7 ก.ค. เวลา 23:30
วัยรุ่นที่น่าห่วง ไม่ใช่คนที่ทำไม่ดีเวลาอยู่กับพ่อแม่ ถ่ายเทความทุกข์ของตนไปที่พ่อแม่ แต่คือวัยรุ่นที่รู้สึกว่า "ตนจะไม่ได้รับความรัก จนไม่กล้าทำอะไรผิดเลย"
ดังนั้นนี่จึงไม่ใช่สัญญาณว่ามีอะไรผิดพลาดค่ะลูก แต่เป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า..
เ ด็ ก รู้ ว่ า พ่ อ แ ม่ รั ก
การที่คนเราจะไว้วางใจในตัวคนอื่นได้ เราจะต้องสามารถทดสอบอะไรบางอย่างได้ บอกถึงสิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่เราคิดได้ และเห็นว่าเขาอยู่เคียงข้างเรา ให้อภัยเรา
ที่หนูกำลังเป็นอยู่ในขณะนี้คือ "หนูตระหนักได้ว่านี่เป็นปัญหา" ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี แต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่หลายๆคนอาจไม่รู้ และกว่าจะรู้..ก็ปาเข้าไปวัยกลางคน
ในอนาคตเมื่อเราโตขึ้น เป็นผู้ใหญ่ เป็นพ่อเป็นแม่ หรือยามที่แก่ตัวลง สิ่งใดที่เคยติดค้างอยู่ในใจ อย่างเช่นเรื่องที่เราเคยทำไม่ดีกับพ่อแม่ สิ่งเหล่านั้นมันจะโผล่มาหลอกหลอนเราอยู่ร่ำไป
❓หนูควรทำอย่างไร
  • ทำความเข้าใจกับตัวเองก่อนว่า..
– ความโกรธ ความเครียด เป็นอารมณ์ที่มีเกิดมีดับ / การเอาอารมณ์ไปลงกับพ่อแม่ อันนี้เป็นพฤติกรรม
– พฤติกรรมเป็นผลจากสองอย่างคือ 1.อารมณ์ความรู้สึก 2.ตรรกะวิธีคิด (อะไรมีกำลังมากกว่ากัน อันนั้นก็ชนะ) พฤติกรรมที่ไม่ดี ไม่ใช่เพราะหนูเป็นคนไม่ดี แต่เพราะ logic ของหนูพ่ายแพ้ต่อ emotional
– คนที่ mature ไม่ใช่เพราะเขายึดแต่ logic หรือเอาแต่ปิดกั้นอารมณ์ความรู้สึก แต่คือคนที่สามารถบาลานซ์ทั้งสองอย่าง แล้วแสดงออกอย่างเหมาะสมในสถานการณ์นั้นๆ
  • เมื่อเข้าใจ จึงนำไปสู่..
เข้าใจในธรรมชาติของช่วงวัย เข้าใจที่มาของพฤติกรรม บวกกับตระหนักในผลที่ตามมา สามสิ่งนี้ประกอบกันจึงจะสามารถนำไปสู่ "การแก้ไขที่ต้นเหตุ" ไม่ใช่การระงับที่ปลายเหต
แม้หนูจะเริ่มต้นด้วย "ความรู้สึกผิด" อยากแก้ไขในสิ่งที่เคยทำไว้ แต่การตระหนักในผลที่ตามมา จะช่วยให้หนูไม่ทำผิดซ้ำๆค่ะ
วัยรุ่นที่ maturity ยังไม่แข็งแกร่ง หมั่นฝึกโดยการเบรกตัวเอง ชะลอตัวเอง หน่วงเวลาในการแสดงออกใดๆที่เป็นผลจากอารมณ์ ไม่ต้องทำถึงทุกเรื่อง ใส่ยับทุกเรื่องค่ะ
หมั่นสะสมอนุนิสัยที่ดีไปเรื่อยๆจนกลายเป็นอุปนิสัย และกลายเป็นตัวตนของเรา ความทรงจำที่ดีๆที่เราประพฤติปฏิบัติดีกับพ่อแม่จะค่อยๆลบล้างความรู้สึกผิดในใจเราได้เองในที่สุด
แต่สิ่งนี้ไม่ใช่แค่ดีดนิ้วเป๊าะแล้วจะทำได้เลย เป็นได้เลย ต้องอาศัยความตั้งใจและหมั่นทำไปเรื่อยๆค่ะ
โฆษณา