7 ก.ค. เวลา 14:47 • ดนตรี เพลง
ธันเดอร์โดม

"PARADOX อภินิห่านคอนเสิร์ต 30 ปีแสง แรงทะลุจักรวาล ความทรงจำอันแสนหวาน ผ่านเรื่องราวและบทเพลง"

หากลองหลับตานึกเล่นๆ
ถึงระยะเวลากว่า 30 ปี
มีอะไรเกิดขึ้นได้บ้างในชีวิตเรา
โดยเฉพาะเรื่องราวชีวิตแฟนเพลง
ผ่านคำร้อง ท่วงทำนองที่ร้องบรรเลง
บนหน้าหนังสือเพลง เทป ซีดี
สู่การฟังบนสตรีมออนไลน์
ผ่านความทรงจำมากมาย
ที่ร้อยเรียงกันมาในทุกห้วงเวลาของเรา
ไม่ว่าจะสุข เศร้า ตื่นเต้น ผิดหวัง ดีใจ
หรือข้างในแตกสลายเพียงใด
ศิลปินที่เรารักและบทเพลงเหล่านั้น
ยังคงเติบโตมาด้วยกันเสมอมา
ในการเดินทางผ่านห้วงเวลาอันยาวนาน
แฟนเพลงยุค 80-90 ผู้เป็นหนุ่มสาวในวันวาน
ก็ได้เดินทางผ่านเป็นผู้ใหญ่ เป็นพ่อแม่คน
แต่ความสุข ความทรงจำเหล่านั้นก็ยังคง
เปี่ยมล้นเข้มข้นอยู่ข้างในไม่เปลี่ยนแปลง
เฉกเช่นความผูกพันที่เรามีต่อพี่ๆ
วง PARADOX แบบนั้นเลย
ซึ่งแม้ผมจะเคยมีโอกาสได้ฟังพี่ๆ เล่นสด
จากงานคอนเสิร์ตต่างๆ มามากเพียงใด
ทั้งบิ๊กเมาเท่น หรือจะเป็นคอน
"Unplugged Fanmeet" เมื่อสองปีที่ผ่านมา
ก็ยังคงแอบรู้สึกค้างคา ที่ไม่เคยกดบัตร
คอนเสิร์ตใหญ่ได้ทันแม้แต่ครั้งเดียว
สิ่งนี้จึงกลายเป็นหมดหมายสำคัญในชีวิต
ว่าหากมีครั้งต่อไป ผมต้องกดบัตรให้ได้
ต้องเตรียมเน็ตให้พร้อม ต้องมีคนช่วย
ไม่ว่ายังไงก็ตาม จนได้มาจริงๆ
ทุกสิ่งในใจก็เหมือนปลดล็อค
ในฐานะชาวด็อกซ์เต็มตัว
และแล้วเมื่อถึงวันจริง 5 ก.ค. กับ
"PARADOX อภินิห่านคอนเสิร์ต
30 ปีแสงแรงทะลุจักรวาล"
ความสุขและความทรงจำวัยรุ่นอันแสนหวาน
ก็คล้ายจะหลั่งไหลพรั่งพรูออกมา
ทั้งเสื้อวงเด่นสะดุดตา ทั้งการมาถึงก่อนเวลา
พร้อมจะลุยแบบลืมแก่เต็มกำลัง
จุดนี้เลยอยากชวนชาวด็อกซ์ด้วยกัน
รวมถึงชาวร็อคและแฟนเพลงรักของวง
มาดื่มด่ำ เติมพลังกันอีกคราในบทความ
สรุปเรื่องราวระหว่างทางผ่านคอนครั้งนี้กัน
(ลำดับโชว์อาจมีเขียนสลับก่อนหลัง
ถูกผิดตามจริงบ้างก็ต้องขออภัยนะครับ
ผมเขียนจากความจำเอา เล่าสดหลังจบเลย)
.
.
.
สื่งสำคัญที่รู้สึกได้เลยคือคอนเสิร์ตนี้
ช่างเต็มไปด้วยความ "ใส่ใจรายละเอียด"
จากพี่ๆ และทีมงาน ตั้งแต่ต้นจนถึงจบโชว์
เริ่มจากการจัดช่วงพิเศษ "Paraoke"
หรือ PARADOX+Karaoke แค่เพียง intro
ปาดูปาดุ๊บ ปาดั๊บปาดีดี่ดา ปาดู่ปาดุ๊บปา
ล้าลัลลา ฮูวีฮูวีฮูวีฮุฮาาา ก็ทำเอาบรรดา
แฟนเพลงยุค 80-90 เนื้อเต้นตา
และเป็นประกายไปตามๆ กัน
นี่มันวันวานของพวกเราเลย
ก่อนจะเปิด MV เพลง PARADOX
ให้ทุกคนร้องเกะเพลินๆ กันไปพลางๆ
ระหว่างนั่งรอเริ่มโชว์ ภาพที่เห็นคือ
หนุ่มสาวทุกช่วงวัยต่างพร้อมใจกัน
ร้องเล่นออกมาเป็นเสียงเดียว
เสมือนเป็นครอบครัวที่มาด้วยหัวใจเดียวกัน
เนรมิตให้ฮอลล์ธันเดอร์โดม
เป็นห้องเกะขนาดใหญ่ในพริบตาเดียว
แค่ก่อนเริ่มโชว์ก็อบอุ่นหัวใจเหลือเกิน
ซึ่งหลังจากนั้นแค่ไม่นาน
เมื่อเข็มนาฬิกาหรือตัวเลข
ขยับเป็น 19.00 น. ตามกำหนดการ
แสง สี เสียงบนเวทีก็พร้อมพุ่งทะยาน
ขับขานบทเพลงแห่งความทรงจำ
ตลอดการเดินทางกว่า 30 ปี
ณ พื้นที่แห่งจักรวาลดนตรี
ที่ผสมผสานความร็อค ป๊อบ อินดี้
ฉาบเคลือบจินตนาการความแฟนตาซี
เริ่มโชว์เท่านั้น เราก็ได้เห็นนักดนตรี 4 ชีวิต
ผู้เป็นตำนานโลดแล่นในวงการมาแสนนาน
ระเบิดความมันส์ตระการตาออกมาอย่างทรงพลัง
ทั้ง "พี่ต้า พี่สอง พี่บิ๊ก พี่โจอี้" ต่างเล่นใหญ่ ใส่สุด
ตั้งแต่โชว์ช่วงแรก กระหน่ำเพลงเร็ว รัว แรง
กระแทกมาถึงทรวงแบบลืมหายใจกันไปเลย
แน่นอนเมื่อ PARADOX กลับมาทั้งที
ในฐานะวงที่ขึ้นชื่อเรื่องการสร้างเอนเกจกับคนดู
ให้มีส่วนร่วม เนื้อเต้นตลอดการแสดง
พอจบช่วงแรกได้ไม่ทันไร พี่ๆ ก็แกงหม้อใหญ่
ด้วยการรวมตัวถ่ายรูปหมู่ จับมือคำนับลา
จนพากันงงตาแตกกันทั้งฮอลล์
ตอนแรกก็รู้แหละว่าปั่น แต่สักพักเริ่ม
เหมือนจริงยิ่งขึ้นไปอีก จนกระทั่งขึ้น VTR
ชวนแฟนเพลงมึนต่อ คอนจบแล้ว
ซ้อมมาแค่นี้ กลับเหอะ กลับๆๆ
ไม่กลับจริงดิ? ไหนลองลอกเอาอีกๆๆ
เคร ก็ดะ ทำเอาเรียกเสียงกรี๊ด เสียงฮา
ตื่นตัวกันมากกว่าเดิมเลยล่ะ
ความใส่ใจต่อมาคือการจัดหนัก จัดเต็ม
ขนเพลงมาชุดใหญ่เอาใจชาวด็อกซ์ขั้นสุด
ขั้นกว่า ขั้นมาตรฐาน หรือเพิ่งมาใหม่
ไม่ว่ายุคไหนก็จะมีเพลงที่กลุ่มนั้นๆ รู้จัก
ทั้งเพลงฮิตหน้า A
ที่ร้องตามกันได้ทุกสถาบัน
มาเพลงหน้า B ที่เริ่มทดสอบเลเวล
ความเป็นแฟนพันธุ์แท้กัน
จนถึงเพลงหน้า B Special
แบบโคตรลึก โคตรแรร์
จนผมแอบเห็นว่าบางคนนั่งชม
โยกตาม แต่สายตาเลื่อนลอย
ขณะที่อีกหลายคนร้องตามรัวๆ
เสมือนกำลังกระโดดโลดเต้น
ร้องเล่นอยู่บนดาวแฟนตาซีสุดขอบจักรวาล
ซึ่งมีแต่สาวกเดนตาE ที่จะค้นหาเจอ
โดยมีการผสมผสานจัด Playlist ต่างๆ อย่างลงตัว
ให้มีความ A สลับ B ร้องตามกันได้สลับกันไป
นอกจากนี้อะไรที่ไม่เคยได้เห็นได้ฟัง
ก็จะได้สัมผัสในคอนเดียว
อย่างการเผยภาพ "น้องเปิ้ล" ตัวจริง
ให้ได้เห็นเป็นที่แรกในโลก
หรือการหยิบเอาเพลงที่ไม่เคยเล่นสด
มาเล่นให้ฟังเป็นที่แรกเช่นกัน
อย่าง "คิดถึง...ไม่ไหว" เพลงล่าสุด
ก็มีคนร้องตามได้เยอะเกินคาด
ดีใจแทนพี่ๆ จริงๆ
รวมถึงช่วงไว้อาลัย
รำลึกถึง "D.Jota" ดาวเตะโปรตุกีส
อีกหนึ่งแข้งคนสำคัญของ Liverpool
ผู้จากไปก่อนวัยอันควรด้วยอุบัติเหตุ
ทางรถยนต์ที่สเปน นับว่าทีมงาน PARADOX
ทั้งให้เกียรติและใส่ใจมากเลย ชื่นชมครับ
โชว์ดำเนินไปเป็นช่วงๆ ผ่านธีมแห่งดวงดาว
โดยแต่ละช่วงก็ใส่ยับ เล่นเพลงหนึ่งจบ
ก็ขึ้นเพลงใหม่ต่อ นอกจากพี่ๆ ว้ากเกอร์
เข้ามาเป็น MC ชวนพวกเราคุย
ให้พี่ๆ และทีมงานได้พักหายใจ ซับเหงื่อ
ที่เหลือคือเล่นแบบ Non-stop แทบไม่หยุด
เล่นใหญ่ ใส่สุด ปล่อยแสงสีและดนตรีสาดส่อง
แม้เพื่อนพี่น้องแฟนเพลงบางส่วนจะแอบแซวว่า
เวลาโชว์ พี่ต้าก็ยังพูดน้อยเหมือนเดิม
แต่ผมกลับมองต่างออกไป
เพราะสิ่งที่เขาและสมาชิกทุกคนกำลังทำ
คือการใช้เรื่องราวผ่านเสียงเพลง
พูดแทนหัวใจออกมา
ความใส่ใจที่ว่ายังคงเผยให้เห็นอยู่เรื่อยๆ
ทั้งมิตรภาพดีๆ ระหว่างศิลปินด้วยกัน
ถ้าไม่มีพี่ต้าในวันนั้น ก็คงไม่มีวง Klear ในวันนี้
แค่ฟังที ยังแอบรู้สึกตื้นตันตามไปด้วยเลย
จากวงน้องใหม่ที่เคยหมดไฟ ไม่มีใครมอง
กลับได้แสงสาดส่องจากน้ำใจและสายตา
ของพี่ชายเสียงทุ้มคนหนึ่ง ซึ่งมองเห็น
สิ่งที่คนอื่นไม่เคยมอง กับภาพของวงรุ่นน้อง
ที่จะเฉิดฉาย เปล่งประกายบนเวทีของตัวเอง
มุมนี้แอบรู้สึกว่าใจพี่ต้าช่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน
เพราะสิ่งที่มากกว่าเม็ดเงินที่ลงทุนไป
คือความกล้าและศรัทธา
ที่มอบให้คอดนตรีด้วยกัน
ได้ทำฝันขึ้นมาจนเป็นจริง
น้ำตาและน้ำเสียงของแม่แพทบนเวที
บอกทุกอย่างได้เป็นอย่างดี เหมือนพาเรา
เข้าไปในห้องอัดวันนั้นด้วยกัน
พร้อมบทเพลงหายากที่ไม่เคยฟังที่ใดมาก่อนเลย
เป็นเพลงเกี่ยวกับการรณรงค์งดตัดไม้ทำลายป่า
ที่ให้ความ Epic ปลุกพลังได้ดีจริงๆ
อ่อเพลง "ลาลาลา" นั่นเอง
อีกช่วงที่ต้องพูดถึงให้ได้คือช่วง "เวียนไมค์"
กับการเปิดพื้นที่ให้พี่น้องในวงการเพลง
ได้ขึ้นมาร้องและตีความเพลง PARADOX
ออกมาตามแบบฉบับของตน
เหมือนกำลังดูรายการพี่ต้าบนฮอลล์ก็มิปาน
โดยแขกรับเชิญทั้งสามต่างร้องบรรเลง
ออกมาได้เพราะจับใจ อย่างที่ไม่เคยคิด
ว่าจะได้ยินเพลงของพี่ๆ ในสไตล์นี้มาก่อนเลย
ทั้งเพลง "เงา" ของคุณ "ซิดนีย์"
มือกีต้าร์ Jazz ระดับพระกาฬ
ที่ขับกล่อมด้วยเสียงร้อสดใส
เคล้าคลอไปกับเสียงกีต้าร์อันแสนหวาน
ช่างเป็นเงาที่นุ่มลึก ซึ้ง ตรึงอารมณ์
จนผมอยากจะฟังเพลง PARADOX เพลงอื่นๆ
ในเวอร์ชัน Jazz อีกจริงๆ
ต่อด้วย "คุณมะเหมี่ยว" ที่แค่เพียง
เอื้อนเอ่ยเปล่งลมหายใจออกมา
ก็ทำเอาบรรดาชาวด็อกซ์น้อยใหญ่
ต่างขนลุกซู่ชูชันไปตามๆ กัน
เดิมทีเพลง "เศษ" ก็เศร้าอยู่แล้วในตัว
แต่ครั้งนี้กลับเพิ่มดีกรีความหม่นลงไป
ผ่านสีหน้า แววตา อารมณ์และ
เสียงกระเส่าที่เศร้าบาดลึกถึงวิญญาณ
ป่นหัวใจให้แหลกละเอียดไม่มีชิ้นดี
เป็นเศษความรักที่แตกเป็นธุลีกว่าเดิม
จนรู้ตัวอีกทีน้ำใสๆ ก็ไหลคลอเบ้าตา
บรรยายอารมณ์ ณ ห้วงเวลานั้นไม่ถูกเลย
ปิดท้ายกับทีม "พี่โป้ โยคีเพลย์บอย"
ที่หยิบเอาเพลง "เพ้อ" มาร้องเล่น
ในแบบน่ารัก แตกต่างออกไป
เหมือนกำลังได้ยินหนุ่มอารมณ์ดี
ขับร้องให้สตรีในดวงใจฟัง
พร้อมหยอดลูกเล่นคั่น
และร้องต่อได้อย่างกลมกล่อม
พอดี ละมุนหัวใจเหลือเกิน
ก่อนจะกลับมาเต้นโยกย้ายส่ายตูด
เรียกเสียงฮาได้อีกในช่วงหลังต่อไป
รวมถึงการหวนคืนของดูโอ "ทะเลสีดำ"
ระหว่าง "พี่ต้า-พี่ลุลา" ที่เหมือนหยุดเวลาไว้
ให้ยังคงความรู้สึกเพราะดังเดิม
เพิ่มเติมคือความหนักแน่นในเนื้อเสียง
และอารมณ์ที่สอดประสานกันออกมา
เสมือนว่าบางสิ่งบางอย่างนั้นไม่เคยเปลี่ยนไป
แม้ตอนจบเพลงจะไม่ได้มีถ้อยคำวจีใดๆ ออกมา
แค่เพียงสีหน้าและรอยยิ้มพี่ลุลา
ก็บอกแทนใจได้เป็นอย่างดี
กลับมาอีกทีในลุคดาร์คเข้ม
มาร้องเพลงร็อคด้วยกัน
ก็กระชากอารมณ์ได้ดีทีเดียว
แน่นอนว่าในแต่ละโชว์
นอกจากคนดูจะได้เต็มอิ่ม
ไปกับแสงสีตระการตา
ราวกับว่ากำลังรับชมคณะละครสัตว์
ผู้มาพร้อมความสนุก จัดเต็ม เล่นใหญ่
ทั้งคอสตูมอินดี้ยืนหนึ่ง ทั้งทีมงานว้ากเกอร์
เอฟเฟค และเหล่าหน้ากากสิงสาราสัตว์
ืุืทุกคนก็จะได้กระโดด ดื่มด่ำ ไปกับบรรยากาศ
และอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งลูกบอล ลูกโป่ง ยันผัก
(ใช่ครับ ผักจริงๆ ฮ่าา) ตลอดจน UFO
ปลาหมึกและวัวยักษ์ ที่พากัน
สร้างสีสันให้ตลอดทาง
เป็น 1 ในเอกลักษณ์ของ PARADOX
ที่ไม่มีใครเหมือนตลอดสามทศวรรษเลย
ความใส่ใจที่ยังสัมผัสได้อีกคือ
หากฟังเพลงจริงๆ ไม่ว่าเพลงช้าเร็ว
จะพบว่าไม่ได้มีแต่ความเพราะ ติดหู
หรือมันส์สะใจซะทีเดียว
หากแต่ทุกบทเพลงต่างถูกร้อยเรียง
ไปด้วยภาษาเชิงวรรณกรรมอันงดงาม
วันที่ฟ้าสีคราม เปลี่ยนเป็นฤดูกาล
อบอุ่นรอให้เธอบินกลับมา
แค่เพียงหลับตาล่องลอย
ไปในห้วงแห่งเวลา ฮือฮื้อฮื้อฮือ
ที่เดิมที่เราสองคนได้เคยร่วมสุขกันมา
วันที่ฟ้าเปลี่ยนเป็นสดใส
วันที่รักฉันนั้นมีความหมาย
วันที่เคยเงียบเหงาจะเป็นวันสุดท้าย
หากฉันได้มีเธออยู่และเดินไปด้วยกัน
เปล่าเปลือยลงน้ำเย็นฉ่ำ
คืนนี้มีแต่หมู่ดาว
กลาดเกลื่อนกะพริบพร่างพราว
จะเห็นได้ว่าทุกเรื่องราว ถ้อยคำ วรรคตอน
และทุกประโยคที่เขียนแต่งออกมา
เป็นภาษาเชิงพรรณนา
ที่ยากจะหาฟังในปัจจุบัน
ซึ่งคนยุคก่อนอย่างผมรัก
ในสำนวนเหล่านี้เหลือเกิน
แม้แต่เพลงเร็วดุดัน ก็เขียนคำร้อง
ออกมาด้วยลูกเล่นภาษาอันเฉียบคม
รัตติกาลร่าเริงก้องคำรามเบิกฟ้า
กลุ่มคนมากมายท่องเขตเมืองมายา
หนุ่มสาวซุกกองเพลิงอยู่ในดวงตา
ยอม...ถูกเหยียบโดนย่ำโดนบีบ
วิญญาณฉันคงจะแหลกเหลว
แต่เป็นเพราะรักเธอมากกว่า
ปลุกปั่นมันให้สู้ อย่าอ่อนล้าา
อย่าเหี่ยวจนโตงแต่งและเตงต่อง
คือมีทั้งอารมณ์และชั้นเชิงการใช้ภาษา
แบบขึ้นสุดด่ำดิ่งสุดทุกในทุกหมวดเนื้อหา
ตั้งแต่เพลงรักหวาน อกหัก แฟนตาซี
ยันภูติผี เนื้อเน่า และซากศพ
ซึ่งทั้งหมดเราต่างได้ค้นพบ
ว่าทุกเพลงที่พ้นผ่านล้วนแอบซ่อน
เดินทางอยู่ในห้วงความทรงจำของอดีต
จวบจนปัจจุบันก็ยังคงรู้สึกไม่ต่าง
และไม่ว่าจะเพลงรัก อกหัก
หรือเพลงอินดี้หัวขบถ
ก็เชื่อว่าแต่ละเพลงนั้นได้ "ทำงาน"
ผ่านความรู้สึกที่เราเคยข้องเกี่ยว
หรือมีประสบการณ์ร่วมกับสิ่งนั้นอยู่
บางเพลงที่บางคนร้องไม่ได้ อีกคนกลับอินมาก
จวบจนเพลงที่พาใจและน้ำตาให้รินหลาก
ขณะที่บางเพลงก็อยากจะกลับไปสัมผัส
ความรักอันสุขสดใสวัยเยาว์เมื่อครั้งเก่า
บางเพลงแม้ไม่ได้เศร้า แถมออกไปทางสุขด้วย
แต่ไม่รู้ทำไมน้ำตามันไหลออกมาได้
อาจเพราะมันเป็นเพลงของใจที่เราคิดถึง
และไม่คิดว่าจะได้กลับมาฟังอีกที
ขอให้รักต่อจากนี้ ให้รักเราผลิบาน
ให้ฟ้าช่วยประทานพร ดลบันดาลต่อจากนี้
ให้สองเราผูกพัน เกิดเป็นความทรงจำที่ดี,,,T T
ตลอดเวลาที่ได้รับชม ผมพยายามข่มใจ
ไม่หยิบมือถือขึ้นมาถ่ายบันทึกคลิปเลย
เพราะอยากจะใช้สมองและสองตา
บันทึกแทนเลนส์เป็นความทรงจำ
อยากจะดื่มด่ำกับโมเมนต์เหล่านั้นให้นานๆ
ช่างเป็นบรรยากาศอันอบอุ่น ละลานตา
ตลบอบอวลไปด้วยมวลความสุข
ลอยละลิ่วปลิวว่อนทั่วทั้งฮอลล์
เมื่อมองไปเห็นผู้ชมที่นั่งข้างซ้ายมือ
มือหนึ่งกำลังอุ้มลูกน้อย อีกมือก็โบกสะบัด
ปากก็ร่ำร้อง เต็มอิ่มไปกับท่วงทำนอง
ทั้งสองสามีภรรยาที่ต่างพาลูกๆ มาฟัง
ชวนกระโดดโลดเต้นไปด้วยกัน
ช่วงไหนลูกหลับ พ่อแม่ก็ยังสดับรับชมต่อ
มองไปอีกรอบๆ ก็ได้เห็นกลุ่มแฟนเพลง
ไม่ว่ารุ่นเด็กหรือรุ่นเดอะที่ต่างก็ยัง
คงความสดใสอยู่ไม่ต่าง
บ้างก็ใส่เสื้อวงดีไซน์ใหม่ บางก็ดีไซน์เก่า
บ้างก็เอาเสื้อลิมิเต็ดในตำนานมาใส่หน่อย
แต่สิ่งสำคัญคือทุกคนต่างรอคอย
ที่จะมาเป็นสักขีพยานในคอน
และร้องบรรเลงกันด้วย
หัวใจเดียวกันในทุกเรื่องราว
โดยเฉพาะ "ทะเลดาว" ที่พร่างพราว
วาววับจับตาไปทั่วทั้งฮอลล์
ในคืนนี้มีดาวเป็นล้านดวงจริงๆ
ช่วงท้ายของคอนเสิร์ต
ผมก็หันไปคุยกับเพื่อนร่วมคอน
ที่เพิ่งจะได้มาเป็นเพื่อนกัน
เพราะต่างก็มาคนเดียว
น่าจะเป็นหนุ่มใหญ่รุ่นราวใกล้กัน
ซึ่งเราต่างร้องเล่นและผลัดกันทาย
ว่า Intro ขึ้นมาที บอกซิว่าเพลงอะไร
หรือบางทีก็ทายจากฉากข้างหลังเอา
อย่างรุ้งกินน้ำก็เข้ากับเพลงรุ้งแน่นอน
หรือต่างคนต่างก็มีเพลงที่อินต่างกันไป
ยิ่งพอเพลง "ฤดูร้อน" เพลงชาติในตำนานของวง
ค่อยๆ เริ่มเล่นขึ้นมา ในใจคิดแค่ว่าไม่นั่งมันแล้วโว้ย
ขออนุญาตพักความเกรงใจครอบครัวเด็กเล็กข้างๆ
ลุกขึ้นยืนกระโดดโลดเต้นให้ลืมแก่กันไปข้าง!!
ก่อนที่ในตอนใกล้จบ
พวกผมจะคุยกันว่าที่มาดูคอนคนเดียว
เหตุผลจริงๆ ไม่มีอะไรมากไปกว่า
การพาตัวเองมาดื่มด่ำรับพลังบวก
เพราะไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้ดูศิลปินที่เรารัก
ยังมีแรงร้องเล่น กระโดดโลดเต้น
แบบนี้อีกนานเท่าไหร่ และเราเอง
ถึงตอนนั้นจะยังไหว ยังมีแรงพอรึเปล่า
เงินทองไม่ตาE ก็หาใหม่ได้แค่ไม่เดือดร้อนพอ
ขอมา "ซื้อความทรงจำ" กลับไป
เป็นพลังใช้ชีวิตต่อ แค่นั้นก็มีความสุข
หรือน้องชายที่ผมได้เจอในเวียนไมค์
และมาในวันอาทิตย์ที่ 6 ก.ค.
ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกัน
"สนุกมากครับ ได้เจอเพื่อนๆ พี่น้องมากมาย
ชื่นชมความรักของแฟนเพลงทุกคน
และพี่ๆ เองก็น่ารักเหมือนเคย
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมแฟนคลับ
ถึงรักพี่ๆ 'PARADOX' ขนาดนี้" - Chanom
นอกจากนั้นยังแอบยิ้มไม่หุบ
ทั้งการได้เห็นโมเมนต์น่ารักๆ ต่างๆ
อย่างการที่พี่สองได้ปล่อยเบส
ออกมาเล่นกับคนดู เพราะมี "น้องเนย"
ทีมงานตัวน้อยขึ้นมาเล่นแทนได้อย่างดี
มองไปรอบเวทีก็ได้เห็นพี่ๆ ทีมงานวง
ที่เคยได้เจอกันในรายการเวียนไมค์
ทั้งพี่วัฒน์ พี่มดยักษ์ และอีกมากมาย
เสมือนได้มางานรวมรุ่นอบอุ่นกับคนคุ้นเคย
ความใส่ใจยังมีแม้กระทั่งจบคอนไป
เมื่อเดินผ่านประตูมาก็ได้พบว่ามี
เหล่าทีมงานเบื้องหลังคอยรอส่งคนดู
ด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ ตั้งยกมือไหว้ โบกมือบาย
ตั้งแถวสองฝั่งมาขอบคุณและบอกกลับบ้านดีๆ
สร้างความประทับใจมิรู้ลืม จนเพื่อนข้างๆ
แอบเขินเหมือนเราเป็นเซเลปเบาๆ ฮ่าา
สิ่งสำคัญที่สุดคงหนีไม่พ้นเรื่องราวดีๆ
ที่เกิดขึ้นในระหว่างทาง ซึ่งไม่ว่าจะอีก
10 ปีข้างหรือผ่านไปนานแค่ไหน
บทเพลงจะทำให้ใจเรายังคงเป็นหนุ่มสาว
สนุก สดใส เปี่ยมพลังไปด้วยกันทุกคราว
และตราตรึง "อยู่ในใจ" ชาวด็อกซ์เสมอ
ขอบคุณ "พี่ต้า พี่สอง พี่บิ๊ก พี่โจอี้"
และพี่ๆ ทีมงานทุกคนที่ทุ่มเท ตั้งใจ
แสดงอภินิห่านออกมาอย่างสุดพลัง
โคตรรักพวกพี่เลยจริงๆ,,,🎤🎵🎸🥁🪿🌌
โฆษณา