🖊️บริษัท เมพ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) : MEB📖
📊มาดูแนวโน้มตัวเลขในงบกำไร-ขาดทุน 10 ไตรมาสย้อนหลัง ของ ‘MEB’ กันบ้าง
📌ในช่วง 10 ไตรมาสที่ผ่านมา ทั้งรายได้ กำไรขั้นต้น กำไรจากการดำเนินงาน และกำไรสุทธิ ยังคงเติบโตดีเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกัน โดยเฉพาะรายได้รวมมีแนวโน้มการเติบโตอย่างชัดเจนเกือบทุกไตรมาส การสร้างรายได้ไตรมาสละ 500 ล้านบาท และกำไรสุทธิในระดับไตรมาสละ 100 ล้านบาท
อาจเป็นฐานเฉลี่ยสำหรับการประเมินมูลค่าแบบอนุรักษ์นิยมได้โดยไม่คำนึงถึงการเติบโตในอนาคต
📌GPM เฉลี่ยประมาณ 31-32% : ถือว่าดีทีเดียว น่าจะเป็นธุรกิจที่มี Moat ในระดับหนึ่ง (ขึ้นอยู่กับแต่ละอุตสาหกรรม) มีอำนาจต่อรองคู่ค้า-ลูกค้าพอสมควร ตลอด 7 ปีย้อนหลังที่ผ่านมาบริษัทสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นได้สูงกว่า 30% สม่ำเสมอ
📌NPM เฉลี่ยประมาณ 20% : ถือว่าสูงและน่าพอใจมากๆ ถ้าบริษัทรักษาอัตรานี้ไว้ได้ในระยะยาว (แล้วทำไมบริษัทอื่นๆในไทยที่ขาย E-Book หลายๆบริษัทยังขาดทุนอยู่) ‘MEB’ จะเข้าข่าย "The Winner Take Most" หรือเปล่า? ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดที่สูงที่สุดในไทย เมื่อวัดจากรายได้ กำไร และยอดใช้จ่ายของลูกค้า
📌SG&A to Sale เฉลี่ยประมาณ 7% : เป็นธุรกิจที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่ำมากๆอีกธุรกิจหนึ่ง น่าจะดี ส่วนใหญ่น่าจะเป็นค่าใช้จ่ายด้านการดูแล ปรับปรุง พัฒนา Platform และพนักงาน การอยู่ในฐานะบริษัทย่อยของเครือเซ็นทรัล (CRC) คงช่วยต่อยอดและประหยัดค่าใช้จ่ายหลังบ้านได้พอสมควรในระยะยาว
📌ทั้ง GPM, NPM และ SG&A เดี๋ยวต้องลองนำไปวิเคราะห์เปรียบเทียบกับธุรกิจที่ใกล้เคียงกันในต่างประเทศอีกครั้ง
📌ด้านกระแสเงินสดจากการดำเนินงานก็ดีมาก เป็นบวกทุกปี ทุกไตรมาส สะท้อนให้เห็นเงินที่ไหลเข้าบริษัทจริงๆ เฉลี่ยไตรมาสละ 100 ล้านบาท
📌กระแสเงินสดอิสระ เป็นบวกทุกไตรมาส เฉลี่ยไตรมาสละประมาณ 90 ล้านบาท
📌ลองสังเกตดีๆจะเห็นว่า กำไรสุทธิ กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน และกระแสเงินสดอิสระ เฉลี่ยๆรายไตรมาส ละ 100 ล้านบาท พอๆเท่าๆกันเลย อาจแสดงให้เห็นว่าธุรกิจของ ‘MEB’ วงจรเงินสดดีมากๆ ทำธุรกิจแล้วรับเงินก่อน รับเงินเร็ว
กำไรสุทธิส่วนใหญ่เข้าบริษัทเต็มๆแล้วจะเอาไปทำอะไรก็ได้ เก็บไว้ก็ได้ จ่ายเงินปันผลก็ได้ สร้างการเติบโตใหม่ๆก็ได้ เพราะหนี้สินแทบไม่มีเลย แถมไม่ต้องลงทุนอะไรหนักๆในช่วงนี้ เรียกว่าเงินสดล้นบริษัท และธุรกิจก็สร้างกระแสเงินสดไหลลื่นเข้ามาเติมให้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
✴️ถ้าอนาคตไม่แย่ลง เดินทางไปได้เรื่อยๆ สร้างกำไรสุทธิระดับ 400 ล้านบาทขึ้นไปต่อปี เป็นฐานในการลองประเมินมูลค่าแบบไม่มองอนาคตมากนัก
✴️ส่วนราคาหุ้นตอนนี้จะถูกหรือแพง คงต้องหาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อประกอบการประเมินมูลค่าอีกหน่อย
✴️ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแนะนำการลงทุนนะครับ และผมไม่มีหุ้น (อย่างน้อยก็ในตอนนี้) ต้องตัดสินใจกันเอง
ขอให้มีความสุขกับการลงทุน ในทุกๆวันนะครับผม 😊
📊ทิ้งท้ายด้วยข้อมูลจากงบการเงินล่าสุด ไตรมาสที่ 1/2025
🔷มูลค่าการขาย : 626 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 6% YoY) เป็นรายได้ก่อนหักส่วนแบ่งกับเจ้าของผลงาน
🔷รายได้รวม : 571 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 9% YoY) เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของรายได้การขายหนังสืออิเล็กทรอนิกส์บนแพลตฟอร์ม meb, Hytexts และ Hibrary โดยเป็นรายได้ก่อนหักส่วนแบ่งให้กับเจ้าของผลงาน แบ่งเป็น
🔸 หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Book) : 494 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 6% YoY) คิดเป็นสัดส่วน 87% ของรายได้รวม
🔸 แพลตฟอร์ม readAwrite : 30 ล้านบาท (ไม่โต เท่าๆเดิม) คิดเป็นสัดส่วน 5% ของรายได้รวม
🔸 แพลตฟอร์ม lunarwrite, E-Buffet, Audio Book และ E-Reader : 35 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 40% YoY) คิดเป็นสัดส่วน 6% จากรายได้รวม การเติบโตหลักๆมาจากยอดขายเครื่องอ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Reader) ที่ได้รับความนิยมในกลุ่มนักอ่านอย่างต่อเนื่อง
🔷ต้นทุนขาย : 387 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 9% YoY) คิดเป็นสัดส่วน 69% จากรายได้รวม มีสาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าตอบแทนสำนักพิมพ์และนักเขียน
🔷กำไรขั้นต้น : 173 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 4% YoY), GPM=31% / GPM ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว จากการจัดโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นยอดขาย
🔷ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร : 40 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 8% YoY), SG&A to Sale = 7% / สาเหตุหลักมาจาก ค่าใช้จ่ายผลประโยชน์พนักงานที่เพิ่มขึ้น เพื่อรองรับการขยายธุรกิจตามแผนงานที่วางไว้
🔷กำไรจากกิจกรรมดำเนินงาน : 144 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 8% YoY) คิดเป็นสัดส่วน 25% จากรายได้รวม
🔷กำไรสุทธิ : 114 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 9% YoY), NPM = 20%
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
