วันนี้ เวลา 07:30 • นิยาย เรื่องสั้น

เคยคิดมาตลอดว่า.. ความจนทำให้เรา "แข็งแกร่ง"

เพราะในสมัยเรียนเด็ก ๆ เห็นเพื่อนที่ค่อนข้างมีฐานะหลายคน
เอะอะก็เข้าโรงพยาบาล เจ็บไข้ได้ป่วยนิดหน่อย ก็เข้าโรงพยาบาล
ด้วยความคิดเด็ก ๆ ของเราเลยคิดว่า "คนรวยทำไมอ่อนแอจัง ?"
ความคิดนั้นวนเวียนในหัวมาตลอด เชื่อแบบผิด ๆ ว่า
"ตัวข้านั้นมาพร้อมยีนส์ที่โคตรจะแข็งแกร่ง"
ด้วยความไร้เดียงสา ทำให้ไม่รู้ตัวเลยว่า ยีนส์ที่ได้มาไม่ใช่ "ยีนส์แข็งแกร่ง"
แต่กลับเป็น "ยีนส์ความจน" ต่างหากล่ะ . . . . .
ทว่าความคิดนั้นก็เปลี่ยนแปลงไป เมื่ออายุก้าวเข้าสู่วัยทำงาน
ไอ้ที่คิดว่า "ครอบครัวคนจน" ของเรานั้นแข็งแกร่ง แท้ที่จริงมันไม่ใช่เลย
สุขภาพก็ไม่ได้ดีเด่อะไร อาจจะได้เปรียบหน่อยเพราะเป็น "ชนชั้นแรงงาน"
ต้องใช้หยาดเหงื่อแรงกายเพื่อแลกมาด้วยเงิน
จึงเหมือนได้ออกกำลังกายอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
สิ่งที่ทำให้เราไม่ได้เข้าโรงบาลบ่อย ๆ เหมือนอย่างเพื่อนที่มีฐานะ
ไม่ใช่ว่า "เราแข็งแกร่ง" แต่เป็นแค่เหตุผลง่าย ๆ ที่เราในวัยเด็กมองข้าม
เราไม่มีเงินไปรักษาที่โรงพยาบาล
เมื่อไม่มีเงินขนาดนั้น สิทธิ์การรักษาก็น้อย
ทำงานเป็นแรงงานรายวันที่ไม่ได้รับความคุ้มครองจากประกันสังคม
เวลาเจ็บป่วยขึ้นมาก็เท่ากับต้อง "หยุดงาน" ซึ่งเมื่อหยุดงานก็ "ไม่มีรายได้"
นั่นจึงทำให้เมื่อเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมา ส่วนมากถ้าไม่ไหวจริง ๆ ก็จะต้องลุกไปทำงาน
หรือไม่ก็แค่กินยาพาราแล้วนอนพักรอให้หายไปเอง
ถึงเมื่อต้องจำเป็นจะต้องเข้ารับการรักษาจริง ๆ ที่ไปได้ก็มีแค่ "โรงพยาบาลรัฐ"
บรรยากาศของ "โรงพยาบาลรัฐ" ในความทรงจำวัยเด็กของผม
"โรงพยาบาลรัฐ" เปรียบเสมือนฝันร้ายของผมในวัยเด็ก
เพราะมันเต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่ต้องมาเบียดเสียดกัน
แถมคนส่วนมากก็มาพร้อมกับปัญหาสุขภาพ หน้าตาดูซีดเซียวอดอาลัยตายอยาก
ด้วยบรรยากาศอันอึมครึม กับ สีหน้าสีตาของคนรอบข้าง
ไหนจะต้องตื่นแต่เช้าเดินทางด้วยรถประจำทางไกล ๆ รออย่างต่ำ 3 - 4 ชั่วโมง
มันจึงทำให้นี่คือช่วงเวลาที่ "กระอักกระอ่วน" มาก สำหรับวัยเด็กของผม
อาจเพราะด้วยความทรงจำเหล่านี้กระมัง ทำให้ผมเป็นคน "ไม่ชอบหาหมอ" ไปโดยปริยาย
และด้วยความคิดของเด็ก ๆ เลยทำให้มองเพื่อนที่มีฐานะว่าเป็น "ไอ้ขี้โรค"
เพราะเวลาเป็นอะไรนิด ๆ หน่อย ๆ พ่อแม่เขาก็พาไปรักษาที่ทันที
ผมคิดว่าเขาต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่สุดแสนกระอักกระอ่วนเหมือนที่ผมเคยเจอ
"โรงพยาบาล" มันไม่น่าสนุกเอาเสียเลย กับวัยเด็กที่แสนจะซุกซนในตอนนั้น
การที่พวกเขาต้องไปโรงบาลบ่อย ๆ น่าจะต้องเจออะไรแบบนั้นเป็นประจำแน่ ๆ
ที่ผมคิดแบบนั้นเพราะว่าในตอนเด็กผมไม่รู้ว่า มันมีสิ่งที่เรียกว่า
โรงพยาบาลเอกชน
ในช่วงมัธยมปลาย ผมเพิ่งได้รู้ว่ามันมีสิ่งที่เรียกว่า "โรงพยาบาลเอกชน"
เพราะผมได้เดินทางไปเยี่ยมเพื่อนที่มีฐานะคนหนึ่ง ที่ประสบอุบัติเหตุ
เพียงแค่ก้าวแรกที่ย่างเท้าเข้าไป ก็สัมผัสได้ถึงความแตกต่างแบบ "ฟ้ากับเหว"
โรงพยาบาลแห่งนี้ดูใหม่มาก ทุกอย่างดูสว่างสไว ผู้คนไม่เนืองแน่นจอแจ
และที่สำคัญคือ "กลิ่น" นั้นแตกต่างจากโรงพยาบาลรัฐที่ผมคุ้นเคยเป็นอย่างมาก
โอ้.... ในวันนั้นผมเข้าใจอย่างถ่องแท้ ว่าการมาโรงพยาบาลของ เพื่อน และ ผม
มันช่างเป็นประสบการณ์ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
บรรยากาศที่แตกต่างระหว่าง โรงบาลรัฐ และ โรงพยาบาลเอกชน
จากเหตุการณ์นั้นผมเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า "คุณภาพชีวิตเราต่างกัน"
ผมไม่มีปัญญามารักษาในโรงพยาบาลแห่งนี้แน่นอน เพราะค่ารักษาแพงหูฉีก
และ บ้านผมไม่มีปัญญาจ่ายค่าเบี้ยประกันสุขภาพแน่นอน
ผมรู้สึกผิดหวังกับความมั่นใจแปลก ๆ ที่ผมสร้างขึ้นมาในวัยเด็กมาก
ความจนไม่ได้ทำให้เราแข็งแกร่งเลยนี่หว่า
ความจนมันก็แค่ทำให้เราต้องจำยอมเฉย ๆ
ในปัจจุบันผมก็ไม่ได้หนีจาก "ยีนส์ความจน" ที่ไหลอยู่เต็มกระแสเลือดผมได้
ฐานะก็อาจจะดีขึ้นมานิดหน่อยเมื่อเทียบกับวัยเด็ก
แต่ก็ยังเป็นคนที่ "เกลียดโรงพยาบาล" อ้างกลัวเข็มบ้าง เสียเวลาบ้าง
ทั้ง ๆ ที่ผมสักเต็มแขน และ ใช้เวลาว่างกับการนั่งเพ้อพรรณาระหว่างวัน
สิ่งเดียวที่เปลี่ยนไปคือ ความคิดในใจที่ยอมรับว่า "สิทธิ์การรักษา" เป็นสิ่งสำคัญ
บทความนี้ผมเขียนขึ้นมา เพราะกำลังจะซื้อ "ประกันสุขภาพ" ฉบับแรกให้ตัวเอง
ที่จริงผมมองไปถึง "ประกันโรคร้าย" ร่วมด้วย เพราะอ่านระหว่างหาข้อมูล
นัยหนึ่งผมก็แค่อยากเอาประกันไปใช้เพื่อลดหย่อนภาษี
แต่อีกใจหนึ่งก็อยากได้ "ความอุ่นใจ" เมื่อถึงเวลาเจ็บป่วยจริง ๆ
เพราะแค่เป็นฟรีแลนซ์มันก็ระทึกใจรายวันอยู่แล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า (ขำแห้ง)
ขอบคุณทุกท่านที่อ่านจนจบครับ สวัสดีครับ
ล่องจุ๊น นักเขียนหัวยุ่ง
13 ก.ค. 256
โฆษณา