14 ก.ค. เวลา 05:55 • ข่าว

ทรัมป์เปิดสงครามมะเขือเทศกับเม็กซิโก

บนราคาที่ชาวอเมริกันต้องจ่าย
ในวันจันทร์ 14 กรกฎาคม 2025 นี้จะเป็นวันแรกที่มาตรการกำแพงภาษีที่เรียกกันว่า Tomato Tariffs จะมีผลบังคับใช้ กับประเทศเพื่อนบ้านอย่างเม็กซิโก ผู้ส่งออกสินค้าเกษตรรายใหญ่ป้อนตลาดครัวเรือนในสหรัฐอเมริกามานานหลายสิบปี ซึ่งนับจากวันนี้ไป มะเขือเทศจากเม็กซิโกจะโดนภาษีทรัมป์ไปฉ่ำๆ 20.9%
แน่นอนว่า คนที่เดือดร้อนจากมาตรการกำแพงภาษีนี้ หนีไม่พ้นผู้ส่งออกผัก-ผลไม้ ชาวเม็กซิโก และรองลงมาที่ก็เจ็บไม่แพ้กัน คือร้านอาหารขนาดกลาง และ ขนาดเล็ก ที่ขายเมนูที่ใช้มะเขือเทศเป็นส่วนประกอบ และผู้บริโภคชาวอเมริกัน
เทเรซา ราโซ เจ้าของร้านอาหารอิตาเลียน 2 แห่งในแคลิฟอร์เนียใต้ ถึงกลับโอดอย่างสิ้นหวังว่า ถ้ากำแพงภาษีของทรัมป์ ทำให้ราคามะเขือเทศพุ่งสูงขึ้นอย่างนี้สัก 3 เดือน รับรองว่าร้านของฉันต้องเจ๊งอย่างแน่นอน
ความหายนะนี้ ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ จากข้อมูลการค้าระหว่าง สหรัฐ-เม็กซิโก พบว่า มากกว่า 90% ของมะเขือเทศที่ปลูกในเม็กซิโก ถูกส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกา ซึ่งก็หมายถึง มากกว่าครึ่งของมะเขือเทศตามท้องตลาดสหรัฐมาจากเม็กซิโก
และมะเขือเทศก็เป็นผลไม้ที่คนอเมริกันบริโภคกันมากที่สุด เพราะถูกใช้เป็นส่วนประกอบสำคัญของเมนูอาหารจานโปรดของชาวอเมริกันเป็นจำนวนมาก อาทิ พิซซ่า, สปาเกตตี้, แซนวิช, เบอร์เกอร์, ทาโก้, ซัลซา, ซุป และ ซอสมะเขือเทศ เป็นต้น
ด้วยความที่เม็กซิโก มีศักยภาพในการเพาะปลูก และ ต้นทุนที่ถูกกว่า สามารถผลิตมะเขือเทศป้อนตลาดสหรัฐได้อย่างต่อเนื่องไม่เคยขาด ทำให้มะเขือเทศ และพืชผักชนิดต่างๆ จากเม็กซิโก เข้ามาตีตลาดในสหรัฐได้อย่างง่ายดาย ด้วยคุณภาพสินค้าที่ดีในราคาที่ถูกกว่าผลผลิตในสหรัฐมาก
นั่นจึงเป็นสาเหตุที่กลุ่มชาวสวนผักอเมริกัน เคยออกมาประท้วงเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐ ทำอะไรสักอย่างกับสินค้าเกษตรจากเม็กซิโก ก่อนที่เกษตรกรในสหรัฐจะตายกันหมด
ซึ่งก็ตายไปหลายรายแล้ว ตั้งแต่มีการทำข้อตกลงการค้าเสรีในอเมริกาเหนือ (NAFTA) ในปี 1994 สินค้าเกษตรจากเม็กซิโกก็ได้อานิสงค์เหมือนบุญหล่นทับ ทำเอาสัดส่วนตลาดสินค้าเกษตรท้องถิ่นของคนอเมริกัน ลดลงอย่างต่อเนื่องเพราะสู้ราคามะเขือเทศนอกไม่ไหว จากเดิมมะเขือเทศอเมริกันเคยมีส่วนแบ่งในตลาดเกิน 80% ก่อน NAFTA ปัจจุบันเหลือเพียงแค่ 30% เท่านั้น
ด้วยปัญหานี้ จึงนำไปสู่ข้อตกลงใหม่ที่เรียกว่า Tomato Suspension Agreement (TSA) ในปี 1996 ที่ตรงกับสมัยของ บิล คลินตัน โดยข้อตกลงนี้ระบุว่า เม็กซิโกต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขราคาของกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐ และ ห้ามขายมะเขือเทศต่ำกว่าราคากลางที่กำหมด มิฉะนั้นจะโดนภาษีโต้ตอบจากสหรัฐอย่างน้อย 17% ทั้งนี้เพื่อคุ้มครองเกษตรกรผู้ปลูกมะเขือเทศชาวอเมริกัน ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในรัฐฟลอริด้า
หลังจากนั้นข้อตกลง TSA ก็มีการปรับแก้ตามสถานการณ์ราคา และสภาพตลาดเรื่อยมา จนกระทั่งมาถึงในยุคของทรัมป์ 2025 ที่ออกมาฟันธงว่า ฝ่ายเม็กซิโกละเมิดข้อตกลง TSA เอาเปรียบเกษตรกรอเมริกันมาช้านานแล้ว จึงจัดการฉีกข้อตกลง TSA ที่มีมานานเกือบ 30 ปีทิ้ง และใช้กฎหมายต่อต้านการทุ่มตลาดเก็บภาษีมะเขือเทศและสินค้าเกษตรบางรายการจากเม็กซิโกเพิ่ม ถึง 20.9% ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันนี้ 14 กรกฎาคม 2025 นี้นั่นเอง
คาดการณ์ว่าจะทำให้ราคามะเขือเทศในท้องตลาดสหรัฐเพิ่มสูงขึ้นอีกราว 10% จากราคาปัจจุบันที่ 1.70 เหรียญ/ปอนด์ (60 บาท) และความต้องการมะเขือเทศจะลดลงราว 5% ซึ่งคนที่แบกรับต้นทุนราคา อาจไม่ใช่แค่ผู้ส่งออกเม็กซิโก แต่เป็นผู้บริโภคชาวสหรัฐด้วย ที่ต้องจ่ายราคาผัก-ผลไม้พื้นฐานในครัวเรือนที่สูงขึ้น
กลุ่มที่คาดว่าน่าจะ Happy ที่สุดจากภาษีมะเขือเทศของทรัมป์ ก็คือ กลุ่มเกษตรผู้ปลูกผลมะเขือในรัฐฟลอริด้า ที่เป็นฐานเสียงของทรัมป์ แต่มันจะเป็นเช่นนั้นแน่หรือไม่ ในเมื่อราคามะเขือเทศในตลาดแพงหมด คนอเมริกันก็มีสิทธิ์เลือกที่จะ "ไม่กิน" หันไปบริโภคอย่างอื่นแทนก็เป็นไปได้
ส่วนกลุ่มคนที่รับเคราะห์ที่สุด หนีไม่พ้นชาวแคลิฟอร์เนีย ที่บริโภคมะเขือเทศนำเข้าจากเม็กซิโกเกือบทั้งหมด และแคลิฟอร์เนียยังเป็นฐานการผลิตมะเขือเทศแปรรูป อาทิมะเขือเทศกระป๋อง ซอสมะเขือเทศสำเร็จรูป และ ซอสปรุงรสอื่นๆ ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐ เป็นสินค้าที่มีมูลค่าการส่งออกมากกว่ามะเขือเทศสดนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้านหลายเท่า
ดังนั้น สงครามมะเขือเทศของทรัมป์ อาจสร้างความปั่นป่วนในสหรัฐมากกว่า แค่เรื่องบนโต๊ะอาหารในระดับครัวเรือนอเมริกัน แต่อาจไปไกลถึงระบบห่วงโซ่อุปทานในวงกว้าง และยังสะท้อนความจริงที่ว่า ลัทธิบริโภคนิยม และ การนำกระแสการค้าเสรีของรัฐบาลสหรัฐ มักจะย้อนกลับมาทำร้ายคนอเมริกันด้วยกันเอง ไม่ทางใด ก็ทางหนึ่ง
****************
ติดตามบทความของ "หรรสาระ" เพิ่มเติมได้ที่
Facebook - หรรสาระ By Jeans Aroonrat
Twitter - @HunsaraByJeans
Blockdit - หรรสาระ By Jeans Aroonrat
แพลทฟอร์มคุณภาพ ไม่ปิดกั้นการมองเห็นเนื้อหา
****************
แหล่งข้อมูล
โฆษณา