17 ก.ค. เวลา 07:30 • ไอที & แก็ดเจ็ต

Apple รุกหนัก HealthTech อัดฟีเจอร์ล้ำ ช่วยชีวิตคนได้ Apple Watch ตรวจจับภาวะหยุดหายใจขณะหลับ

Apple ประกาศเปิดให้ใช้งานฟีเจอร์ด้านสุขภาพเพิ่มเติม โดยเน้นสองกลุ่มหลัก ได้แก่ “ฟีเจอร์ตรวจจับภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ” (Sleep Apnea Detection) บน Apple Watch รวมถึง “ฟีเจอร์ด้านการได้ยิน” บน AirPods Pro 2 ไปยังหลายประเทศเพิ่มเติมในยุโรป เอเชีย อเมริกาใต้ และภูมิภาคอื่นๆ ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย
  • ตรวจจับ "ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ" ด้วย Apple Watch
ฟีเจอร์ตรวจจับภาวะหยุดหายใจขณะหลับนี้รองรับการใช้งานบน Apple Watch Series 9, Apple Watch Series 10 และ Apple Watch Ultra รุ่นที่ 2 โดยสามารถใช้งานได้ในมากกว่า 150 ประเทศทั่วโลก โดยผู้ใช้งานจำเป็นต้องใส่นาฬิการะหว่างนอนหลับต่อเนื่องกันหลายคืนเพื่อให้ได้การวิเคราะห์เบื้องต้น ขณะที่ข้อมูลเกี่ยวกับการหายใจผิดปกติในแต่ละคืนจะแสดงในแอป Health บน iPhone
โดย Apple Watch รุ่นที่รองรับจะใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวเล็กๆ ที่ข้อมือระหว่างนอนหลับเพื่อระบุความผิดปกติของรูปแบบการหายใจในช่วงกลางคืน และวิเคราะห์ความผิดปกติของรูปแบบการหายใจในรอบ 30 วัน หากพบสัญญาณของภาวะหยุดหายใจในระดับปานกลางถึงรุนแรง ระบบจะแจ้งเตือนผู้ใช้งานทันที พร้อมแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ นอกจากนี้ฟีเจอร์นี้สามารถบันทึกข้อมูลโดยสรุปเป็นไฟล์ PDF ที่แสดงช่วงเวลาที่อาจเกิดภาวะหยุดหายใจย้อนหลังได้ถึง 3 เดือน ทำให้แพทย์สามารถวินิจฉัยและวางแผนการรักษาได้แม่นยำยิ่งขึ้น
  • ฟีเจอร์ด้านหัวใจ ECG, การแจ้งเตือนจังหวะหัวใจผิดปกติ และประวัติภาวะ AFib
นอกจากฟีเจอร์ด้านการนอนหลับแล้ว Apple ยังได้ขยายการให้บริการฟีเจอร์ด้านสุขภาพหัวใจเพิ่มเติมไปยังบางประเทศ เช่น ฟีเจอร์ ECG และการแจ้งเตือนจังหวะหัวใจผิดปกติ (Irregular Rhythm Notifications) เปิดให้ใช้งานแล้วในอาร์เจนตินา คอสตาริกา และเซอร์เบีย และฟีเจอร์ประวัติภาวะหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว (AFib History) ในอาร์เจนตินา และเซอร์เบีย
ฟีเจอร์ AFib History ออกแบบมาสำหรับผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่ามีภาวะหัวใจห้องบนสั่นพริ้วจากแพทย์ ส่วนการแจ้งเตือนจังหวะหัวใจผิดปกตินั้นจะช่วยตรวจจับอัตราการเต้นของหัวใจที่สูงเกินไป ต่ำเกินไปหรือมีจังหวะผิดปกติ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของโรคร้ายแรง โดยปัจจุบันฟีเจอร์ ECG, Irregular Heart Rhythm Notifications และ AFib History พร้อมให้ใช้งานในกว่า 150 ประเทศทั่วโลก
  • ฟีเจอร์ “ทดสอบการได้ยิน” และ “อุปกรณ์ช่วยฟัง” บน AirPods Pro 2
ด้านสุขภาพการได้ยิน Apple ขยายฟีเจอร์ “ทดสอบการได้ยิน” (Hearing Test) และ “อุปกรณ์ช่วยฟัง” (Hearing Aid) บน AirPods Pro 2 ไปยังหลายประเทศในยุโรป เอเชีย และอเมริกาใต้ โดยผู้ใช้งานในประเทศไทยก็อยู่ในกลุ่มประเทศที่เริ่มใช้งานฟีเจอร์เหล่านี้ได้แล้วเช่นกัน
สำหรับการทดสอบการได้ยินสามารถใช้งานได้เมื่อเชื่อมต่อ AirPods Pro 2 เข้ากับ iPhone ที่ใช้ iOS 18.1 ขึ้นไป หรือ iPad ที่ใช้ iPadOS 18.1 ขึ้นไป โดยแบบทดสอบนี้จำลองการตรวจการได้ยินที่พบในคลินิกผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเล่นเสียงความถี่และระดับต่างๆ ผ่านหูฟัง แล้วให้ผู้ใช้งานแตะหน้าจอ iPhone เมื่อได้ยินเสียง โดย Apple ทดสอบใน 4 ความถี่หลัก ได้แก่ 500Hz, 1kHz, 2kHz และ 4kHz โดยมีเกณฑ์การประเมินผลดังนี้:
- น้อยกว่า 25 dBHL: การได้ยินปกติหรือใกล้เคียงปกติ
- 26–40 dBHL: สูญเสียการได้ยินระดับเล็กน้อย
- 41–60 dBHL: สูญเสียการได้ยินระดับปานกลาง
- 61–80 dBHL: สูญเสียการได้ยินระดับรุนแรง
- มากกว่า 80 dBHL: สูญเสียการได้ยินในระดับรุนแรงมาก (รุนแรงสุด)
  • รุกหนัก HealthTech
การขยายฟีเจอร์สุขภาพในอุปกรณ์ของ Apple ไม่ได้เป็นเพียงแค่การยกระดับประสบการณ์ผู้ใช้งาน แต่ยังสะท้อนถึงเป้าหมายระยะยาวของบริษัทในการสร้าง “Ecosystem” ด้านสุขภาพที่เชื่อมโยงข้อมูลจากอุปกรณ์ต่างๆ เข้ากับบริการสุขภาพแบบองค์รวมในอนาคต
Apple มองว่าข้อมูลสุขภาพที่แม่นยำและเชื่อถือได้ คือ “สินทรัพย์ใหม่” ที่มีมูลค่าสูง และสามารถต่อยอดไปสู่บริการระดับพรีเมียม การดูแลเฉพาะบุคคล (Personalized Care) และความร่วมมือกับภาคการแพทย์ที่ได้ลงทุนมหาศาลก่อนหน้านี้ ซึ่งจะกลายเป็นหนึ่งในเสาหลักทางธุรกิจของ Apple ในโลกยุคหลัง iPhone อย่างแท้จริง
อ้างอิงข้อมูล Apple1 , Apple2
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -
โฆษณา