9 ก.ค. เวลา 11:30 • การเมือง
1. กม.กำหนดให้พระสงฆ์ได้รับเงินเดือน หรือเรียกว่า "นิตยภัต" ไล่ตั้งแต่พระอธิการ หรือเจ้าอาวาสวัดราษฎร์ขึ้นไป ต่ำสุดที่ 1,800 บาทต่อเดือน จนถึงตำแหน่งพระราชาคณะชั้นเทพ ก็ถึงจะแตะหลักหมื่นต้นๆ ซึ่งงบประมาณจะมาจาก 2 ส่วนคือ เงินอุดหนุนจากรัฐ (ซึ่งก็คือเงินภาษีจากประชาชน เราๆท่านๆนี่เอง) และส่วนที่สำคัญ ซึ่งเป็นความอิหลักอิเหลื่อมาโดยตลอด ก็คือ "...เงินทำบุญบริจาคจากประชาชน..."
2. เงินส่วนที่เป็นเงินทำบุญบริจาคจากประชาชน มีทั้งกฐิน ผ้าป่า งานวัด งานบุญประจำปี บุญผีเปรต งานสวดศพ งานเลี้ยงเพล หยอดตู้ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเน็ตพนันออนไลน์ ค่าแก้กรรมแก้การกระทำ ค่าปิดวาจาขมากรรม ค่าเจ้ากรรมนายเวร ค่าท้าวเวสสุวรรณ etc. ลองสังเกตดูก็ได้ค่ะ วัดดังๆ ตู้เรียงรายนับสิบๆตู้ จนไม่มีทางเดินให้ญาติโยม คำถามตัวโตๆคือ "กรรมการหรือไวยาวัจกร กับท่านเจ้าอาวาส" มีระบบการบริหารจัดการกันอย่างไร? เพราะอิสระเสรี 100% แต่เงินก้อนที่สำคัญยิ่งกว่านั้นไปอีก ก็คือเงินที่ให้โดยศรัทธามหาเสน่ห์!
ผม/ดิฉันรักเจ้าอาวาส รูปนี้ รูปนั้น
ผม/ดิฉัน ผู้ซึ่งเป็นสาวกแฟนคลับตัวท๊อป
ฉันจะให้เงินท่านเสียอย่าง ใครจะทำไม?
ผม/ดิฉันจะซื้อ BMW Series 7 ให้ท่านจะผิดอะไร
ดังนั้น ฉันก็เลยเอาเข้าบัญชีส่วนตัว ผิดตรงไหนหรือ!
สรุป ญาติโยมโง่เอง!
3. แต่ละวัด จึงเร่งหารายได้จากแหล่งที่เป็นเงินบริจาคทำบุญ ตามข้อ 2 กันไม่มีพัก ไม่มีวันหยุดราชการ นี่ยังไม่นับรวมการ Collab ระหว่างพันธมิตรทางธุรกิจนะคะ อาทิ หมอลักษณ์, หรือพวกผู้วิเศษกลับชาติมาเกิด อย่าง อ.เรนนี่่งี้
1
ประสบการณ์ตรงเราในอดีตคือเคยเป็นทีมงาน
บริหารจัดการทรัพย์สินมูลนิธิวัดแถวพระนครมาก่อน
เราเถรตรง จนเราเคยเกือบตายมาแล้วค่ะ
..................................
แต่หลังจากเราลาออกมา
โชคชะตาเราก็ดันทำให้เข้าไปรู้ไปเห็นเหลือบริ้น
ที่ตักตวงผลประโยชน์ กับพระเกจิย์ผู้ปฏิบัติดี
แต่ลูกศิษย๋ลูกหา แย่งผลประโยชน์กันเหมือนหมา
จนถึงระดับที่พกปืนเอาไว้ขู่คนอื่นๆ!
................................
มันเลวร้าย จนเราไม่อยากไปรู้ไปเห็นเลยค่ะ
1
โฆษณา