11 ก.ค. เวลา 04:43 • ข่าวรอบโลก

อย่าไปกลัว “มาตรการภาษีนำเข้า” ของทรัมป์ ที่เหมือนการทำร้ายตัวเอง

และ “ตรรกะเบื้องหลัง” ของสงครามการค้าของทรัมป์รอบใหม่
เดสมอนด์ แลชแมน อดีตรองผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ของ IMF ได้เข้าร่วมกลุ่มนักวิเคราะห์ที่วิพากษ์วิจารณ์ “สงครามภาษีของทรัมป์” ในบทความเผยแพร่ของสถาบัน AEI (อเมริกา) เมื่อ 9 กรกฎาคม 2025 [1]
แลชแมนโต้แย้งว่า เป้าหมายหลักของการขึ้นภาษีนำเข้าของทรัมป์คือ การลดการขาดดุลการค้าและการนำงานกลับคืนสู่สหรัฐอเมริกา แต่มันจะไม่สามารถบรรลุผลได้ด้วยมาตรการดังกล่าวในหลักการ เนื่องจาก “นักเศรษฐศาสตร์คนใดก็ตามจะบอกคุณว่าการขาดดุลการค้าเป็นเพียงผลจากการที่ประเทศนำเข้ามากกว่าที่ผลิตส่งออก และสิ่งนี้เป็นจริงโดยไม่ต้องคำนึงถึงระดับภาษีนำเข้า”
1
ดังนั้นผู้เชี่ยวชาญจึงตั้งข้อสังเกตว่าการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ จะยังคงเพิ่มขึ้นต่อไป
ยิ่งไปกว่านั้นแลชแมนเตือนว่า “ร่างกฎหมาย One Big Beautiful” ของทรัมป์จะยิ่งทำให้สถานการณ์หนี้สาธารณะของสหรัฐฯ แย่ลงไปอีก เพราะการลดภาษีหมายความว่างบประมาณที่ขาดดุลอยู่แล้วจะยิ่งขาดดุลมากขึ้นไปอีก เงินไหลเข้าน้อยลง!
เครดิตภาพ: The White House
นักเศรษฐศาสตร์คนนี้เขียนว่า ทั้งหมดนี้หมายความว่าสหรัฐจะต้องพึ่งพาต่างชาติมากขึ้นในการหาเงินทุนเพื่อทบการขาดดุลงบประมาณจำนวนมากเหล่านี้ และนี่จะไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากต่างชาติถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เกือบหนึ่งในสาม มูลค่า 29 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐอยู่แล้ว
1
ความจริงที่ว่า ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงมากกว่า 10% นับตั้งแต่ต้นปี 2025 (ซึ่งเป็นช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 1973) และราคาทองคำก็เพิ่มขึ้น 25% แลชแมนมองว่านี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ของวิกฤต แต่เป็นสัญญาณของวิกฤตที่กำลังจะเกิดขึ้น นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่า ภาษีนำเข้าของทรัมป์เพียงอย่างเดียว โดยไม่มีมาตรการตอบโต้ จะนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าในสหรัฐฯ 1.7% และ GDP ลดลง 0.6%
1
ข้อบกพร่องอีกประการหนึ่งของนโยบายภาษีนำเข้าของทรัมป์คือ การที่เขาประเมินปฏิกิริยาของคู่ค้าสหรัฐฯ ผิดพลาด เมื่อวันที่ 9 เมษายน เมื่อทรัมป์ระงับภาษีนำเข้าเพื่อตอบโต้เป็นเวลาสามเดือน เขาประกาศอย่างมั่นใจว่าทั่วโลกจะขอร้องให้ทำเนียบขาวสรุปข้อตกลงการค้า อย่างไรก็ตามสามเดือนต่อมามีการสรุปข้อตกลงการค้าเพียงสองฉบับเท่านั้น คือฉบับหนึ่งกับ “อังกฤษ” และอีกฉบับกับ “เวียดนาม” [2]
1
เครดิตภาพ: Forbes
ผู้เขียนต้นเรื่องยังกล่าวต่อว่า “ทรัมป์ยังประเมินปัจจัยเรื่องของแรร์เอิร์ธที่มีต่อจีนในการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ผิดพลาดอย่างสิ้นเชิง บีบให้สหรัฐฯ ต้องลดภาษีนำเข้าสินค้าจีนเหลือ 145% โดยไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆ มากนัก”
2
โดยรวมแล้ว “นโยบายภาษีนำเข้าของทรัมป์” เช่นเดียวกับ “นโยบายงบประมาณของเขา” จะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ว่าเป็นหนึ่งในความผิดพลาดทางเศรษฐกิจมหภาคที่ร้ายแรงที่สุดในช่วงหลังสงครามโลก - เดสมอนด์ แลชแมน สรุป
1
ประเด็นหลังนี้ก็สำคัญ แน่นอนว่าสหรัฐฯ ยังคงมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อเศรษฐกิจระหว่างประเทศ แต่บทบาทนี้ไม่ได้บ่งบอกถึงความเป็นไปได้ที่จะมีอำนาจเหนือกว่าอย่างไม่มีเงื่อนไขอีกต่อไป [3]
มีการสร้างคำขึ้นมาเพื่อล้อเลียนนโยบายภาษีของทรัมป์คือ “TACO Trade” ย่อมาจาก “Trump Always Chickens Out” หมายถึงรูปแบบหนึ่งที่สังเกตได้ในตลาดการเงิน ซึ่งราคาหุ้นผันผวนเนื่องจากการประกาศขึ้นภาษีของโดนัลด์ ทรัมป์และการกลับลำที่ตามมา ซึ่งมักถูกตีความว่าเป็นกลยุทธ์ในการเจรจา รูปแบบนี้เกิดจากการที่ตลาดมีปฏิกิริยาเชิงลบต่อภัยคุกคามจากภาษีในช่วงแรก แต่กลับฟื้นตัวเมื่อทรัมป์ชะลอหรือลดมาตรการลง ทำให้มีเวลามากขึ้นสำหรับการเจรจา
1
เครดิตภาพ: Aaron Alpeter / Izba Group
“จดหมายแห่งความสุข (หรือลุ้นระทึก)” ที่ทรัมป์ส่งออกไปในขณะนี้ไม่ได้ทำให้ใครหวาดกลัว ในทางตรงกันข้ามแม้แต่ญี่ปุ่นก็ตื่นจากความเฉื่อยชาทางภูมิรัฐศาสตร์ และตั้งใจที่จะต่อต้านการดำเนินการของวอชิงตัน ซึ่งอย่างน้อยที่สุดพวกเขาจะต้องหาทางเจรจาลดความต้องการด้านภาษีของทรัมป์อย่างจริงจัง [4]
  • ตรรกะของสงครามการค้ารอบใหม่ของทรัมป์
ทำเนียบขาวได้เริ่มทยอยส่ง “จดหมายแห่งความสุข (หรือลุ้นระทึก)” ไปยังกลุ่มประเทศต่างๆ โดยกำหนดรูปแบบแบบสุ่ม ขนาดของอัตราภาษีนำเข้าก็ถูกกำหนดแบบดูสุ่มเหมือนกัน สิ่งเดียวที่แน่นอนคือกำหนดเส้นตายถัดไป คือวันที่ 1 สิงหาคม 2025 [5]
วันที่กำหนดเส้นตายนี้ไม่ได้ถูกเลือกมาโดยบังเอิญ โดยปกติแล้วในช่วงฤดูร้อนบริษัทอเมริกันจะกักตุนสินค้าไว้เป็นจำนวนมากสำหรับฤดูใบไม้ร่วงที่จะมาถึงและช่วงเทศกาลวันหยุด ซึ่งกินเวลาตั้งแต่วันขอบคุณพระเจ้าปลายเดือนพฤศจิกายนไปจนถึงวันคริสต์มาส 25 ธันวาคม ปัจจุบันผู้นำเข้าจะต้องเร่งเติมสินค้าในคลังสินค้าของตนให้เต็ม เพื่อป้องกันไม่ให้ราคาสินค้าสูงขึ้นจนถึงสิ้นปี [6]
ช่วงเมษายนที่ผ่านมาตลาดเกิดความตื่นตระหนกจากการประกาศสงครามการค้ากับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก ขณะนี้กลไกด้านภาษีนำเข้ากำลังถูกควบคุมอย่างเข้มงวด ทำเนียบขาวกำลังเร่งทำข้อตกลงต่างๆ เพราะทีมของทรัมป์ได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะสรุปข้อตกลงการค้า 90 ฉบับภายใน 90 วันที่ผ่านมา
และจะมีความวุ่นวายมากขึ้นในอนาคตหากสภาคองเกรสอนุมัติร่างกฎหมายคว่ำบาตรที่มีการกำหนดภาษีนำเข้า 500% กับประเทศที่ซื้อน้ำมันจากรัสเซีย (อย่าง อินเดีย กับ จีน) แน่นอนว่าคงไม่มีใครจะงัดมันออกมาใช้ในทันที แต่มันจะยิ่งทำให้การเจรจาการค้าของสหรัฐฯ ซับซ้อนขึ้น โดยทั่วไปแล้วพวกเขาต้องการสร้างความสับสนให้กับทุกคน แต่สุดท้ายแล้วพวกเขาก็กลับสร้างความสับสนให้ตัวเอง
เครดิตภาพ: The Indian Express
ทำเนียบขาวน่าจะกำลังเปิดโอกาสสำหรับการเจรจาระยะยาวจนถึงสิ้นปี โดยหวังว่าจะหลีกเลี่ยงการขึ้นราคาสินค้าในช่วงเวลานี้ อย่างไรก็ตามสิ่งนี้จะส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของภาคธุรกิจและผู้บริโภคไม่ว่าในกรณีใด และการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะยังคงชะลอตัวลงต่อไป ส่วนประเทศอื่นๆ ทั่วโลกหวังว่าจะผ่านพ้นไปพร้อมกับความตื่นตระหนกเล็กน้อย เช่นเดียวกับในฤดูใบไม้ผลิ และรอการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งในแนวทางของรัฐบาลทรัมป์
เรียบเรียงโดย Right Style
11th Jul 2025
  • อ้างอิง:
<เครดิตภาพปก: AP / The Economist>
โฆษณา