11 ก.ค. เวลา 06:28 • ข่าวรอบโลก

🧳 ✈️ ยุโรปเล็งยกเลิกค่ากระเป๋าถือ! สายการบินโลว์คอสต์สะเทือนหนัก

✈️ EU to End Extra Carry-On Charges? Budget Airlines Under Pressure
🟦 ก้าวใหม่ของผู้โดยสารยุโรป: กระเป๋าถือฟรี อาจกลายเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน
คณะกรรมาธิการขนส่งของรัฐสภาสหภาพยุโรป (EU) โหวตอนุมัติกฎใหม่ที่จะเปลี่ยนประสบการณ์ขึ้นเครื่องบินของชาวยุโรปไปตลอดกาล โดยเสนอให้สายการบินต้องอนุญาตให้ผู้โดยสารนำกระเป๋าถือหนักไม่เกิน 7 กิโลกรัม ขึ้นเครื่องได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งรวมถึงกระเป๋าขนาดไม่เกิน 100 เซนติเมตร และสิ่งของขนาดเล็กที่วางใต้ที่นั่งได้
🌍 หากผ่านความเห็นชอบจากชาติสมาชิก EU กว่า 55% ที่ครอบคลุมประชากรรวม 65% ของ EU กฎหมายนี้จะบังคับใช้ทั้งในเที่ยวบินภายในยุโรป และ เที่ยวบินระหว่างประเทศที่เชื่อมต่อ EU กับประเทศนอกกลุ่ม เช่น สหราชอาณาจักร
🛫 Budget Airlines สะเทือน! โมเดลรายได้เสี่ยงสะดุด
สายการบินต้นทุนต่ำอย่าง Ryanair, easyJet และ Wizz Air ที่มีกำไรจำนวนมากจาก “ค่ากระเป๋าขึ้นเครื่อง” อาจต้องรีเซ็ตรูปแบบธุรกิจใหม่ ขณะที่กลุ่ม Airlines for Europe ก็ออกโรงเตือนว่ากฎใหม่นี้อาจทำให้
◻️ เกิดความแออัดเหนือศีรษะในห้องโดยสาร
◻️ เสี่ยงล่าช้าในการขึ้นเครื่อง
◻️ ต้องปรับราคาตั๋วขึ้นในภาพรวม เพื่อชดเชยรายได้ที่หายไปจาก “ค่ากระเป๋า”
✈️ “ควรให้ผู้โดยสารเลือกบริการเองว่าจ่ายอะไร–ไม่จ่ายอะไร” คือคำเตือนจากผู้บริหารสมาคมฯ ที่พยายามชะลอกฎใหม่นี้ก่อนการโหวตจริงในอนาคต
🧠 มองไทยผ่านเลนส์นโยบาย EU: เกิดอะไรขึ้นได้บ้าง?
สำหรับผู้โดยสารชาวไทยโดยเฉพาะสายเที่ยวแบบแบ็คแพ็คหรือทริปยุโรป–สหราชอาณาจักร ข่าวนี้ถือเป็น "Big Win" เพราะหากกฎหมายมีผลบังคับใช้จริง:
🎒 จะไม่ต้องจ่ายเพิ่มหลายพันบาทเพื่อกระเป๋าถือ
📉 ลดต้นทุนเที่ยวบิน–เพิ่มการวางแผนท่องเที่ยว
🌐 ส่งเสริม อุตสาหกรรมท่องเที่ยวขาออกของไทย โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นและกลุ่ม Digital Nomads ที่บินไป–กลับยุโรปบ่อยครั้ง
📈 แรงสะเทือนถึงหุ้นไทย: กลุ่มที่ต้องจับตา
แม้เป็นนโยบายต่างแดน แต่กระเพื่อมถึงหุ้นไทยได้ไม่น้อย ผ่านช่องทางทั้งสายตรงและสายอ้อม ดังนี้:
🔷 AAV (เอเชีย เอวิเอชั่น) – ผู้ถือหุ้นใหญ่ของสายการบิน Thai AirAsia หากนโยบายนี้เกิดแรงกระตุ้นให้ผู้โดยสารโซนเอเชีย–ยุโรปเพิ่มขึ้น อาจเอื้อต่อยอดจองเที่ยวบินข้ามทวีปมากขึ้น หรือในทางกลับกัน หากสายการบินต้นทุนต่ำทั่วโลกถูกบังคับให้ปลดล็อกค่ากระเป๋า อาจกดดันโมเดลรายได้ของ AAV เช่นกัน
🔷 BA (การบินกรุงเทพ) – แม้เป็นสายการบินพรีเมียมในระดับภูมิภาค แต่หากต้นทุนค่ากระเป๋าในเส้นทางเชื่อมต่อกับยุโรปปรับลดลง ก็อาจมีผลต่อการกำหนดโปรโมชั่นและการแข่งขันราคาในเส้นทางระยะกลาง–ไกล
🔷 SABINA (ซาบีน่า) – แบรนด์เสื้อผ้าชั้นในที่เน้นกลุ่มนักท่องเที่ยว หากต้นทุนการบินลดลง อาจทำให้การซื้อสินค้าแฟชั่นเพื่อพกพาไปท่องเที่ยวยุโรปเติบโตมากขึ้น โดยเฉพาะการตลาดที่เน้น “Travel Collection”
🔷 SPVI (เอส พี วี ไอ) – จำหน่ายสินค้า Apple และอุปกรณ์ไอที หากนักท่องเที่ยวไทยมีต้นทุนต่ำในการเดินทางไปยุโรป อาจนำไปสู่การซื้ออุปกรณ์พกพา เช่น iPad, MacBook เพิ่มขึ้นในช่วงก่อนเดินทาง ซึ่ง SPVI อาจได้รับผลบวกทางอ้อม
🔷 BEAUTY (บิวตี้ คอมมูนิตี้) – แบรนด์เครื่องสำอางที่นักท่องเที่ยวมักซื้อติดกระเป๋า หากค่ากระเป๋าไม่มีแล้ว การตัดสินใจซื้อของพกพาไปต่างประเทศจะมีอิสระมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มนักเรียนไทยในอังกฤษ–ฝรั่งเศส
🔍 การต่อสู้ระหว่าง “สิทธิผู้โดยสาร” กับ “โมเดลรายได้แบบแยกส่วน” ของสายการบิน
สิ่งที่เกิดขึ้นใน EU สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมการบินในยุคที่ “ประสบการณ์ผู้โดยสาร” เริ่มมีน้ำหนักมากพอจะท้าทาย “โมเดลธุรกิจดั้งเดิม” โดยเฉพาะสายการบินราคาประหยัดที่เคยวางรูปแบบรายได้ไว้บน “ค่าบริการเสริม” เช่น ค่ากระเป๋า ค่าที่นั่ง ค่าน้ำดื่ม
หากกฎหมายนี้ผ่านได้สำเร็จใน EU จะกลายเป็น “มาตรฐานใหม่” ในสิทธิสากลของผู้โดยสาร ซึ่งประเทศอื่นๆ อาจถูกกดดันให้ต้องออกกฎหมายลักษณะเดียวกัน ไม่ว่าจะโดยแรงประชาชน หรือการเจรจาระหว่างประเทศในเชิงข้อตกลงเปิดน่านฟ้า (Open Skies Agreements)
🎯 แรงกระเพื่อมเชิงกฎหมาย: ไทยควรมี “กฎกระเป๋าถือเป็นสิทธิ” หรือไม่?
แม้ในปัจจุบันสายการบินไทยส่วนใหญ่ไม่เก็บค่ากระเป๋าถือ แต่การไม่มี “ข้อกฎหมายชัดเจน” หมายความว่า สามารถเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขเมื่อใดก็ได้ หากบริษัทต้องการเพิ่มรายได้หรือรับมือกับต้นทุนที่พุ่งขึ้น เช่น ราคาน้ำมันหรือภาษีคาร์บอนในอนาคต
การถอดบทเรียนจาก EU จึงเป็นโอกาสให้ผู้กำหนดนโยบายของไทยพิจารณาออก “แนวปฏิบัติกลาง” หรือ “กฎหมายคุ้มครองผู้โดยสาร” โดยเฉพาะในบริบทการบินระหว่างประเทศที่เชื่อมต่อกับสิทธิพลเมืองและเศรษฐกิจในระดับสากล
📦 จากพื้นที่เก็บของ → สู่ทรัพย์สินลอยฟ้า: เมื่อ “เหนือศีรษะ” กลายเป็นสนามเศรษฐกิจ
ข่าวนี้สะท้อนแนวคิดใหม่ในโลกการเดินทาง เมื่อ “พื้นที่เก็บสัมภาระบนเครื่องบิน” ไม่ใช่แค่ความสะดวกสบาย แต่กลายเป็นทรัพย์สินที่สร้างรายได้ให้สายการบิน เหมือนกับการขายตั๋วหนัง สกินในเกม หรือบริการรายเดือนแบบ Netflix และ Spotify
เราอาจได้เห็น:
🧳 ระบบจองพื้นที่กระเป๋าล่วงหน้าแบบ Dynamic Pricing
✈️ เครื่องบินรุ่นใหม่ที่ออกแบบให้มีพื้นที่ส่วนตัวและที่เก็บของมากขึ้น
🪙 ราคาตั๋วที่คิดตามน้ำหนัก ขนาด และตำแหน่งวางของ คล้ายกับค่าส่งพัสดุ
ทั้งหมดนี้ชี้ว่า “อากาศยาน” กำลังกลายเป็นเหมือน “อสังหาริมทรัพย์ลอยฟ้า” ที่ต้องบริหารพื้นที่อย่างคุ้มค่า ทั้งในแง่ต้นทุน เวลา และประสบการณ์ของผู้โดยสาร ที่ตอนนี้ไม่ใช่แค่คนเดินทาง แต่กลายเป็น “นักจัดการโลจิสติกส์ส่วนตัว” ไปโดยปริยาย 💼📦🛫
💬 คุณคิดว่า... ควร “ฟรีค่ากระเป๋าขึ้นเครื่อง” หรือปล่อยให้สายการบินคิดเองตามกลไกตลาด?
ร่วมแสดงความเห็นด้านล่าง แชร์ประสบการณ์เที่ยวบินของคุณ และติดตามข่าวใหม่ที่อาจเปลี่ยนทุกการแพ็กกระเป๋า ✈️📦🧳 ได้ที่นี่ก่อนใครกันนะคะ!
📌 Hashtags ที่เกี่ยวข้อง:
#BattleOfEconomies #EUAirlineRules #FreeCarryOn #BudgetAirlinesCrisis #ThaiTourismEffect #หุ้นไทยต้องจับตา #GentleMindSeries
📎 Reference: Guardian — New rules may cut off extra charges on carry-on luggage

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา