เมื่อวาน เวลา 05:48 • ยานยนต์

ทำไม Apple ล้มเหลว? แต่ Xiaomi ทำสำเร็จ เจาะลึกกลยุทธ์ Xiaomi EV ในสงครามรถยนต์ไฟฟ้า

เรื่องราวของยักษ์ใหญ่ในโลกเทคโนโลยีอย่าง Apple คงเป็นที่คุ้นเคยกันดี
บริษัทที่มีเงินสดล้นมือและทีมวิศวกรที่เก่งกาจที่สุดในโลก แต่กลับมีหนึ่งสมรภูมิที่แม้แต่ Apple ก็ยังต้องยอมยกธงขาว
นั่นคือความฝันที่จะสร้างรถยนต์ไฟฟ้าของตัวเอง โครงการลับที่ชื่อว่า Project Titan ที่ใช้เวลากว่าทศวรรษและงบประมาณมหาศาล กลับต้องจบลงด้วยความว่างเปล่า
ในขณะเดียวกัน บริษัทเทคโนโลยีจากจีนที่หลายคนเคยปรามาสว่าเป็นเพียง “นักลอกเลียนแบบ” กลับกำลังเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในสมรภูมินี้ ชื่อของบริษัทนั้นคือ Xiaomi
นี่คือเรื่องราวการเดิมพันครั้งสำคัญของบริษัทที่เริ่มต้นจากการทำสมาร์ทโฟน สู่การเป็นผู้ท้าชิงที่น่ากลัวในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ซับซ้อนและมีการแข่งขันที่ดุเดือดที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
จุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดต้องย้อนกลับไปที่ชายผู้เป็นทั้งผู้ก่อตั้งและจิตวิญญาณของบริษัท เขาคือ Lei Jun ชายผู้ได้รับการขนานนามว่าเป็น Steve Jobs แห่งประเทศจีน
ภาพจำของ Lei Jun ในช่วงแรกคือการแต่งกายที่ถอดแบบมาจาก Steve Jobs ไม่ว่าจะเป็นเสื้อคอเต่าสีดำ กางเกงยีนส์ ไปจนถึงการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง
กลยุทธ์ของ Xiaomi ในยุคบุกเบิกตลาดสมาร์ทโฟนนั้นตรงไปตรงมา คือการเรียนรู้จากผู้นำอย่าง Apple แต่เลือกที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ในสเปกที่ใกล้เคียงกัน ในราคาที่จับต้องได้ง่ายกว่ามาก
แนวทางนี้ส่งผลให้ Xiaomi ทะยานขึ้นมาเป็นผู้ผลิตมือถือรายใหญ่อันดับสามของโลกได้อย่างรวดเร็ว แต่วิสัยทัศน์ของ Lei Jun ไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น
เขาวาดฝันถึงการสร้างระบบนิเวศ หรือ Ecosystem ที่เชื่อมต่อทุกอุปกรณ์ในชีวิตประจำวันเข้าไว้ด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ ตั้งแต่โทรศัพท์ ทีวี เครื่องฟอกอากาศ ไปจนถึงสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า
และจิ๊กซอว์ชิ้นที่ใหญ่ที่สุด ที่จะทำให้ภาพฝันของเขาสมบูรณ์ ก็คือ “รถยนต์”
ปี 2021 Xiaomi ได้ประกาศการตัดสินใจครั้งประวัติศาสตร์ คือการกระโดดเข้าสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มตัว ซึ่งถือเป็นการเดิมพันที่เสี่ยงที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท
ตลาด EV ของจีนในเวลานั้นไม่ต่างอะไรกับสมรภูมิรบอันดุเดือด มีผู้เล่นหน้าใหม่และเก่ากว่าร้อยรายที่กำลังต่อสู้เพื่อความอยู่รอด หลายบริษัทต้องเผาเงินมหาศาลและยังห่างไกลจากคำว่ากำไร
การที่ผู้เล่นหน้าใหม่อย่าง Xiaomi ที่ไม่มีประสบการณ์ด้านยานยนต์เลย จะเข้ามาในตลาดนี้ หลายคนมองว่ามันคือภารกิจที่แทบจะเป็นไปไม่ได้
แต่สำหรับ Lei Jun เขาไม่ได้มองว่ากำลังสร้างรถยนต์ เขามองว่ากำลังสร้าง “แกดเจ็ตอัจฉริยะชิ้นที่ใหญ่ที่สุด” และเขาก็พร้อมที่จะนำตำราแห่งความสำเร็จเล่มเดิมกลับมาใช้อีกครั้ง
หลังจากประกาศการตัดสินใจครั้งสำคัญ Lei Jun ได้กล่าวว่านี่คือ “การเดิมพันทางธุรกิจครั้งสุดท้ายในชีวิตของเขา” และทุ่มเททรัพยากรทั้งหมดเพื่อสร้างรถยนต์คันแรกให้เป็นจริง
เวลาผ่านไปเกือบสามปี ในที่สุดโลกก็ได้เห็นผลลัพธ์ของการเดิมพันครั้งนี้ รถยนต์คันแรกภายใต้แบรนด์ Xiaomi ที่มีชื่อว่า SU7 ได้เผยโฉมต่อสาธารณชน
ทันทีที่เปิดตัว SU7 ก็สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งวงการ Lei Jun ใช้กลยุทธ์เดิมที่เคยใช้กับสมาร์ทโฟน นั่นคือการเทียบมาตรฐานกับแบรนด์ระดับโลก แต่คราวนี้คู่เทียบไม่ใช่ Apple แต่เป็น Porsche
Xiaomi นำเสนอข้อมูลเปรียบเทียบสมรรถนะของ SU7 กับรถสปอร์ตไฟฟ้าสุดหรูอย่าง Porsche Taycan ในทุกมิติ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ของรถยนต์ที่มีประสิทธิภาพสูง แต่มาในราคาที่เข้าถึงได้
กลยุทธ์นี้ได้ผลเกินคาด SU7 รุ่นเริ่มต้นเปิดราคามาเพียงประมาณหนึ่งล้านบาทนิดๆ แต่กลับมาพร้อมสมรรถนะที่น่าทึ่ง ส่วนรุ่นท็อปก็มีพละกำลังและความเร็วในระดับซูเปอร์คาร์
ยอดสั่งจองถล่มทลาย สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จในการสร้างการรับรู้และความต้องการของตลาดได้อย่างยอดเยี่ยม
แต่หัวใจสำคัญที่ทำให้ Xiaomi แตกต่างจากผู้ผลิตรถยนต์รายอื่น ไม่ใช่แค่เรื่องราคาหรือสมรรถนะ แต่มันคือสิ่งที่เรียกว่า “Ecosystem” ที่พวกเขาใช้เวลาสร้างมานานหลายปี
SU7 ถูกออกแบบมาให้เป็นมากกว่ายานพาหนะ มันคือศูนย์กลางที่เชื่อมต่อโลกของมนุษย์ รถยนต์ และบ้านเข้าไว้ด้วยกัน ภายใต้แนวคิด “Human x Car x Home”
ด้วยระบบปฏิบัติการใหม่ที่ชื่อว่า HyperOS ผู้ใช้งานสามารถควบคุมและเชื่อมต่ออุปกรณ์ Xiaomi ทั้งหมดได้อย่างราบรื่น ไม่ว่าจะอยู่ในรถหรืออยู่ที่บ้าน
คุณสามารถสั่งเปิดแอร์ในรถจากมือถือ หรือแม้แต่เช็กภาพจากกล้องวงจรปิดที่บ้านผ่านหน้าจอขนาดใหญ่ในรถ นี่คือประสบการณ์ที่บริษัทรถยนต์แบบดั้งเดิมไม่สามารถมอบให้ได้
นอกจากนี้ Xiaomi ยังเข้าใจในวัฒนธรรมของคนรักแกดเจ็ตเป็นอย่างดี พวกเขาเปิดตัวอุปกรณ์เสริมมากมายพร้อมกับตัวรถ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ทันที
แต่แน่นอนว่าบนเส้นทางที่เต็มไปด้วยการแข่งขันอันดุเดือด พายุก็ย่อมก่อตัวขึ้นได้เสมอ
ไม่นานหลังจากการเปิดตัวอย่างสวยงาม ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น อุบัติเหตุร้ายแรงที่เกี่ยวข้องกับรถ SU7 ในประเทศจีนได้สร้างคำถามตัวใหญ่ถึงความปลอดภัยของตัวรถ
เหตุการณ์นี้ได้สั่นคลอนความเชื่อมั่นและจุดประกายให้เกิดการถกเถียงถึงแนวทางการพัฒนาเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติ ที่มักจะนำซอฟต์แวร์รุ่นทดสอบมาให้ผู้ใช้ทั่วไปได้ลองใช้
ซึ่งเป็นแนวทางที่ได้รับความนิยมในกลุ่มบริษัทเทคโนโลยี แต่มีความเสี่ยงสูงเมื่อนำมาใช้กับผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในชีวิตอย่างรถยนต์
ผลกระทบจากเหตุการณ์ครั้งนั้นรุนแรงกว่าที่คิด ภาพลักษณ์ของ Lei Jun ที่เคยเป็นดาวเด่นในทุกงานเปิดตัว ก็เปลี่ยนไป เขาไม่ได้ปรากฏตัวในงานแสดงรถยนต์ครั้งสำคัญในปีถัดมา
สถานการณ์ยิ่งดูน่าเป็นห่วงมากขึ้น เมื่อมีรายงานว่าถึงแม้บริษัทแม่จะยังคงทำกำไร แต่ส่วนธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้ายังคงเผาเงินมหาศาลและขาดทุนอย่างต่อเนื่อง
คำถามสำคัญที่เกิดขึ้นคือ Xiaomi จะสามารถยืนหยัดท่ามกลางพายุลูกนี้ และพยุงธุรกิจที่ยังคงขาดทุนต่อไปได้อีกนานแค่ไหน
ท่ามกลางความท้าทายและความไม่แน่นอน Xiaomi เลือกที่จะตอบคำถามของทุกคนด้วยการกระทำ พวกเขาไม่ได้ถอย แต่กลับเดินหน้าต่ออย่างมุ่งมั่น
เพียงไม่นานหลังเกิดวิกฤต บริษัทได้เปิดตัวรถยนต์รุ่นที่สอง นั่นคือ YU7 รถยนต์ในรูปแบบ Crossover SUV ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่และเป็นที่นิยมมากกว่ารถซีดาน
การตัดสินใจครั้งนี้เปรียบเสมือนการประกาศว่าพวกเขายังคงเชื่อมั่นในการเดิมพันครั้งนี้ และพร้อมที่จะต่อสู้อย่างเต็มที่เพื่อชิงส่วนแบ่งในตลาดที่สำคัญที่สุด
เมื่อมองไปข้างหน้า อนาคตของ Xiaomi ในโลกยานยนต์ยังคงเต็มไปด้วยความท้าทาย แต่พวกเขาก็มีข้อได้เปรียบที่สำคัญอยู่ในมือ
ทั้งชื่อเสียงของแบรนด์ที่เป็นที่รู้จัก ระบบนิเวศที่แข็งแกร่งและยากต่อการลอกเลียนแบบ ห่วงโซ่อุปทานที่สมบูรณ์ในประเทศจีน และสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัทแม่
อย่างไรก็ตาม พวกเขายังคงต้องเผชิญกับคำถามเรื่องตัวตนของแบรนด์ที่ยังไม่ชัดเจน การแข่งขันที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และที่สำคัญที่สุดคือการพิสูจน์ให้ได้ว่าธุรกิจนี้สามารถสร้างกำไรได้ในระยะยาว
1
เรื่องราวของ Xiaomi EV จึงเป็นมากกว่าเรื่องราวของรถยนต์หนึ่งคัน แต่มันคือภาพสะท้อนของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรม และเป็นกรณีศึกษาที่น่าติดตามอย่างยิ่ง
ว่าท้ายที่สุดแล้ว บริษัทที่เติบโตมาจากโลกของซอฟต์แวร์และแกดเจ็ต จะสามารถปฏิวัติอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มีอายุยาวนานกว่าศตวรรษได้สำเร็จหรือไม่
บางทีเป้าหมายที่แท้จริงของ Lei Jun อาจไม่ใช่แค่การขายรถยนต์ แต่คือการสร้างอนาคตที่โลกดิจิทัลและโลกแห่งการเดินทางหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งนั่นคือการเดิมพันที่ยิ่งใหญ่และน่าจับตามองอย่างแท้จริง
References : [reuters, bloomberg, cnbc, carnewschina, theverge]
◤━━━━━━━━━━━━━━━◥
หากคุณชอบคอนเทนต์นี้อย่าลืม 'กดไลก์'
หากคอนเทนต์นี้โดนใจอย่าลืม 'กดแชร์'
คิดเห็นอย่างไรคอมเม้นต์กันได้เลยครับผม
◣━━━━━━━━━━━━━━━◢
ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA ด.ดล Blog
คลิกเลย --> https://lin.ee/aMEkyNA
รวม Blog Post ที่มีผู้อ่านมากที่สุด
——————————————–
ติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่
=========================
โฆษณา