8 ก.ค. เวลา 13:14 • ไลฟ์สไตล์

เด็กน้อยคนนั้นคือฉันเอง

เด็กน้อย เธอมันเด็กน้อยจริงๆ
เธอช่างร่าเริงสดใสราวกับว่าโลกใบนี้เป็นของเธอ
ไม่ว่าเธอจะหันไปมองทางไหนใบหน้าเธอมักจะเปื้อนด้วยรอยยิ้มเสมอ และพร้อมกับเสียงหัวเราะอย่างสดใส
เธอมักพูดคุยจอแจกับทุกคน และมักทำให้คนรอบข้างมีความสุข มีเสียงหัวเราะและรอยยิ้ม
เธอเก่งที่จะสร้างความสุขให้คนรอบข้าง เวลาเธอคิดอะไรเธอมักจะพูดออกไปตามที่คิดตามที่ใจหวัง และ อาจด้วยที่เธอเป็นเด็กจึงทำให้ทุกคนต่างเอ็นดู
รอยยิ้มของเธอมันช่างไร้เดียงสา แววตาของเธอมันช่างร่าเริงสดใสระยิบระยับ เธอมักจะมีความสุขที่ได้เจอผู้คนมากมายได้ไปเที่ยวที่ไกลๆ ในที่ที่เธอชอบ.
....แต่...
ดูเธอตอนนี้สิเธอในวัย 26 ปี
รอยยิ้มที่ร่าเริงไร้เดียงสาไปไหนแล้วล่ะ แววตาพี่ล่ะยิบระยับบ่งบอกถึงความสุขมันหายไปไหนแล้ว ทำไมถึงลงเหลือแค่เพียง
สายตาที่ว่างเปล่าใบหน้าที่นิ่งสงบ และในบางวัน ดวงตาคู่นี้กลับเปื้อนไปด้วยรอยครามน้ำตา
เสียงหัวเราะไม่เคยมีความสุขกลับหายไปเรากับมันไม่เคยมีอยู่จริง
และคำพูดบางคำพูดกับแทบจะไม่ได้ยินออกจากปากเธอ
เพียงแค่ว่ากลัวคนรอบข้างจะรู้สึกไม่ดี เพียงแค่ว่าถ้าพูดออกไปคนรอบข้างจะมองว่าเธอนั้นแปลก
สถานที่ที่มักชอบไปแต่ตอนนี้ไปทีไร กลับรู้สึกโดดเดี่ยวราวกับว่าโลกใบนี้เหลือแค่ฉันเพียงคนเดียว
สิ่งรอบข้างกลับดูหดหู่ไม่มีสีสันอย่างแต่ก่อน.
ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าระหว่างทางฉันได้ทำความสุขหล่นหายไว้ที่ไหน
ฉันเพิ่งรู้ว่าทุกการเติบโตของฉันมักแรกมาด้วยความสุขที่ฉันเคยมี
......ขอโทษนะเด็กในกระจกคนนั้น ไม่รู้ว่าเราจะได้เจอกันอีกเมื่อไหร่.....
โฆษณา