จุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดต้องย้อนกลับไปที่ชายผู้เป็นทั้งผู้ก่อตั้งและจิตวิญญาณของบริษัท เขาคือ Lei Jun ชายผู้ได้รับการขนานนามว่าเป็น Steve Jobs แห่งประเทศจีน
ภาพจำของ Lei Jun ในช่วงแรกคือการแต่งกายที่ถอดแบบมาจาก Steve Jobs ไม่ว่าจะเป็นเสื้อคอเต่าสีดำ กางเกงยีนส์ ไปจนถึงการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง
กลยุทธ์ของ Xiaomi ในยุคบุกเบิกตลาดสมาร์ทโฟนนั้นตรงไปตรงมา คือการเรียนรู้จากผู้นำอย่าง Apple แต่เลือกที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ในสเปกที่ใกล้เคียงกัน ในราคาที่จับต้องได้ง่ายกว่ามาก
แนวทางนี้ส่งผลให้ Xiaomi ทะยานขึ้นมาเป็นผู้ผลิตมือถือรายใหญ่อันดับสามของโลกได้อย่างรวดเร็ว แต่วิสัยทัศน์ของ Lei Jun ไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น
ตลาด EV ของจีนในเวลานั้นไม่ต่างอะไรกับสมรภูมิรบอันดุเดือด มีผู้เล่นหน้าใหม่และเก่ากว่าร้อยรายที่กำลังต่อสู้เพื่อความอยู่รอด หลายบริษัทต้องเผาเงินมหาศาลและยังห่างไกลจากคำว่ากำไร
แต่สำหรับ Lei Jun เขาไม่ได้มองว่ากำลังสร้างรถยนต์ เขามองว่ากำลังสร้าง “แกดเจ็ตอัจฉริยะชิ้นที่ใหญ่ที่สุด” และเขาก็พร้อมที่จะนำตำราแห่งความสำเร็จเล่มเดิมกลับมาใช้อีกครั้ง
หลังจากประกาศการตัดสินใจครั้งสำคัญ Lei Jun ได้กล่าวว่านี่คือ “การเดิมพันทางธุรกิจครั้งสุดท้ายในชีวิตของเขา” และทุ่มเททรัพยากรทั้งหมดเพื่อสร้างรถยนต์คันแรกให้เป็นจริง
ทันทีที่เปิดตัว SU7 ก็สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งวงการ Lei Jun ใช้กลยุทธ์เดิมที่เคยใช้กับสมาร์ทโฟน นั่นคือการเทียบมาตรฐานกับแบรนด์ระดับโลก แต่คราวนี้คู่เทียบไม่ใช่ Apple แต่เป็น Porsche
ผลกระทบจากเหตุการณ์ครั้งนั้นรุนแรงกว่าที่คิด ภาพลักษณ์ของ Lei Jun ที่เคยเป็นดาวเด่นในทุกงานเปิดตัว ก็เปลี่ยนไป เขาไม่ได้ปรากฏตัวในงานแสดงรถยนต์ครั้งสำคัญในปีถัดมา
บางทีเป้าหมายที่แท้จริงของ Lei Jun อาจไม่ใช่แค่การขายรถยนต์ แต่คือการสร้างอนาคตที่โลกดิจิทัลและโลกแห่งการเดินทางหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งนั่นคือการเดิมพันที่ยิ่งใหญ่และน่าจับตามองอย่างแท้จริง