรื่องราวของทุกข์ ส่วนปัจจัยสี่นั้นก็มีพระผู้ใหญ่ มาช่วยรับ อนุโมทนา เพื่อสงเคราะห์ ให้เกิดเป็นบุญกุศล กระจายไป
..เพื่อสู่จิตของผู้ที่มีกรรม ที่อาศัยในสังขารกรรม ให้เกิดเป็นบุญกุศล เพื่อบรรเทาความทุกข์ทรมานของจืตที่อาศัยในสังขารกรรม ช่วยสงเคราะห์ บุญกุศลให้เกิดขึ้นกับผู้ที่สละทรัพย์สินเงินทอง ร่วมอนุโมทนามา ให้เกิดคำว่า บุญกุศลเกิดขึ้น ..ที่จะช่วยให้จิตที่อาศัยกายนั่น เกิดมีกายที่เป็นกายบุญ กายบุญเกิดขึ้น ก็ปิดหนทางที่จะไปมีกาย เป็นกายอบายภูมิ
พระโมคคัลลา .ที่เมตตา ..ท่านพูดให้ฟัง ว่าทรัพย์สินเงินทองมันไม่มีค่าอะไร จิตเราไปยึดให้ความสำคัญยึดเองไปดูที่เค้าทำถนนหนทาง ก็เหมือน เงินทองที่เค้าทิ้งลงไปที่ถนนหนทางให้เหยียบย่ำ ไปมา ..ให้มองมันเป็นเหมือนศูนย์ตาเรามองเป็นเป็นศูนย์ ไม่ปรุงแต่ง ในทรัพย์สินเงินทอง เราเป็นผู้อาศัยนำมนเพียงประทังสังขาร ที่มันก็ เกิดมาแก่เฒ่าชราตาย
เวลาสร้างบุญกุศลบารมี เราก็ขอ พระแม่พระธรณี พระแม่คงคา พระแม่พระเพลิง พระแม่พระพาย พระแม่พระโพสพ ได้โปรดอนุโมทนา และอโหสิกรรม ตักดกรรมให้แก่ข้าพเจ้าด้วยเทอญ
หมายเหตุ.. เรื่องราวของพระอานนท์ นั้นไม่ตรงไม่เหมือนกับที่เค้า เขียนกัน มา..แต่นั้นก็อย่าเขื่อที่เราเขียน ..ปฏิบัติธรรมสร้างบุญกุศลขึ้นมา เราก็จะได้เรียนรู้จัก ..ในเรื่องราวที่ว่า จิต..เรียนรู้ เป็นมะโนทะศึกษา สนุกสนานในการเรียนรู้ ..สอบสวนเรื่องราวต่างๆ .รู้แล้วละ ..ท่านบอกว่า จิตจะเป็นพระ ..พอละ ...ไม่ต้องมาเกิด ..เกิดทีไรมันก็ทุกข์ ดับเหตุที่ต้องเกิด ก็ไม่มีเหตุมีภาระต้องมาเกิด ..
เรื่องคำว่า รู้แล้วละ ..บางที่ก็ว่า รู้แล้ว ..รู้แล้วละ แต่ไปสร้างกรรม เสียนนี่ ..ผู้ที่รู้แล้วละ ท่านก็สร้างบุญกุศลบารมี หนีเวรกรรม ไม่นำพาจิต จิตไปเพิ่มภาระเพิ่มกรรม .นั่นก็เรื่องราวของคนที่มีกายบุญกายบารมี ถึงจะรู้จัก หลบหลีก ไม่ให้กายนั้น มีกรรมเพิ่มพูน กายหนัก จิตหนัก
การที่จิตแต่ละดวง ได้กายพ่อแม่เป็นมนุษย์สุดประเสริฐ์ ก็ต้องมีสติปัญญา รู้จักความกตัญญูรู้คุณบิดามารดา ให้จิตมาอาศัยอยู่ภายในกาย ใช้กายนี้ สร้างอะไร สร้างกรรม ก็ได้กายกรรม สร้างบุญกุศล ก็ได้กายบุญ กายบุญ เลือดลมก็เดินสะดวก เลือดเป็นสี่แดง ไม่ใช่สีดำสี่ม่วง
จิตที่อาศัย เคยอาศัยกายบุญ มาจุติ มาอาศัยกายพ่อแม่เป็นมนุษย์ สร้างบุญกุศลบารมี ทำกายบุญ ให้เป็นกายบารมี แล้วก็มาทำกายบารมี ให้เป็นกายพระ จิตเป็นพระ ..เต็มองค์ ..กายเป็นธรรม จิตเป็นธรรม เรื่องรองด้วยแสงสีแห่งธรรม
คราวนี้ เมือ่เราได้กายเป็นมนุษย์ เราก็รู้ที่ว่า สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม กรรมนั้นที่เราสะสมมา ก็มาปรุงแต่งสังขารกรรม กินเนื้อของผู้ที่มีกรรม มาอารมณ์นำพาใ้ให้มีกายวาจาใจ เป็นกรรม ตกลงมาที่ ธาตุทั้งสี่ มันก็เกิดเป็นกายกรรมสะสมแต่กรรม
เมื่อเรานำกายกรรม นี้มาแก้ไข ทำกายกรรม ให้เป็นกายกายบุญ กายกรรม มันก็กายของสัตว์อบาย นรกเปรตอสุรกาย ที่จิตมีกรรมไปอาศัยในกายกรรม เมื่อเรานำกายนี้มาสร้างบุญกุศล ปฏิบัติธรรม ด้วยความเต็มใจ ..กายกรรม ก็ค่อยแปรสภาพเป็นกายบุญ กายบุญกุศล ก็กายของเทพยดาอินทร์พหรม
เมื่อเรารู้ เราก็หาวิธี มาทำกายกรรม ให้เกิดเป็นกายบุญ กายของเทพยดาอินทร์พรหม กายที่ใช้กิริยากายวาจาใจที่ดีเกิดขึ้น มีพรหมวิหาร มีน้ำธรรมหล่อเลี้ยง ในกายบุญ ..จิตใจก็พัฒนา เมตตา กรุณา เมตตาเค้า ก็เหมือนเมตตาตัวเรา จิตก็ขยับชยายกว้างขวาง ไม่เห็นแก่ได้ เห็นแก่ตัว มีความเห็นอกเห็นใจกัน ในเพื่อร่วมทุกข์มาเกิดแก่เจ็บตาย อยู่ในสังขารกรรม เราก็ต้องใช้กายนี้ สร้างมันขึ้นมาให้แก่ตัวเราเอง เพื่อเบาบางจากอารมณ์กรรม เบาบางจากทุกข์ ทำให้กรรม นั้นเกิดมีการอโหสิกรรม ให้กายเป็นบุญกุศลบารมี
แล้วเรื่องการสร้างบุญกุศลบารมี มันมีช่วงระยะเวลาสั้นๆ ที่ร่างกายแข็งแรง ครบอาการสามสิบสอง ที่เราสามารถนำกายนี้ มากระทำได้ ใช้กิริยากายวาจาใจที่ดี สร้างบุญกุศลได้ เมื่อร่างกายนี้ไม่แข็งแรง ไม่ครบอาการสามสิบสอง ก็ยากที่จะทำได้ ดูพระกัสสปะ นั่นเป็นแบบอย่าง กว่าจะผ่านพ้นทุกข์ได้ ให้จิตพ้นทุกข์ มีกายเป็นพระ จิตของพระเกิดขึ้น
เรื่องการสร้างบุญกุศล นั่นเราก็ทำของเราไป ก็ชวนเพื่อนที่เค้า เต็มใจทำ ร่วมสร้างบุญกุศล ฝากไว้ในศาสนาขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อช่วยดุึงความโลภโกรธหลง ออกไปจากจิต แต่นั่นก็ต้องรู้จักวิธีสร้างบุญกุศลบารมี ด้วยกายวาจาใจ ทำด้วยกายนิ่ง จิตนิ่ง ทำด้วยชักชวนหากัลยาณมิตรสร้างบุญกุศลบารมี ทำเล็กๆน้อยๆ ของเราไปเรื่อยๆ ที่เรียกว่า สะสมบุญกุศลบารมี แปรสภาพ ปัจจัย ..เงินทองที่เป็นกรรม เราก็สละความยึดถือกรรมนั้นออกไป ค่อยๆสละออกไป
คราวนี้ ระยะนี้ ก็มีข่าว เรื่องนักบวช เรื่องพุทธพาณิชย์เรื่องเค้าสอนให้ยึด .. เราก็ควรใคร่ครวญ ใช้สติปัญญา เหตุผล ในการสร้างบุญกุศล ทำอย่างไรจึง เกิดเป็นบุญ ..บุญที่แปรสภาพ เป็นแสงสีของบุญ ..นั่น เค้าทำกันอย่างไร ..
เมื่อกายนี้ เป็นกายบุญ.มีบุญกุศล เราก็อาศัยกายที่เป็นบุญ จิตมีพระเป็นที่พึ่ง ของพระธรรมคำสอนขององค์พระสัมมาสีมพุทธเจ้า ขอนำธาตุนะโม มากระจายบุญกุศล ..มีการกล่าวบันทึกให้หูตัวเองได้ยิน บันทึกภาพเสียงของตัวเอง ที่กระทำ ลงไปที่ธาตุทั้งสี่ ..ทำด้วยกายนิ่ง จิตที่นิ่ง เสมือนอยู่ในสมาธิ เหมือนไม่มีกาย ไม่มีอารมณ์ มีแต่จิตดวงเดียว เป็นนามธรรม ที่กระจายบุญกุศลออกไป แผ่กระแสสีของบุญกุศล
. สิ่งเหล่านี้ ต้องอาศัยการฝึกหัดปฏิบัติธรรม ตามรอย ทั้งสี่ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่เป็นเสมือนยาเม็ดสี่ขนาน ที่หลวงปู่พระชีวกโกมารภัจจ์ ท่านได้เคยพูดบอกให้ฟัง ..ที่เราเรียกปู่ชีวกโกมารภัจจ์นั่น ท่านก็สำเร็จเป็นพระอรหันต์ เราก็เข้าใจผิดมาเสียนาน เชื่อตามๆเค้า ..พอเรารู้เรื่ิองนี้ เราก็กราบขอขมาท่าน ในความเข้าใจที่ผิดพลาด ..นี่ถ้าไม่มีพระ ..ผู้ใหญ่ พูดให้ฟัง เราก็ ..ไม่รู้จักได้เลย ..
โฆษณา