เมื่อวาน เวลา 06:00 • ข่าวรอบโลก

อเมริกาหาทางให้ จีน “ตัดหางปล่อยวัด” รัสเซีย เรื่องเส้นทางการค้าในคอเคซัสใต้

สหรัฐฯ ประกาศความพร้อมในการแทนที่ FSB ในระเบียงเส้นทางซานเกซูร์ (Zangezur Corridor)
ทอม บาร์รัค ทูตสหรัฐฯ ประจำตุรกี กล่าวว่าบริษัทเอกชนสัญชาติอเมริกันพร้อมที่จะเช่าเส้นทางดังกล่าว (ตามที่วงกลมไว้บนภาพหน้าปก) ถนนที่ตัดผ่าน “อาร์เมเนีย” ระหว่างแผ่นดินใหญ่ของ “อาเซอร์ไบจาน” และ “สาธารณรัฐปกครองตนเองนาคีชีวัน” เป็นเวลา 100 ปี โดยที่ก่อนหน้านี้ตามข้อตกลงหยุดยิงเมื่อปี 2020 ใน “นากอร์โน-คาราบัค” ฝ่ายรัสเซียโดย FSB (หน่วยความมั่นคงกลางรัสเซีย อดีตคือ KGB) จะเข้ามาควบคุมเส้นทางซานเกซูร์ดังกล่าว
1
บาร์รัคพูดถึงข้อเสนอของสหรัฐฯ ที่จะควบคุมเส้นทางการขนส่งไปยัง “นัคชีวัน” ในการแถลงข่าวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่าง “สหรัฐ-ตุรกี” และพัฒนาความสัมพันธ์กับ “ซีเรีย” [1]
ตามคำให้สัมภาษณ์ของทูตบาร์รัคประจำตุรกีในลิงก์ด้านบน “พวกเขา (อาร์เมเนียและอาเซอร์ไบจาน) กำลังโต้เถียงกันเรื่องถนนยาว 32 กิโลเมตร แต่นี่ไม่ใช่เรื่องตลก ข้อพิพาทนี้ดำเนินมานานกว่าทศวรรษแล้ว เพียง 32 กิโลเมตรกว่าๆ ในสถานการณ์เช่นนี้ อเมริกาจะขอเข้ามาไกล่เกลี่ย (แทรกแซง) และตกลงจะรับผิดชอบเรื่องนี้เอง โดยเราจะเช่า 32 กิโลเมตรนี้ใช้เป็นเวลาหนึ่งร้อยปี แล้วทุกคนจะสามารถใช้ร่วมกันได้”
ความคิดเห็นของทูตบาร์รัคถือเป็นการยืนยันอย่างเป็นทางการครั้งแรกว่า รัฐบาลทรัมป์ได้เสนอให้บริหารจัดการเส้นทางซันเกซูร์ผ่านผู้ประกอบการเอกชนสัญชาติอเมริกัน ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นผู้ค้ำประกันหรือคนกลางในเส้นทางดังกล่าว ตามรายงานของ Middle East Eye ซึ่งเป็นสื่อเกี่ยวกับตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือที่มีฐานอยู่ที่อังกฤษ [2]
แผนของรัฐบาลทรัมป์ต่อยอดจากข้อเสนอก่อนหน้านี้ของ “สหภาพยุโรป” ที่จะมอบสิทธิ์ในการควบคุมด้านโลจิสติกส์ให้กับผู้ประกอบการอิสระที่จะแบ่งปันข้อมูลกับทุกฝ่าย โอเลเซีย วาร์ตันยัน นักวิเคราะห์จากสถาบันคาร์เนกีเพื่อสันติภาพระหว่างประเทศ เขียนไว้เมื่อต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ข้อเสนอของสหรัฐฯ จะเกี่ยวข้องกับธุรกิจอเมริกันในฐานะองค์ประกอบในการสร้างเสถียรภาพในภูมิภาคคอเคซัสใต้ คล้ายกับ “ข้อตกลงแรร์เอิร์ธในยูเครน” [3]
แหล่งข่าววงในของการเจรจาดังกล่าวเปิดเผยกับ Middle East Eye ว่าแนวคิดดังกล่าวได้รับการเสนอในตอนเริ่มต้นโดย “ตุรกี” และได้รับการอนุมัติจากทั้ง “อาร์เมเนีย” และ “อาเซอร์ไบจาน” ในเวลาต่อมา
เครดิตภาพ: carnegieendowment.org
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาโฆษกของนายกอาร์เมเนีย “นาเซลี บักดาซาร์ยาน” ได้แสดงความคิดเห็นต่อแถลงการณ์ของทูตสหรัฐฯ ประจำตุรกีว่า “อาร์เมเนียยังไม่ได้หารือและจะไม่หารือเกี่ยวกับการโอนการควบคุมดินแดนอธิปไตยของตนให้กับบุคคลที่สาม ไม่มีส่วนใดของดินแดนสาธารณรัฐอาร์เมเนียที่อยู่นอกเหนือบูรณภาพแห่งดินแดน อำนาจอธิปไตย และเขตอำนาจศาลของสาธารณรัฐอาร์เมเนีย” [4]
ซึ่งในวันจันทร์เดียวกันนั้น ในระหว่างการประชุมกับ “มาร์ก รุตเต” เลขาธิการนาโต ทรัมป์กล่าวว่า “เราได้แก้ไขปัญหาอีกประเด็นหนึ่งแล้ว นั่นคือปัญหาระหว่างอาเซอร์ไบจานและอาร์เมเนีย ดูเหมือนว่าความขัดแย้งใกล้จะยุติลงแล้ว” [5]
หลัง “สงครามนากอร์โน-คาราบัค” ครั้งที่สองเมื่อพฤศจิกายน 2020 “ปูติน” ได้ลงนามในคำสั่ง “ว่าด้วยมาตรการรักษาสันติภาพในนากอร์โน-คาราบัค”
ในคำสั่งดังกล่าวระบุว่า “เพื่อรักษาการหยุดยิง” ประธานาธิบดีรัสเซียได้สั่งการให้ FSB เข้ามาตรวจการณ์เส้นทางเชื่อมโยงการขนส่งของสาธารณรัฐอาร์เมเนียระหว่างภูมิภาคตะวันตกของสาธารณรัฐอาเซอร์ไบจานและสาธารณรัฐปกครองตนเองนาคีชีวัน ซึ่งข้อกำหนดเดียวกันนี้ระบุไว้ในแถลงการณ์เกี่ยวกับการหยุดยิงในนากอร์โน-คาราบัคในปี 2020 [6]
ปูตินเรียกผู้นำสองฝ่าย อาเซอร์ไบจาน (ซ้าย) กับ อาร์เมเนีย (ขวา) มานั่งพูดคุยเจรจากันเรื่องการหยุดยิงในพื้นที่พิพาท นากอร์โน-คาราบัค เครดิตภาพ: France24
การเปิดตัว “ระเบียงเส้นทางซันเกซูร์” จะเชื่อมโยง “จีน-เอเชียกลาง-ยุโรป” โดยไม่ต้องผ่านรัสเซีย เส้นทางนี้ยังตัดผ่านเส้นทางรถไฟที่รัสเซียวางแผนไว้เพื่อเชื่อมโยงทางด้านโลจิสติกส์ไปยังอิหร่าน (โดยไม่ต้องใช้ท่าเรือที่ต้องส่งผ่านทางทะเลบอลติกแล้วอ้อมเข้ายุโรปตะวันตก) ซึ่งรัสเซียได้เร่งสร้างเส้นทางนี้ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับอิทธิพลที่ลดลงในภูมิภาคนี้ [7]
เรียบเรียงโดย Right Style
15th Jul 2025
* แหล่งข้อมูลอ้างอิงทั้งหมดตามเชิงอรรถอยู่ในช่องความเห็นด้านล่างบทความนี้
<เครดิตภาพปก: The Economist>
โฆษณา