7 ก.ค. เวลา 06:47 • การศึกษา

งานแรกที่กรมสามัญศึกษา

--------------
พ.ศ.2524 ผมไปทำงานอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ ปลายพ.ศ. 2528 ก็ย้ายมาทำงานที่กรมสามัญศึกษา ซึ่งเป็นกรมที่ดูแลโรงเรียนมัธยมศึกษาทั่วประเทศ
งานใหญ่งานแรกที่ผมได้รับมอบหมายให้ทำคือเป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมการพิจารณาคู่มือการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาประชาธิปไตยในสถานศึกษาระดับมัธยมศึกษา ผู้ลงนามคำสั่งคือ ดร.เอกวิทย์ ณ ถลาง อธิบดีกรมสามัญศึกษา เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2529
โดยมีท่านรองอธิบดีจุไร ลียากาศ เป็นประธาน ทราบว่าท่านรองฯจุไรเป็นคนคัดเลือกชื่อคณะกรรมการด้วยตนเอง จึงมีแต่ระดับผู้ใหญ่ที่มีประสบการณ์สูงทั้งนั้น และปัจจุบันท่านกรรมการเหล่านี้ก็เหลือชีวิตกันไม่ถึง 10 คนแล้ว
ผมเป็นกรรมการที่เด็กที่สุด และมีประสบการณ์น้อยสุด แต่ก็ได้รับการเมตตาจากท่านประธานและกรรมการอย่างมาก เขาคงเห็นผมเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน ขยันและสู้งานทุกอย่างที่ได้รับมอบหมาย ผมเลยเป็นเหมือนเลขานุการคณะกรรมการตัวจริง
ท่านประธาน(รองฯจุไร)ให้ความสำคัญกับงานนี้มาก ท่านเรียกผมไปพบที่ห้องแทบทุกวัน ใครๆที่รู้จักท่านรองฯจุไรคงทราบดีว่าท่านดุมาก ผมเดินตัวลีบขาสั่นเข้าไปในห้องท่านทุกครั้ง แต่ละครั้งท่านจะอ่านรายงานการประชุม และให้ผมรายงานความคืบหน้าของงาน วันไหนท่านไม่ได้ไปเป็นประธานการประชุมด้วยตนเองท่านก็ถามละเอียดยิบ ใครมา ใครขาดบ้าง ใครตั้งใจ ไม่ตั้งใจทำงาน ท่านถามผมหมด ผมตกใจมากแต่ก็ต้องรายงานตามความเป็นจริง
ที่กลัวที่สุดคือพอท่านรู้ว่าใครขาดประชุมท่านให้เลขาฯท่านโทรไปแล้วท่านก็ต่อว่าด้วยคำพูดที่รุนแรง ผมตัวสั่น ปากคอสั่นจนแทบช็อค เพราะกลัวกรรมการท่านนั้นจะโกรธเอา ท่านรองฯจุไร เห็นผมตกใจก็หันมาสอนผมด้วยคำพูดที่อ่อนลงว่า "จำไว้นะ จะเป็นผู้บริหารต้องเด็ดขาด งานจึงจะสำเร็จ" ผมก็ก้มหน้ารับฟัง แต่คิดในใจว่า "ผมคงเป็นเหมือนท่านไม่ได้หรอก"
ต่อมาก็มีการตั้งคณะบรรณาธิการ และคณะตรวจสอบเอกสารขึ้นมาอีกคณะหนึ่ง ผมอยู่ในคณะบรรณาธิการ จึงได้รับมอบหมายให้ยกร่างเอกสารเพื่อนำเสนอที่ประชุม
ผมจึงพยายามศึกษาค้นคว้าเรื่องนี้อย่างหนัก มีหนังสืออะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ตามไปอ่านหมด รวมทั้งไปสัมภาษณ์ผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย ตอนนั้นเรื่องประชาธิปไตยในโรงเรียนกำลังฮิต ที่โรงเรียนประถมเขาทำกันจริงจัง  มีตัวอย่างที่โรงเรียนบ้านพุม่วง เพชรบุรี ธนาคารกรุงเทพฯ ไปถ่ายทำเป็นสื่อภาพยนตร์เผยแพร่ไปทั่วประเทศ
ในที่สุดก็สามารถนำข้อมูลมาวิเคราะห์และยกร่างหนังสือได้เกือบทั้งฉบับ ซึ่งมีคณะทำงานท่านอื่นมาช่วยเขียนเพิ่มเติมในบางส่วนด้วย  พอได้ร่างเป็นรูปเล่มแล้ว ก็นำเสนอให้คณะทำงานพิจารณาอีกครั้ง จนได้ร่างเอกสารที่ค่อนข้างสมบูรณ์  ผมได้นำยกร่างสุดท้ายไปให้ท่านประธานอ่าน ท่านประธานชมว่าเขียนได้ดี  แล้วให้ทำสำเนานำเข้าที่ประชุมกรรมการชุดใหญ่ ซึ่งมีการพิจารณาแก้ไขและเพิ่มเติมกันอีกหลายรอบ ในที่สุดก็สามารถได้รูปเล่มที่สมบูรณ์ สามารถส่งโรงพิมพ์ออกมาเป็นรูปเล่มได้ในปลายปี 2529(ดังภาพที่นำเสนอนี้)
เนื้อหาสาระของหนังสือนี้มี 5 ตอนคือ
ตอนที่ 1 ทำไมจึงต้องสร้างเสริมประชาธิปไตยในโรงเรียนมัธยมศึกษา
ตอนที่ 2 หลักประชาธิปไตยเป็นอย่างไร
ตอนที่ 3 คุณลักษณะประชาธิปไตยเป็นอย่างไร
ตอนที่ 4 จะสร้างคุณลักษณะประชาธิปไตยอย่างไร
ตอนที่ 5 จะเสริมสร้างประชาธิปไตยที่จุดใดบ้าง
ต่อมา ดร.อาคม จันทสุนทร หัวหน้าหน่วยศึกษานิเทศก์ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของผม และท่านเป็นคณะกรรมการชุดนี้ด้วย เห็นผมทุ่มเททำงานหนัก จึงบอกให้ผมร่างหนังสือรับรองว่าผมเป็นผู้เขียนในส่วนใดของหนังสือบ้าง เพื่อเก็บไว้เป็นผลงานอ้างอิงในโอกาสต่อไป แล้วท่านก็ลงนามรับรองหนังสือให้
การทำงานชิ้นแรกที่กรมสามัญศึกษาครั้งนี้ เป็นการสร้างเสริมประสบการณ์ที่ล้ำค่าอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการได้รับคำชี้แนะ การสอนงานจากคณะกรรมการที่เป็นผู้ใหญ่ซึ่งมีความรู้และประสบการณ์สูง ท่านให้ความเมตตาต่อผมอย่างมาก ทำให้ผมได้ซึมซับและนำมาพัฒนาการทำงานในเวลาต่อมาได้อย่างมั่นใจมากขึ้น
โฆษณา