11 ก.ค. เวลา 08:03 • นิยาย เรื่องสั้น

ฆาตกรรมหงส์เหิน

เล่มแรกสุดที่ได้รับการแปลไทยของซีรีส์นักสืบอาซามิ มิตสึฮิโกะตั้งแต่ปี2562 ผมเพิ่งอ่านจบเป็นเล่มที่ 6 ต่อจากคดีเกาะเจ้าหญิง เล่มนี้ออกแบบปกได้สวยและน่ากลัวทีเดียว ถ้าให้จัดลำดับความเข้มข้นของเนื้อเรื่อง และความสนุกในความเห็นของตัวเอง คงได้ตามนี้ครับ
อันดับ 1 ฆาตกรรมนางาซากิ
อันดับ 2 ฆาตกรรมอากิตะ
อันดับ 3 ฆาตกรรมภูเขาขวัญผวา
อันดับ 4 ฆาตกรรมเกาะเจ้าหญิง
อันดับ 5 ฆาตกรรมหงส์เหิน
อันดับ 6 ฆาตกรรมซัปโปโร
นางาซากิกับอากิตะขี่รดต้นคอกันในด้านประเด็นการเมืองที่มีความน่าสนใจ ตัวคดีกับการวางแผนของคนร้ายก็มีความชาญฉลาด บทนำชวนลุ้น
ภูเขาขวัญผวาให้ลำดับถัดมาเพราะความชอบส่วนตัวที่มีเรื่องลึกลับ ความเชื่อโบราณ แฝงกลิ่นอายน่าตื่นเต้น
ส่วนเกาะเจ้าหญิงกับหงส์เหินมีความสูสี แต่ให้หงส์เหินลำดับต่ำกว่าเพราะไม่ชอบคนร้าย ดูไม่สมกับความอุตส่าห์สร้างเรื่องใหญ่โต และซัปโปโรรั้งท้ายเพราะการเมืองอัดแน่นมากเกิน ใช้หน้ากระดาษหมดไปเยอะกับส่วนที่ไม่ต้องเน้นก็ได้ ควรกระชับได้มากกว่านี้ อาจไม่ตรงกับความรู้สึกของเพื่อน ๆ ที่ชื่นชอบบางตอนเป็นพิเศษ ต่อไปมาเข้าสู่เนื้อหาของเล่มหงส์เหินกันครับ
#ฆาตกรรมหงส์เหิน
สนพ.เจคลาส พิมพ์ พ.ย. 2562
ผู้เขียน อูจิดะ ยาซูโอะ
ผู้แปล ฉวีวงศ์ อัศวเสนา
312 หน้า 295 บาท
เรื่องย่อ 🦢 (💥มีระบุว่าใครคือเหยื่อ)
อาซามิ มิตสึฮิโกะ ได้เขียนบทความที่สร้างกระแสฮือฮาอย่างมากในวงการ จากประเด็นที่เขากล่าวกระทบถึงระบบโครงสร้างและการทำงานของตำรวจญี่ปุ่นทั่วประเทศ ต่อกรณีคดีการวางยาพิษในขนมยี่ห้อดังที่วางขายทั่วไปตามห้างร้านสะดวกซื้อ และมีผู้บริโภคได้รับอันตรายจากการซื้อมากิน อีกทั้งยังกล่าวถึงกรณีคนร้ายจับตัวประธานบริษัทผลิตขนมไปขังไว้แล้วเรียกค่าไถ่ตัวมูลค่ามหาศาล แต่สุดท้ายตำรวจก็ทำงานพลาดไม่สามารถจับตัวผู้กระทำความผิด ปล่อยให้เงินค่าไถ่สูญโดยเปล่าประโยชน์
ซึ่งผู้อ่านจำนวนมากชื่นชมความกล้าของนักข่าวอิสระอย่างอาซามิ แต่แน่นอนว่าเรื่องนี้คุณนายแม่ไม่ปลื้มอย่างแรง ถึงกับเรียกอาซามิมาคุยเพราะทำเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อการงานและความก้าวหน้าในอาชีพของพี่ชายตัวเอง ซึ่งดำรงตำแหน่งระดับสูงในองค์กรตำรวจ แถมยังมีโทรศัพท์เข้ามาที่บ้านจำนวนมากเพื่อขอคุย(ด่า)อาซามิ จนเขาต้องหลบไม่ยอมรับโทรศัพท์ แต่พี่ชายกลับเข้าใจและไม่ตำหนิ ยังบอกด้วยว่าเห็นด้วยกับน้องชาย แต่เขาไม่สามารถจะขยับตัวทำอะไรได้ดังคิด
🦢
จากบทความที่เขาเขียนเผยแพร่ในนิตยสารนี้เอง วันหนึ่งมีชายวัยกลางคนติดต่อมายังอาซามิ ขอนัดหมายเพื่อคุยธุระ ระบุว่าเขาได้อ่านบทความและเห็นด้วย อยากให้ช่วยมารับงานของทางบริษัท ที่ต้องเดินทางไปเก็บข้อมูลต่าง ๆ เพื่อนำมาเขียนเป็นบทความเกี่ยวกับเรื่องบริษัทผลิตขนม โดยชายที่โทรมาเป็นหัวหน้าที่รับผิดชอบงานส่วนนี้ อาซามิแปลกใจที่จู่ ๆ จะให้เขาเขียนแทนคนที่ทำอยู่ก่อน แต่สุดท้ายก็ลองไปพบตามนัด
วันนั้นนอกจากเจอชายที่ติดต่อมา เขายังพบชายอีก 2 คนที่เหมือนเป็นลูกน้องในแผนก ที่ดูไม่เต็มใจต้อนรับอาซามิ แต่ขัดความต้องการหัวหน้าไม่ได้
ปรากฏว่านอกจากจะแนะนำตัวเองและคุยรายละเอียดงานแล้ว เขายังชวนอาซามิรับประทานอาหารที่ห้องเช่าตัวเอง โดยมีลูกสาวคนสวยอีกแล้วครับท่าน วัยยี่สิบกว่าชื่อเรโกะ (ถ้าผมจำไม่ผิดนะครับ เนื่องจากอ่านแล้วทิ้งไว้นานเกิน ไปอ่านเล่มอื่นต่ออีกหลายเรื่อง) ซึ่งอาศัยด้วยกันกับพ่อเป็นคนทำกับข้าวให้ คนเป็นพ่อพูดชมลูกสาวให้อาซามิฟังว่าฝีมือปรุงอาหารของเรโกะอร่อยเลิศที่สุด(แต่ไม่ใช่คุณหรีดนะ😂)
ระหว่างมื้ออาหารทั้งสามได้สนทนากันพอเป็นที่ถูกอัธยาศัยไมตรี และวันที่อาซามิจะเดินทางไปตามสถานที่ที่จะไปเก็บข้อมูลพร้อมกับพ่อของเรโกะนั้น เธอได้ฝากให้พระเอกของเราดูแลพ่อแทนด้วย
🦢
ทั้งสองร่วมเดินทางไปในหลายแห่งเป็นเวลาหลายวัน ซึ่งเหตุการณ์ราบรื่นดีจนกระทั่งสถานที่สุดท้าย เป็นโรงแรมที่พักค้างแบบญี่ปุ่นที่มีแขกมาพักเพียงไม่กี่ห้อง อาซามิพักคนละห้องกับเพื่อนร่วมทาง
คืนนั้นเขาง่วงมากจึงเข้าห้องหลับยาวจนสายโด่งวันต่อมา และตกใจตื่นที่หญิงรับใช้มาเรียกเพราะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว ที่ห้องพักข้างกัน อาซามิพบร่างพ่อของเรโกะล้มคว่ำอยู่ที่พื้น ไม่หายใจแล้ว มีร่องรอยโดนทำร้ายร่างกาย เลือดนองเต็มพื้น และมีอักษรเลือดที่น่าจะเป็นการพยายามใช้นิ้วเขียนก่อนหมดแรง พอจะอ่านได้เป็นคำที่มีความหมายว่า "หงส์" มีความหมายอย่างไรกันแน่ เขารู้สึกเสียใจที่หลับสนิทจนไม่รู้เรื่องเลยว่าข้างห้องเกิดเรื่องราวขนาดนี้ขึ้น
🦢
หลังกลับจากการเดินทาง เขานัดพบกับเรโกะ แจ้งข่าวและตั้งใจจะสืบให้รู้ว่าสาเหตุของเรื่องครั้งนี้เพราะอะไรกันแน่ ด้วยการชีพจรลงเท้าไปยังที่ต่าง ๆ เพื่อรวบรวมข้อมูลข่าวสาร ทั้งโรงแรมที่เกิดเหตุ สอบถามเจ้าของและหญิงรับใช้ ทั้งเรื่องงานที่ยกเลิกนักเขียนคนก่อนหน้าแล้วมาว่าจ้างอาซามิเขียนแทน
เขาจึงติดต่อไปยังบริษัทที่พ่อเรโกะทำงานอยู่ แต่ไม่ได้รับความร่วมมือจึงต้องสืบเอง จนรู้ชื่อนักเขียนที่ตามหาและบุกไปพบจนได้รู้อะไรมาบางส่วน แต่อาซามิไม่รู้เลยว่าการเข้าไปยุ่งเกี่ยวคราวนี้ จะนำพาไปพบกับเรื่องราวที่พัวพันกับคดีการใส่ยาพิษในขนมถุง และการเรียกค่าไถ่ก้อนใหญ่ก่อนหน้านี้ อีกทั้งจะมีเหยื่อรายที่สองตามมา และคดีนี้ตำรวจก็ไม่ยอมอยู่เฉยแต่เข้ามามีส่วนร่วมกับอาซามิอย่างสำคัญ
พวกเขาจะจับตัวคนร้ายได้หรือไม่ คดีทั้งหมดเป็นฝีมือของผู้ทำความผิดเดียวกันหรือเปล่า...
ภาควิเคราะห์ 🖋
ยังคงสไตล์การเล่าเรื่องด้วยมุมมองบุคคลที่3เช่นเคย แต่คราวนี้น่าสนใจมากขึ้นตรงที่สนพ.ระบุว่าผู้เขียนนำเรื่องจริงที่เคยเป็นคดีใหญ่ที่เกิดในอดีตช่วงปี 80 มารังสรรค์เป็นผลงาน ดังนั้นจึงเป็นที่ติดตามของคนอ่านถึงขนาดมีตำรวจจริงติดต่อมาสอบถามจากผู้เขียน เนื่องเพราะคดีจริงตำรวจจับใครไม่ได้ แต่ในนิยายมีบทสรุปที่รู้ตัวคนร้ายชัดเจน ไม่มีอะไรให้ค้างคา
ตัวละครมีหลากหลายพอสมควร ถึงขนาดว่าคราวนี้ผมแทบจำชื่อใครไม่ได้เลย ส่วนหนึ่งเพราะทิ้งช่วงนานเกินด้วย พอมีเล่มอื่นมาอ่านคั่นมากเข้า ความทรงจำเลยชักจะตีกัน เลยนำมาเล่าต่ออย่างกระท่อนกระแท่นไม่สมบูรณ์ ต้องขออภัยล่วงหน้าครับ
🦢
เนื่องจากไม่รู้ที่มาของเรื่องที่เกิดจริงในญี่ปุ่น จึงไม่ตื่นเต้นอะไรนัก แต่เชื่อว่าตอนที่คนญี่ปุ่นได้อ่านเล่มนี้คงจะต้องมีอารมณ์หลายประการเกิดขึ้นผสมปนเป หนึ่งในนั้นน่าจะเป็นความตื่นเต้นและลุ้นด้วยความคาดหวัง
แต่แม้ผมยังไม่อินถึงขนาดที่ว่าก็ตาม แต่โดยรวมยังคงอ่านได้สนุก คดีอาจจะไม่ได้มีอะไรให้ระทึกใจนัก แต่ด้วยเสน่ห์การเดินเรื่องอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของซีรีส์นี้ ก็มีแรงจูงใจพอให้ติดตามพระเอกของเรื่องได้ต่อเนื่อง โดยเฉพาะตอนนี้ เป็นความร่วมมือกันของสองพี่น้องตระกูล
มิตสึฮิโกะในการวางแผนจับเอาตัวคนทำผิดมาลงโทษให้ได้ ถือว่าได้เห็นบทบาทของพี่ชายพระเอกมากกว่าที่แล้วมา
🦢
ในส่วนของตัวละครฝ่ายหญิง แน่นอนว่าลูกสาวคนสวยแถมยังเก่งการบ้านการเรือนของผู้ประสบภัย ก็เป็นหนึ่งในปัจจัยที่เพิ่มความน่าอ่านให้กับหนังสือ เรียกได้ว่าถ้าเราเป็นอาซามิ ก็คงจะตัดสินใจลำบากเหลือเกิน เพราะสาวแต่ละคนที่ปรากฏตัวมาในแต่ละตอนนั้น ช่างโสภาและมีความโดดเด่นแตกต่างกันไป เข้าตำรารักพี่เสียดายน้อง
ประเด็นที่ผู้เขียนตั้งใจนำเสนอแน่นอนว่าคือการทำงานของตำรวจ ที่คงกล่าวแทนใจของพลเมืองชาวญี่ปุ่นกับความรู้สึกที่เกิดขึ้น ชี้ให้เห็นถึงความไร้ประสิทธิภาพ โดนปั่นหัวได้แม้แต่แค่โจรกระจอก อีกด้านหนึ่งก็ตีแผ่ความดำมืดของวงการอุตสาหกรรมการผลิตขนม ที่หลังสิ้นสุดสงครามโลกก็ปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว กลายเป็นระบบที่เน้นการบริหารแบบทุนนิยม จนร้านขนมแบบดั้งเดิมที่ทำขนมแบบบ้าน ๆ ค่อย ๆ ล้มหายตายจากและถูกเอาเปรียบสารพัด นี่คือสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดคดีขึ้น
จะว่าไปไม่เพียงที่ญี่ปุ่น แม้แต่ในไทยเองก็เป็นวังวนเช่นนี้เหมือนกัน ผู้เขียนทำให้เราได้เห็นถึงตัวละครสองประเภท คือคนที่อาจก่ออาชญากรรมด้วยความคิดเริ่มต้นที่อยากสร้างความเปลี่ยนแปลง โดยไม่คิดว่าจะเลยเถิดบานปลายจนเรื่องใหญ่เกินกว่าจะควบคุม และเมื่อเกิดขึ้นแล้วพอรู้ว่าสิ่งที่ตนทำส่งผลร้ายแรงกระทบถึงคนบริสุทธิ์ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ตัวละครประเภทแรกจะได้คิดและถอนตัวเลิกเด็ดขาดในการข้องเกี่ยวกับการกระทำความผิด
ส่วนประเภทที่สองนอกจากไม่เลิกแล้วยังถลำลึกกระทำสิ่งที่เลวร้ายหนักข้อกว่าเก่า ด้วยเหตุผลข้ออ้างสารพัดที่สุดท้ายก็ไม่พ้นคือความโลภโดยกมลสันดาน
🦢
ในส่วนของการนำเที่ยวยังคงมีเป็นปกติ ทั้งการอธิบายเส้นทางการคมนาคมอย่างละเอียด รวมถึงรายละเอียดของสินค้าอย่างขนมโบราณ เมืองที่ยังมีสินค้าเหล่านี้วางขาย ของขึ้นชื่อ ซึ่งแทรกเข้ามาระหว่างที่อาซามิไปสืบเสาะหาข้อมูลเพิ่มเติม ทำให้คนอ่านได้รับความรู้ในย่านชุมชนต่าง ๆ ที่เป็นฉากในนิยาย
สุดท้ายคือด้านการสืบสวน ปริศนาในเล่มที่มีการใช้อักษรเลือด ให้ตัวเอกและผู้อ่านได้คาดเดากันไปต่าง ๆ นานา กว่าจะจับทางถูกก็หลงเข้าป่าไปไกลจนตอนท้ายค่อยอ้อมกลับมา เป็นอีกส่วนที่นำเอาเรื่องราวของท้องถิ่นที่เกี่ยวกับหงส์เข้ามาใส่ไว้ได้อย่างกลมกลืน ทั้งชื่อเมือง ชื่อของกิน และอื่น ๆ
รู้สึกอิจฉาคนที่อ่านญี่ปุ่นออก ที่สามารถตามอ่านนิยายต้นฉบับได้โดยไม่ต้องรอฉบับแปลไทย จากจำนวนตอนทั้งหมดที่ผู้เขียนได้บรรจงสร้างสรรค์ประดับไว้ในโลกนิยายสืบสวน คงยากที่คนไทยจะได้อ่านครบเท่ากับคนญี่ปุ่น นอกจากว่าจะมีแฟนคลับติดตามอ่านและตอบรับผลงานชุดนี้อย่างอบอุ่น จนสนพ.ต่าง ๆ ช่วยกันนำมาแปลให้มากขึ้น แต่มองแล้วน่าจะยากมาก
โฆษณา