9 ก.ค. เวลา 06:50 • ความคิดเห็น
เวลานั้น มันคล้ายสมมุติ ..ที่เรายึดในสิ่งที่ปรุงแต่กาย ขันธ์ทั้งห้า ที่เสมือนเป็นมิติหนึ่งที่เราอาศัยโลกมนุษย์ ที่มีพระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตก พอเราทำกายนิ่ง ทำจิตนิ่ง มันก็จะเมื่อเรื่องราวของจิต ..ปรากฏขึ้น เหลือแต่จิตดวงเดียว ไม่มีกาย ไม่มีตัวตน
บางที่นั่งสมาธิไปครึ่งชั่วโมง นึกว่า ห้านาทีสิบนาทีเอง เวลาที่ทำจิตได้อย่างนั่น ..ทรงจิตเป็นสมาธิ ได้ .มันก็มีสุข สุขในสมาธิ ที่ไม่มีอะไรปรุงแต่ง หากทำจิตได้ตลอด จิตก็มีสุข ..สุขของธรรมเกิดขึ้น ไม่มีอะไรมารบกวนจิต จิตไม่มีอารมณ์ ก็อยู่เฉย ไม่มีภาระอะไร ตรงนั้นก็จะเกิดคำว่า บรมสุขเกิดขึ้น แต่นั่นแหละเมือชีวิตยังตัดขาดเรื่องราวของโลกไม่ได้
เมื่อขยับเขยื้อนตัว ..อารมณ์ก็เข้ามาปรุงแต่งกาย ปรุุงแต่งจิต แต่ด้วยจิตที่ฝึกฝนมา ก็ช่วยให้จิตมีกำลัง รู้เท่าทันอารมณ์ที่เกิดขึ้นที่กาย ..เมื่ออารมณ์เข้ามา ก็สังเกตุ ได้รวดเร็ว ก็อาศัยจิตที่มีกำลัง ละทิ้งอารมณ์ที่เกิดขึ้น โิดยอาศัย พื้นฐาน ของการฝึกหัด พื้นฐาน ที่เกิดขันติบารมี ละอารมณ์กรรมนั้นออกไปจากจิต บางที่เค้าก็ว่า สลัดออก สำรอกออกไป จากกาย
เวลาที่สำรอก ถอดอารมณ์ตัวกระทำ นั้น มันเจ็บปวดทุกข์ทรมาน เหมือนกับถลกหหน้า ถลกหนังหัว แล้เนื้อหนังออกจากกาย นั่นจึงเป็นเรื่องราวที่กระทำได้ยาก ในการสลัดอารมณ์ออกไปจากกายจากจิต
โฆษณา