21 ก.ค. เวลา 03:26 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

บักเจมส์ เชิร์จเวิร์ด โกหกสิ่งใดบนแผนที่โลกของเขาในศตวรรษที่19???(4.7)

ทวีปมู (Mu) หรือ รีมูเลีย (LeMUria) ก็เห็นพ้องต้องกันครับว่า อาณาจักรที่เก่าแก่ยืนนานที่สุดในโลกที่เป็นอารยธรรมของ"มนุษย์โลก"จริงๆนั้น คือ มู:ทวีปแห่งมารดรคือ นครอันตธานที่จมหายลงใต้ทะเลแปซิฟิกใต้เมื่อกว่า ๑๓,๐๐๐ ปี เราทั้งหลายได้รู้เรื่องราวจากจารึก นาอะคัล ที่ค้นพบในอินเดีย อันที่จริง จารึกแห่งนาอะคัลนี้ เขียนโดยสัญลักษณ์และอักขระนากา (Naga) จากตำนานกล่าวกันว่า “เขียนขึ้นที่แผ่นดินมู จารึกนี้ ได้ถูกนำเข้ามาที่พม่าก่อน แล้วจึงนำมาที่อินเดีย มีอายุเก่าแก่ประมาณ ๑๕,๐๐๐ ปี”
จุดจบ คือจุดเริ่มต้น และ จุดเริ่มต้น ก็คือจุดจบ หลังจากจุดจบทวีปมูเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ของอารยธรรมจุดต่าง ๆ ในโลกยุคหลังของผู้รอดจากภัยพิบัติ สายสัมพันธ์บรรพบุรุษ กำเนิดแม่น้ำคงคา
เริ่มต้นขอนำตำนานสำนวนหนึ่งของชาวอินเดียต่อแม่น้ำคงคา จากหนังสืออินเดีย แผ่นดินมหัศจรรย์ ผู้เขียนคือ คุณอรุณ เฉตตีย์ในอดีตนั้นมีฤาษีกปิละ ซึ่งบำเพ็ญเพียรอยู่บนภูเขาหิมาลัย อยู่มาวันหนึ่งพวกโอรสของท้าวสักกะกษัตริย์แห่งอโยธยาออกตามม้าที่หายไป เมื่อมาพบม้ายืนอยู่ข้างพระฤาษี ก็เลยยัวะ! ตะโกนด่าและแกล้งท่านต่าง ๆ นา ๆ จนท่านตบะแตก
จ้องมองไปที่กลุ่มเจ้าชาย เกิดไฟเผาผลาญเจ้าชายกลายเป็นเถ้าถ่าน และสาปสำทับไว้ไม่ให้ไปผุดไปเกิด จนกว่าจะได้มีโอกาสสัมผัสกับแม่น้ำคงคา
ฤาษีกปิละใช้ตาไฟเผาผลาญโอรสของท้าวสักกะ บางตำราก็เรียกว่า “ท้าวสคระ”
ต่อมาท้าวภคีรส ผู้สืบเชื้อสายจากท้าวสักกะปฐมกษัตริย์ ซึ่งมีความเศร้าโศกเสียใจมากที่บรรพบุรุษของตนโดนสาปเช่นนั้น จึงบำเพ็ญตบะอย่างแรงกล้า เพื่อขอพรพระอิศวร (พระศิวะมหาเทพ) ให้ช่วยวิงวอนแม่น้ำคงคาให้ไหลหลั่งลงมาสู่แผ่นดินเป็นการชำระบาปของผู้ที่ต้องคำสาป และแล้วพระแม่คงคาก็เห็นใจ ยอมหลั่งสายน้ำจากเขาไกรลาสลงสู่พื้นดิน เพื่อชำระอัฐิของพวกโอรสและมนุษย์ทั้งหลายให้พ้นมลทิน นี่คือ ตำนานกำเนิดสายน้ำคงคาอันศักดิ์สิทธิ์สำนวนหนึ่ง
ภาษา สัญลักษณ์ รหัสวิทยา ภาษาโบราณ บันทึกของทวีปมู เริ่มจากดอกบัวเป็นตัวแทนของทวีปนี้เสมอ และทุกที่ในอาณาจักร และอาณาจักรลูก
ดอกบัวเป็นสัญลักษณ์ที่ใช้กันมานานประมาณ 50,000 – 30,000 ปีมาแล้ว บนทวีปมู หมายถึง อาณาจักรมู สื่อเป็นภาษาภาพของอาณาจักร รวมสัญลักษณ์ตราราชวงศ์ และบางสิ่งที่ลึกซึ้งกว่านั้น คือศาสนธรรมโบราณ
แผนที่โบราณ
ท่านฤาษีวาลมิกิ (Valmiki) นักปราชญ์ นักโบราณคดีของอินเดีย ผู้รจนารามายณะ หรือ รามเกียรติ์ ระหว่าง พ.ศ. ๑๐๐ – ๒๐๐ ท่านวาลมิกิผู้ได้รับการถ่ายทอดเรื่องราวจากการอ่านบันทึกโบราณของวัด โดยนักบวชผู้สูงศักดิ์แห่งวัดริชี (Rishi) ที่เมืองอโยเดีย (Ayhodai) กล่าวถึงนักบวชนาอะคัลว่า “มาสู่พม่าจากแผ่นดินเกิดของพวกเขา ซึ่งอยู่ทางตะวันออก”
จากนั้นเหล่านักบวชนาอะคัล (Naacal) นำความรู้วิทยาการต่าง ๆ ศาสนาโบราณ การบูชาเทพเจ้าดวงอาทิตย์มาสู่มายา, ไอยคุปย์ (ตอนเหนือ), อารยัน (ก่อนชาวอารยันเปลี่ยนชื่อเป็นวิษณุเทพ เมื่อครั้งลงมาอยู่ชมพูทวีป) นักบวชนาอะคัลดังกล่าวเข้าสู่อินเดีย และไอยคุปย์อาณาจักรตอนเหนือ โดยการเผยแพร่ศาสนาโบราณ และคัมภีร์อันศักดิ์สิทธิ์ และไอยคุปย์ (ตอนใต้) ในขณะที่ ซาอีร์ ปฏิบัติตามศาสนธรรมของโธท (Thoht) บูชาเทพโอซิริส ขณะเดียวกัน ชาวทวีปมูกลุ่มหนึ่งอพยพไปอยู่ที่ยูคาตัง เม็กซิโก และสร้างวิหารพีระมิดขึ้นจารึกว่า
“เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่แผ่นดินตะวันตก ที่ซึ่งเราจากมา” รวมถึงพีระมิดแห่งเม็กซิโก ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองเม็กซิโก ซิตี้ (Mexico City) คำจารึกของพีระมิดกล่าวไว้ว่า “พีระมิดถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสาวรีย์แด่การล่มสลายของแผ่นดินแห่งตะวันตก” ลักษณะวิหารพีระมิดที่เป็นอารยธรรมเมโสอเมริกา แถบทวีปอเมริกากลาง รวมทั้งบันทึกการล่มสลายของแผ่นดินทวีปมู ที่รู้จักกันว่าคือชนเผ่ามายา
ประโยชน์ส่วนหนึ่งของวิหารพีระมิด ใช้เพื่อนักบวชประกอบพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ เพื่อบูชาเทพเจ้าดวงอาทิตย์ รา, รามู เทพเจ้าสูงสุด และประเพณีต่างๆ ที่มาจากที่เดียวกัน
การนับถือเทพเจ้าดวงอาทิตย์เป็นสิ่งสูงสุดของชาวอารยัน, มายาในยูคาตัง, ไอยคุปย์โบราณ ล้วนมาจากมาตุภูมิที่เรียก รา-มู สัญลักษณ์ผู้สร้าง นารายาณะ พยานาค ๗ เศียร ความรู้เกี่ยวกับตำนานการสร้างโลก การกำเนิดจักรวาล และที่โมเสสถอดมาจากภาษาฮีโรกริฟริกในไอยคุปย์ ลงสู่คัมภีร์เอซรา (Ezra) แล้วแปลลงเป็นภาษาฮิบรู เป็นพันธสัญญาเก่า และพันธสัญญาใหม่ในบทการสร้างโลก (Genesis)
ต่อจาก นิตยสาร ศิลปวัฒนธรรมเลยนะครับ และจากบล้อกที่ผ่านมาของผู้เขียน
ในข้อความของย่อหน้าที่สองของเวบ ผู้เขียนบทความกล่าวว่า
เทพองค์นี้เป็นที่นับถือสูงสุดของชนเผ่าต่าง ๆ ที่พูดภาษาในตระกูลอินโด-ยุโรเปียน และเรียกตัวเองว่า “อารยัน” ต่อมาเมื่อเผ่าเหล่านี้ได้กระจัดกระจายเข้าไปอยู่ในยุโรปและอินเดีย
“แม่ทัพสวรรค์” องค์นี้กลายเป็น Zeus/Jupiter ของชาวกรีก/โรมัน Thor ของชาวเยอรมัน และสแกนดิเนเวีย และ Indra ของอินเดีย
ถ้าพิจารณาจากย่อหน้าทั้งสองนี้ในศิลปะวัฒนธรรม จะทำให้เราทราบถึงบุคลิกลักษณะคาแรกเตอร์ของพระอินทร์ ดังต่อไปนี้
1) เป็นเทพที่ถูกนับถือสูงสุดของชนเผ่าต่างๆที่อยู่ในบริเวณเอเชียกลาง นั่นคาดเดาว่าน่าจะคือ ชาวอิหร่าน อาร์เมนอยด์ ที่เรียกว่าชาวทราวิท หรือ ชาวดราวิเดียนนะครับ(ในภายหลังที่ชาวอารยัน-นอร์ดิกอพยพตามลงมา)
2) อยู่ในยุคก่อนประวัติศาสตร์ และพูดภาษาตระกูลอินโด ยูโรเปียนด้วย
3) เรียกตนเองว่า ชาวอารยัน ที่แปลว่า ผู้มีอารยธรรม หรือแปลว่า ผู้นำความเจริญมาให้ แต่ในตอนท้ายบทความกลับบอกว่า ถึงแม้จะเรียกตนเองเช่นนั้น แต่เมื่อตอนที่เข้ามายังอินเดียใหม่ๆ ก็ไม่ปรากฏเป็นที่แน่ชัดว่าได้นำความเจริญอย่างไรมาสู่อินเดียเลย เนื่องจากพวกตนก็ยังมีสภาพเหมือนกับชนเผ่าเร่ร่อนอยู่
เทพอินดรา (Indra)ในคัมภีร์พระเวท ของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ที่อยู่ในช่วงเวลา4000BC-2500BC นั้นทรงช้างที่มีถึงสี่ศรีษะเลยครับ ก่อนที่พระองค์จะหันมาเป็นพุทธมามกะในพุทธศาสนา
เริ่มสังเกตเห็นถึงความขัดแย้งกันไหมครับ ข้อ1)กับข้อ3) กับคาแรกเตอร์ตัวละครที่มีนามว่า พระอินทร์ กับ ชาวอารยันนี้?
ผู้เขียนบล้อกก็เห็นด้วยและเข้าใจว่า ทำไม ผู้เขียนบทความศิลปวัฒนธรรมท่านนั้น จึงเขียนและวิเคราะห์ออกมาเช่นนั้น ถ้าชนเผ่าที่นับถือพระอินทร์อันอ้างตัวว่าเป็นชนเผ่าผู้มีอารยะอย่างนั้น เข้าไปในกรีกและยุโรปก่อนอินเดีย ทำไมพวกเขาจึงไม่สร้างภาษาเขียน
ใช้ขึ้นมาเลยในกรีก และสแกนดิเนเวีย จะต้องรอให้เวลาล่วงมาจนกระทั่งถึง 4,000BC พร้อมๆกับ ชาวสุเมเรียนหรือ?? และทำไม จะต้องเจาะจงมาประดิษฐ์ภาษากันที่อินเดียด้วยล่ะครับ ?? ทำไมไม่ประดิษฐ์ใช้กันเลย ตั้งแต่อยู่กรีซแล้ว มีภาษาพูดก็มีใช้กันแล้ว แถมยังบอกว่าตนเป็นพวกมีอารยะเสียด้วยแน่ะ
ข้อนี้ ผู้เขียนเข้าใจที่ผู้เขียนบทความท่านนั้นเขียนและวิเคราะห์เช่นนั้นออกมา นั่นก็อาจจะเป็นเพราะสาเหตุที่พวกเขาไม่ได้เข้าไปยังกรีซและสแกนดิเนเวียจริงๆ
4) มีมายาวนานก่อนอารยธรรมแอตแลนติส และอินเดีย ดังนั้น เมื่อชนเผ่านี้ เข้าไปในแอตแลนติสและอินเดีย นามของพระอินทร์จึงเปลี่ยนไป กลายเป็น ซีอุส ทอร์ และอินดราตามลำดับ
บุคลิกลักษณะคาแรกเตอร์ของเทพพระอินทร์ ในข้อ1)กับข้อ 3) ที่มีลักษณะเกือบจะตรงกัน ยกเว้นท้ายประโยคของข้อ3) (เรารับรู้มาจากตำราแล้วว่าในปัจจุบันมีชาวอารยันอพยพเข้ามาสามพวกที่อินเดีย คือ ชาวชาวอารยันเมดิเตอร์เรเนียน ที่ปัจจุบันได้กลายไปเป็นชาวอารยันทราวิฑ หรือเรียกว่า ชาวมิลักขะ เป็นพวกจัณฑาล
อารยันอาร์มินิดส์ กับ อารยันนอร์ดิก) จึงทำให้เชื่อได้ว่า บทความนี้เป็นอีกชิ้นหนึ่งที่ผู้เขียนเชื่อว่า ถูกทำให้เราเข้าใจ(จากฝรั่ง)ว่า พระอินทร์ คือ เทพที่อยู่ในเผ่าชาวทราวิท(จริงๆคือพวกอาร์เมนอยด์) ที่ได้อพยพมาจากบริเวณเอเชียกลาง ซึ่งล้วนแล้วแต่โกหกทั้งสิ้นทั้งเพครับ โกหกอย่างไรล่ะ ?
เราลองมาพิจารณากันต่อกับบุคลิกลักษณะ ข้อ 2)ประการเดียว ซึ่งมีสิ่งที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย
ที่ระบุว่า ชนเผ่าอันนับถือพระอินทร์เป็นหัวหน้าชนเผ่านี้นั้น มีชีวิตโลดแล่นอยู่ในช่วงยุคก่อนประวัติศาสตร์ หนำซ้ำยังมีภาษาพูดของตนเองด้วย คือภาษาที่เค้าจัดให้อยู่ในตระกูล อินโด -ยูโรเปียน หรือ โปรโต-อินโด-ยูโรเปียน นั่นไงครับ!!!! (บางตำราใช้ โปรโต นำหน้าด้วย อยู่ในตระกูลภาษาเดียวกันนั่นล่ะ)
ยุคก่อนประวัติศาสตร์ เริ่มต้นเมื่อช่วงเวลาประมาณ* 3.3ล้านปีBC (ขณะที่บางตำราระบุช่วงเวลาที่2.5ล้านปีลงมา แต่ตัวเลขที่3.3ล้านปี เป็นการเริ่มมีการพบหลักฐานค้นพบอาวุธหินที่ประเทศเคนย่า ก็จะใช้ช่วงเวลานี้เลยนะครับ เป็นเวลาล่าสุดในการอ้างอิง)จนกระทั่ง ถึงช่วงเวลาที่มนุษย์เริ่มที่จะมีการใช้ตัวอักษรกัน เพื่อจะบันทึกลายลักษณ์อักษร
อันก้าวข้ามมาถึงยุคที่เรียกว่า ยุคประวัติศาสตร์ ซึ่งนักวิชาการต่างระบุตัวเลขไว้เริ่มที่ราวๆเมื่อ4,000BC นั่นคือ ช่วงเวลาการก่อเกิดอารยธรรมเมโสโปเตเมียนั่นเอง ที่มีการประดิษฐ์อักษรลิ่ม หรือ อักษรคูนิฟอร์มบนแผ่นจารึกดินเหนียวของชนชาวสุเมเรีย ที่บริเวณลุ่มแม่น้ำไทกริส-ยูเฟรติส ที่ประเทศอิรัคในปัจจุบันครับ
ยุคก่อนประวัติศาสตร์ เริ่มต้นที่ประมาณ3.3ล้านปี BC อันเป็นช่วงเวลาที่มนุษย์เริ่มรู้จักเรียนรู้ใช้เครื่องมือหิน และสิ้นสุดในราวๆ4000BC ทำให้ก่อเกิดอารยธรรมสุเมเรียน
เมื่อพระอินทร์หรือท้าวสักกะ อันเหมือนจะเป็นชาวอาร์เมนอยด์ในบทความนี้ครับ อยู่ในชนเผ่าเร่ร่อน (แต่อาจจะไร้ตัวตนนะครับ เพียงแต่อยู่ในฐานะของเทพที่มีการนับหน้าถือตากันในเผ่า) ในบริเวณเอเชียกลาง ของยุคก่อนประวัติศาสตร์ คืออยู่ในช่วงระยะเวลาประมาณ3.3ล้านปี BC ถึง 4,000BC โดยประมาณนี้ และพูดภาษาตระกูลโปรโต-อินโด-ยูโรเปียนด้วย แต่ทว่ายังไม่สามารถจดบันทึกอะไรได้ เนื่องจากยังไม่มีภาษาเขียนเป็นชิ้นเป็นอัน
ลองนึกภาพตามและลองวิเคราะห์กันไปเลยนะครับ กับบุคลิกลักษณะของพระอินทร์ตามข้อมูลบทความชิ้นนี้กับข้อ2)
ยีนส์การพูดของมนุษย์ ที่เรียกว่า ยีนส์ FOXP2 เริ่มมีกันแล้วนะครับในตัวเรา เมื่อประมาณ 50,000 BCโน่นครับ แสดงว่า มนุษย์ในยุคก่อนประวัติศาสตร์ รวมถึงเผ่าที่นับถือบูชาเทพพระอินทร์หรือท้าวสักกะเผ่านี้ด้วย อาจจะมีภาษาพูดเพื่อใช้สื่อสารเจรจากันแล้ว แต่ไม่แน่นักว่าจะใช้ภาษาตระกูลโปรโต-อินโด-ยูโรเปียน อย่างในบทความชี้แจง??
เราอาจสามารถจำกัดเวลาให้แคบลงกว่าเดิมก็ได้ครับ เพื่อจะพิสูจน์ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ ถึงการมีอยู่ของชนเผ่าที่นับถือพระอินทร์หรือท้าวสักกะนี้ ไม่ว่าจะเป็นชาวทราวิฑ เปอร์เซียหรือไม่ก็ตาม เมื่อผลการพิสูจน์และพิเคราะห์ออกมา
ที่ห้วงเวลาจำกัดลงเลยที่ประมาณ50,000BC-4,000 BC ซึ่งช่วงเวลาที่4000BCนั้น ก็ได้เริ่มต้นยุคสมัยพระเวทที่อินเดียด้วย มิใช่จะเริ่มสมัยอารยธรรมสุเมเรียนแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้นนะครับ ดังจะเห็นได้จากข้อความในย่อหน้าด้านล่างนี้ของบทความนี้ครับ ที่กล่าวถึงข้อเท็จจริงของยุคพระเวทในอินเดีย
ตำราในยุคพระเวทของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู มีความเชื่อในเรื่องเทพอินดราหรือพระอินทร์ด้วย เริ่มในระหว่าง4000BC-2500BC คือยุคพระเวท
บทความศิลปวัฒนธรรม เขากล่าวว่า
Indra (พระอินทร์) ของพราหมณ์ สมัยพระเวท (ราว 4,000-2,500 ปีก่อนปัจจุบัน) ก็เป็นแม่ทัพสวรรค์ที่ครองยอดเขาพระสุเมรุ ขี่ช้างเอราวัณ (ปุยเมฆฝน) คว้าวัชระฟาดอสูร และเที่ยวลักลอบสังวาสกับมนุษย์ผู้หญิง (ที่เป็นเมียคนอื่น) จนเกิดวีรบุรุษเช่นพระอรชุน (ในมหาภารตะ) และพญาวานรพาลี (ในรามายณะ)
ทีนี้ เรามาดูอารยธรรมที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของโลกกันบ้างครับ คือ อารยธรรมแอตแลนติส ที่ในบทความเขียนว่า เมื่อชนเผ่านี้ ที่นับถือบูชาท้าวสักกะ หรือ เทพพระอินทร์ เข้าไปยังกรีซและสแกนดิเนเวีย พระอินทร์ของพวกเขา ก็ได้กลายไปเป็น เทพซุส และ ธอร์ ทันที เมื่อพวกเขาย่างกรายเข้าไปที่นี่
ว่ามันจริงเท็จแต่ประการใดครับ ?
เอ็ดการ์ เคย์ซี นักพลังจิตชาวอเมริกัน ผู้ที่กล่าวกับสื่อมวลชนว่า ในอดีตตนนั้นก็เคยเป็นพลเมืองของอาณาจักรแอตแลนติสมาก่อน เขาเล่าว่า ในสมัยอดีตกาลโลกของเรานั้น มีอาณาจักรที่เจริญรุ่งเรือง และก็ได้ล่มสลายลงไป ตั้งแต่เมื่อ10.5ล้านปีก่อนโน่น อาณาจักรแอตแลนติส ก็เป็นอาณาจักรที่เคยรุ่งเรืองในช่วงยุค2แสนปีBC และมีอายุยาวนานถึง80,000-900,000ปีเลยทีเดียว
จนถึงช่วงเวลาประมาณ11,700BC อาณาจักรนี้ก็ได้ค่อยจมหายลงไปในมหาสมุทรแอตแลนติส ผู้คนสูญหาย กระจัดกระจายพลัดพรายไปรอบๆบริเวณ
แต่บางตำรา ก็ระบุช่วงเวลาที่อาณาจักรนี้ได้จมสูญหายลงไป จะอยู่ที่9500BC-6200BC โดยประมาณ ซึ่งก็อาจจะอนุโลมได้ว่าอยู่ในช่วงยุคโฮโลซีนได้เช่นกัน ปรากฏการณ์น้ำแข็งทั่วโลกเริ่มละลายลงนั้น ก็ได้ว่ามี
น้ำจืดจำนวนมากมายมหาศาลได้ไหลบ่าลงสู่ทะเลสาปดำ จนผู้คนรอบๆทะเลดำและทะเลเมดิเตอร์เรเนียนแถบนั้นแตกกระจัดกระจายหนีไปตั้งรกรากที่อยู่อาศัยใหม่กัน เกิดเรื่องเล่า หอคอยบาบิโลน ลวงๆขึ้นมาในภายหลัง
เนื่องเพราะอาณาจักรแอตแลนติสมันมีขนาดใหญ่ กว้างขวางมาก แม้จะมีสถานที่ตั้งอยู่ภายใต้มหาสมุทรก็ตามแต่ ว่ากันว่า มีขนาดอาณาบริเวณกว้างขวางประมาณเท่ากับประเทศลิเบียรวมกับดินแดนเอเชียไมเนอร์ทั้งหมดรวมกันเสียอีกแน่ะครับ(**ขณะที่เคย์ซีว่าอาจมีขนาดกว้างขวางเท่ากับแผ่นดินยุโรปและรัสเซียรวมกัน)
ดังนั้น โดยส่วนตัวผู้เขียนบล้อกไม่เชื่อว่า เมื่อวันเวลาในยุคโฮโลซีนมาถึงที่ตัวเลข11,700BC-12,000BCประมาณนี้ ภายในปีๆเดียว หรือขยายไปเป็นสามร้อย สี่ร้อยปีก็ตาม และ แม้มันอาจจะเขยิบมาหน่อยที่ตัวเลขประมาณ9500BCและสิ้นสุดที่6200BCด้วย
ผู้เขียน ก็ยังคิดว่ามันเร็วเกินไป อาณาจักรแอตแลนติสมันน่าจะจมลงและสูญสลายลงไปตั้งนานแล้วครับ อาจจะสักหลักแสนปีBCขึ้นไป ผู้เขียนคิดว่า อาณาจักรที่เก่าแก่ขนาดนั้น มันไม่น่าจะจมรึสูญสลายลงไปให้สายตาคนปัจจุบันรึคนรุ่นใหม่เห็นกันจะๆโต้งๆขนาดนั้นหรอกครับ ส่วนเรื่องให้สูญสลายลงไปในยุคโฮโลซีน ก็น่าจะ เพื่อจะได้สอดคล้องกับเรื่องเล่าของบาบิโลนเท่านั้นเอง
หรือผู้อ่านมีความคิดเห็น มีวิจารณาญาณอย่างไรก็สามารถโต้แย้งได้นะครับ ตอนนี้ นักพลังขแมร์ที่แทรกตัวโชว์อยากให้แชมป์กับพี่ฮุนจัดๆ อิจฉาด้วยที่พูดจาสุภาพครับๆ ไม่อยากให้มีชื่อเสียงโด่งดังกว่าพวกมันเลย ที่กดไลฟ์อะไร ก็มีแต่พวกมันทั้งนั้นแหล่ะครับ
อาจจะมีของพี่โล้นโอ้นโต้นเยอะหน่อย อาจจะมีดารา คนมีชื่อเสียงบ้าง นักข่าวบล้อกดิชงี้ครับ จริงๆไม่ต้องมีก็ได้นะครับ ก็เห็นๆกันอยู่ บางทีตัวแลนไปแปลภาษาให้เค้าฟังอีก ไปกันใหญ่เลยทีนี้ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของสปายดีไหมครับเรื่องนี้
มาดูเรื่องของเราต่อครับ
ซึ่งการที่อาณาจักรที่มีขนาดใหญ่ กว้างขวางขนาดนี้ จะจมลงหายไปใต้ทะเลภายในช่วงระยะเวลาสั้นๆนั้นมันไม่น่าจะเป็นไปได้เลย (เช่นที่บักเจมส์กล่าวอ้างกับทวีปมู ก็ไม่มีใครเชื่อเขาในเรื่องนี้นักในปัจจุบัน)
ตอนนี้ ผู้เขียนเชื่ออย่างนึงว่า เรื่องราวอาณาจักรแอตแลนติส อาจจะมีการตกแต่งขึ้นมาภายหลัง ทำนองเดียวกับทวีปมู เพื่อให้สอดคล้องกับปรากฏการ์ณน้ำแข็งทั่วโลกละลายกลายเป็นน้ำจืด ในช่วงยุคโฮโลซีน โดยเฉพาะตรงบริเวณที่น้ำจืดไหลลงในทะเลดำ ในบริเวณเมดิเตอร์เรเนียนด้วย กับเรื่องเล่าหอคอยบาบิโลน
เอามาผนวก ประสาน ร้อยเรียงเข้าด้วยกันทีหลัง ดังนั้นตัวเลขการจมลง การมีอยู่ การเกิดขึ้น รวมถึงขนาดของแอตแลนติสที่เห็นๆกันในสื่อขณะนี้ มันก็อาจจะไม่จริง นั่นแปลว่า มันอาจจะจมและสูญสลายลงไปนานแล้ว ก่อนจะถึงยุคโฮโลซีน รวมถึงความเก่าแก่ของมัน อาจจะนับย้อนไปได้เป็นหลายล้านปี
ดังนั้น ในปี11,700BC อันอยู่ในช่วงยุคโฮโลซีน
รึจะขยับมาหน่อยที่ระหว่าง9,500BC-6200BC ตามตำราบอก ผู้เขียนก็ยังตรองว่า มันเป็นตัวเลขที่ใกล้ยุคปัจจุบันมากจนเกินไป มันควรจะเขยิบขึ้นไปน่าจะเป็นหลักแสนปีBC จึงจะจมรึสูญสลายไป อย่างไรก็ดี มันก็แล้วแต่ผู้อ่านจะเชื่อนะครับ เพราะตอนนี้ผู้เขียนเน้นที่เทพพระอินทร์ ดังนั้นตัวเลขอะไรต่างๆของแอตแลนติส ผู้เขียนก็เพียงแต่ใช้ความสามารถส่วนตัวเองคาดเดาไป
เอ็ดการ์ เคย์ซีอาจจะโกหกในบางสิ่งบางอย่าง(รึอาจจะหลายสิ่งหลายอย่าง) คุณคิดว่า เขาโกหกสิ่งใดกับเรา?อาจไม่ใช่เรื่องภพชาติในอดีตของเขา ผู้เขียนเดาว่า น่าจะเป็นเรื่องช่วงเวลาการมีอยู่ของแอตแลนติสนี่ล่ะครับ และช่วงเวลาที่อาณาจักรนี้เจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุด ก็ขนาดตัวเลขที่อาณาจักรนี้ได้จมหายลงไปยังโกหกเลย นับประสาอะไรกับช่วงเวลาที่อาณาจักรนี้ถือกำเนิดและเจริญรุ่งเรืองล่ะ???
ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นนักพลังจิตก็ตาม แต่นักพลังจิตนั้น ก็สามารถหลอกลวงสาธารณะชนได้ไม่ยากเลยครับ ยิ่งมีพลังพิเศษด้วยนี่ยิ่งแล้วใหญ่ ที่เห็นๆอยู่ก็ใกล้ตัวเราไงครับเวลานี้ สาเหตุที่เขาขี้จุ๊เก่งนั้นเหรอครับ? ก็น่าจะเป็นสาเหตุเดียวกันกับบทความของผู้เขียนกำลังเขียนอยู่นี้ เกี่ยวกับตัว บักเจมส์
นั่นก็คือ ในเรื่องของการเมืองและศาสนาครับ อเมริกาในยุคนั้นๆน่าจะหลังมีประเทศใหม่ๆ และประเทศของเขากำลังจะเติบโตและกำลังจะกลายเป็นประเทศมหาอำนาจของโลกประเทศหนึ่ง การที่เขาได้ไปรับรู้เรื่องของการมีอยู่ของแอตแลนติสในอดีตนั้น มันอาจจะรบกวนจิตใจของพวกเขามาก และอยากจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของตำนานที่น่าสนใจและหอมหวลนี้นักของกรีซเค้าไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
อาณาจักรโบราณต่างๆในอดีต ไม่น่าจะเริ่มที่เวลา10.5ล้านปีBC ก่อน อย่างที่เอ้ดการ์ เคย์ซีกล่าวให้สัมภาษณ์หรอกนะครับ เพราะมีบางอาณาจักรที่ผู้คนสามารถอยู่ร่วมกับไดโนเสาร์ต่างๆได้สบาย
นั่นแปลว่า อาณาจักร อาจจะต้องมีอายุมากกว่า 65ล้านBCขึ้นไป อย่างที่สองแล้วนะครับ ที่เขาโกหก คือช่วงเวลาเริ่มต้นของอาณาจักรแอตแลนติสครับ โดยส่วนตัวแล้ว ผู้เขียนมองว่า อาณาจักรแอตแลนติสน่าจะมีความเก่าแก่ใกล้เคียงกับอาณาจักรที่ผู้คนสามารถที่จะขี่ไดโนเสาร์เล่นสบายๆแห่งนั้นน่ะ
ดังนั้น เหลือข้อมูลอีกชุดเดียว คือช่วงเวลาความเจริญรุ่งเรืองของอาณาจักรแอตแลนติส เป็นท่านล่ะ ท่านผู้อ่านจะเชื่อดีไหม?ซึ่งเขาให้มาสามข้อมูล แต่โกหกไปแล้วสองอย่าง คือช่วงเวลาที่อาณาจักรแอตแลนติส เจริญรุ่งเรืองไปจนกระทั่งล่มสลาย ในช่วงยุค***โฮโลซีนนั้นเอง คือเมื่อราวๆ11,700BC
อาณาจักรที่ผู้คนสามารถอยู่ร่วมกับไดโนเสาร์ได้สบายๆ น่าจะมีอายุที่เกินกว่า65ล้านปีBCขึ้นไป มีอยู่จริงๆบนโลกเราด้วย นั่นเรียกว่า อาณาจักรเลมูเรีย
มีบางเวบกล่าวว่า มนุษย์ดาวไลราเหล่านี้ (เค้าเชื่อว่าชาวแอตแลนติส มาจากดาวไลรา ยังไม่ทราบว่าจะจริงรึเปล่า?) ลงมาอยู่บนโลกเมื่อประมาณ50,000BCก่อน ในช่วงเดียวกับที่มนุษย์บนโลกเริ่มมียีนส์การพูดปรากฏขึ้นมาเลยครับ คือยีนส์ที่ชื่อ FOXP2นั่นล่ะ
แต่ผู้เขียนกลับมองว่า พวกชาวแอตแลนติสนี้น่าจะก่อตั้งอาณาจักรมานานก่อน50,000BCด้วย ไม่ใช่ที่50,000BCเป๊ะๆพอดีหรอกนะครับ ตัวเลขนี้มันตรงกับเวลาที่มียีนส์การพูดเกิดขึ้นมากเกินไป มันอาจจะเป็นการหลอกลวงของพวกชาวตะวันตก เพื่อให้ตรงกับเรื่องแต่งหอคอยบาบิโลนก็ได้ (และเมื่ออาณาจักรแอตแลนติสนี้ล่มสลายไป ภาษาพูดจากหนึ่งภาษา ก็ทำให้แตกต่างกันนั่นเอง เมื่อพวกเขากระจัดกระจายหนีตายกันไปรอบๆ เข้ากับเรื่องเล่าบาบิโลนเลยทีเดียว)
แม้ว่า ตอนนี้ผู้เขียนจะไม่ทราบช่วงเวลาที่อาณาจักรนี้เจริญรุ่งเรืองถึงขั้นสูงสุดว่าจะอยู่สักที่เท่าใด แต่หากตัดข้อมูลลวงๆของเอ้ดการ์ เคย์ซีออกทั้งหมดเลยสามข้อมูล ไม่เชื่อสิ่งใดเลย และไปเอาช่วงเวลาที่ไดโนเสาร์สูญพันธุ์ไปจากโลก ที่ประมาณเมื่อ 65ล้านปี BC บวกขึ้นไปอีกสักราวๆ10-30ล้านปี ในความน่าจะเป็นไปได้
อย่าลืมนะครับว่ายุค****มหาทวีปแพนเจีย นั้นอยู่ที่ประมาณ335ล้านปีBC ก่อนที่ทวีปต่างๆจะเริ่มเคลื่อนย้ายออกจากกัน จนกระทั่งมีรูปร่างหน้าตาที่เห็นในปัจจุบัน อาณาจักรแอตแลนติสน่าจะมีช่วงระยะเวลาที่มีความเจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุด อยู่ร่วมสมัยกับอาณาจักรเลมูเรียนั่นเลยก็เป็นได้ ยังมีผู้คนที่จะสามารถใช้ชีวิตและดำรงชีพกันอย่างหรูหราฟู่ฟ่ายาวนานเป็นล้านๆปี ย่อมเป็นสิ่งที่สามารถนึกถึงได้กับความจริงข้อนี้
ช่วงเวลาที่แอตแลนติสเกิดขึ้น ดำรงอยู่ และสูญสิ้นไปนี้ น่าจะเกิดก่อนที่จะมีเรื่องราวของเทพปกรณัมกรีกทั้งสิบสองตนเกิดขึ้นบนโลกด้วยครับ จะเห็นว่า มีการนำเอาทั้งตัวเทพโพไซดอน เฮอร์คิวลิส และเทพซุส เข้าไปอยู่ในเรื่องราวของเกาะแอตแลนติสด้วย โพเซดอนนั้นเป็นผู้ปกครองแอตแลนติสครับ เฮอร์คิวลิส เป็นบริเวณตำแหน่ง ส่วนเทพซุสให้รับบทบาทเป็นผู้ทำลายล้างทีหลัง
นี่ไงครับ ที่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เอดการ์ เคย์ซีพูดไม่หมด(รึไม่จริง ใช้คำนี้ก็ได้) กับสื่อในสมัยนั้น (รึสมัยไหนก็ตาม) นั่นก็คือ เรื่องของการเมืองและศาสนานั่นเองที่แฝงเร้นอยู่ในเจตนาลึกๆของเขา ความจริง แล้วในปกรณัมกรีกยังมีเทพและเทพีต่างๆอีกมากมาย
รวมทั้งเหล่าบรรดาครึ่งเทพครึ่งปีศาจอีกเป็นโขยงเลยทีเดียว ทั้งในยุครุ่นก่อน และยุครุ่นใหม่ มีมากกว่าสิบสองตนเลยเชียวครับ แต่พออเมริกาเกิดเป็นประเทศใหม่ๆขึ้นมาประเทศนึงในโลก ก็ได้มาลดลงมาให้เหลือที่สำคัญๆเพียงสิบสองตนเท่านั้น ให้เป็นนิทานเล่าสนุกๆสำหรับเด็กๆและคนรุ่นหลังไปแต่เพียงพอหอมปากหอมคอ
มาวิเคราะห์กันถึงคาแรกเตอร์ของท้าวสักกะ และเทพพระอินทร์ในนิตยสารศิลปะวัฒนธรรมกันต่อเลยนะครับ
ผู้เขียนบทความท่านนั้น กล่าวว่า เทพพระอินทร์เป็นเทพในยุคก่อนประวัติศาสตร์ และพูดภาษาตระกูลอินโด-ยูโรเปียนเสียด้วย (หมายถึงในชนเผ่าที่นับถือเค้าน่ะครับ) ยีนส์FOXP2 หรือ ยีนส์การพูดของชนเผ่ามนุษย์ เริ่มมีปรากฏตั้งแต่ราวๆ 50,000BC เป็นต้นไป แต่ผู้เขียนมองว่ากว่าที่มนุษย์จะเริ่มการพูดจาสื่อสารกันได้รู้เรื่องและเข้าใจกัน ก็คงจะน่าใช้เวลานานพอดูเลยล่ะ
อาจจะใช้เวลายาวนานเกินสองชั่วอายุคนขึ้นไปด้วยซ้ำครับ คือน่าจะในราวๆ49,800BC-49,700BC ลงมา จึงน่าจะเริ่มมีภาษาพูดในชนเผ่าของตนเองต่างๆกัน มันก็อยู่ในระหว่างยุคก่อนประวัติศาสตร์พอดีด้วยครับ คือยุคที่ยังไม่มีภาษาเขียนที่จะจดบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรกัน และชนเผ่าที่นับถือท้าวสักกะหรือเทพพระอินทร์ในบทความนี้
เป็นเผ่าหนึ่งในหลายๆเผ่าในยุคก่อนประวัติศาสตร์ ที่ใช้ภาษาพูดอันอยู่ในตระกูลอินโด -ยูโรเปียน (แต่บ้างก็เรียกว่าตระกูลโปรโต-อินโด-ยูโรเปียนนะครับ)
ผู้เขียนคิดว่า ถ้าจะให้แน่นอนเลย ในช่วงเวลาที่ราวๆ49,700BCลงมา พวกมนุษย์ในยุคก่อนประวัติศาสตร์ทั้งหลายน่าจะมีภาษาพูดในชนเผ่าตนเองที่สมบูรณ์แบบมากที่สุด ไม่ต่างอะไรจากในยุคปัจจุบันที่เราพูดเจรจากันเลยสักนิดเดียว และภาษาในตระกูลอินโด-ยูโรเปียน หรือ โปรโต-อินโด-ยูโรเปียนนี้ล่ะ ก็คงจะเกิดขึ้นมาและใช้กันในชนเผ่าที่บูชานับถือพระอินทร์ หรือ ท้าวสักกะกันแล้ว เผ่านั้นล่ะในบทความที่เขียน
ก่อนจะกระจัดกระจายเข้าไปในกรีซ สแกนดิเนเวีย ยุโรปและลงใต้มาที่อินเดียในเวลาต่อมา จากเทพสักกะ กลายมาเป็นเทพอินดราในคัมภีร์พระเวทในที่สุด
*****การใช้ม้าของชนชาติยุโรป เริ่มปรากฏเป็นหลักฐานให้พบเห็นเมื่อ 3,500BC -3,000 BC เอง ในยุคสำริด คำถามที่น่าสงสัยคือ ชนเผ่าที่นับถือพระอินทร์นั้นไปยังกรีซและยุโรปได้อย่างไร เพื่อให้ทันช่วงเวลาแอตแลนติส นั้นยังมิได้จมลงสู่ก้นทะเล
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าพวกเขาจะมีภาษาพูดเป็นของตนเองในชนเผ่าแล้ว ก็ยังไม่รู้จักใช้ม้ากัน ดังนั้น การที่บทความกล่าวว่า ชนเผ่านี้ได้กระจัดกระจายเข้าไปในกรีซและยุโรปในเวลาต่อมา พวกเขาอาจจะต้องรอถึง45,700ปี ถึงจะเรียนรู้การใช้ม้าเป็นยานพาหนะและสามารถขับขี่ได้อย่างสะดวกคล่องแคล่ว ถึงพอจะเรียกได้ว่า เป็นชนเผ่าเร่ร่อนบนหลังม้าได้ครับ
นั่นคือ การวิเคราะห์คาแรกเตอร์ของพระอินทร์ในบทความชิ้นนี้ที่ข้อ 2) และ ก็รวมถึง 4)ด้วยของผู้เขียน
ดังนั้น ถ้าหากพวกเขาจะย่างเข้ามาในทวีปยุโรป มีวิธีการเดียวเท่านั้นครับ คือจะต้องใช้ฝีเท้าของตนเองเดินเข้าไป ( หรือว่าใช้เรือ แต่ก็จะไม่เรียกว่า เป็นชนเผ่าเร่ร่อนบนหลังม้าแล้วนะครับ )ในช่วงเวลาก่อน ยุคสำริดจะเกิดขึ้น คือประมาณ4,000BC-2,700BC มาถึงแล้ว
ซึ่งเวลานี้ อาณาจักรแอตแลนติสก็ไม่น่าจะอยู่รอให้ชนเผ่านี้เข้าไปเปลี่ยนคำเรียกขานจากพระอินทร์เป็นเทพซีอุสหรือทอร์แล้วนะครับ น่าจะจมหายลงไปในมหาสมุทรก่อนเผ่านี้จะมานานเลยนับเป็นพันๆปี(ขนาดเอ็ดการ์ยังโกหกเลยว่าจมลงไปในช่วงยุคโฮโลซีน เมื่อราวๆ11,700BC)
นี่เป็นข้อผิดปกติแล้วนะครับ ประการแรกที่เห็นเด่นชัดกับคาแรกเตอร์ลวงๆของพระอินทร์หรือท้าวสักกะ ที่อ้างว่าคือ ชาวอารยัน ในบทความศิลปะวัฒนธรรมนี้
ในย่อหน้าแรกของบทความ ผู้เขียนยังกล่าวว่า พระอินทร์เมื่อลงมาที่อินเดียในเวลาต่อมาไม่นาน ก็ได้สมัครใจและเปลี่ยนใจหันมาเป็นพุทธมามกะและนับถือรับใช้พระพุทธศาสนาจนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้
ข้อเท็จจริงนี้เองล่ะครับ ที่อาจจะทำให้นักแต่งท่านนั้นไม่พอใจ จึงแต่งให้เสียใหม่ว่า พระอินทร์หรือท้าวสักกะของเรานั้นเคยเป็นของเขามาก่อน ความจริงนั้น มันไม่ใช่เลยครับ ถ้าจะพิเคราะห์ในความเป็นไปได้ต่างๆ
สรุปว่า ในความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ไม่เชื่อเรื่องพระพุทธเจ้าเป็นชาวอารยันนะครับ พวกอารยันนอร์ดิกที่มาทีหลังจะมาขับไล่เผ่าพันธุ์ของพระพุทธเจ้าให้กลายเป็นพวกมิลักขะให้ลงไปอาศัยที่ตอนใต้ของอินเดียก็ดูกระไรๆอยู่ ทั้งๆก็เป็นชาวอารยันเหมือนๆกันเลย
เช้าวันนี้ สังเกต นักพลังจิตแขมร์ส่งเสียงรบกวนแทรกเข้ามาในจิตผู้เขียนตั้งแต่ตีห้า คล้ายๆพยามทำสงครามประสาทแบบพวกเขมร จุดประสงค์ที่มันทำให้รู้สึกโมโห ผู้เขียนขอคิดก่อน คุณผู้อ่าน ก็ทราบบ่อยๆใช่ไหม ว่าพวกมันจะเล็งโจมตีที่แม่ของผู้เขียน
โดยอ้างว่า ทำเพื่อในหลวง เพื่อให้ผู้คนชื่นชมว่าทำดี คิดดี ถูกต้อง ทำเพื่อในหลวง (มันชอบร.เก้าแบบไอ้เจ ) แต่พอผู้เขียนโมโหล่ะ ก็เป็นเทรนด์สีฟ้า ของไอ้ฮุนเซนน่ะสิครับ เข้าทางมันเลยทีนี้ และถึงตอนนี้ ตัวพวกมันสี่ห้าตัวนี่ เคยทำหน้าที่ฝ่ายอาณาจักรที่ดีไหมครับ มันเคยประกาศบอกประชาชนบ่อยๆไหมครับ ว่า สิบแล้วๆๆๆ
 
วันๆมุ่งเอาแต่เรื่องครอบครัวคนอื่นมาเล่นเห็นเป็นของสนุกๆโดยคิดทรนงตนเองว่า มีพลังจิต รู้จิตรู้ใจคนอื่น ผู้เขียนก็ว่า สุนัขของฮุนเซน เท่านั้นนั่นแหล่ะครับ
มันเคยบอกชี้แจงกับเราไหมครับดังๆว่าตอนนี้ เก้า รึ สิบ ?มันไม่บอกอะไร รอจน....มาบอก ไปรอทำไม ปากมีสิ่งดีๆทำไมไม่รีบบอกก่อน ผู้เขียนว่าที่มันมายั่วโมโห เพราะมันชอบซิตี้ฮุนเซนล่ะกระมัง?มันไม่ได้รักพระพุทธศาสนาอะไรหรอก คนเก่งๆเค้าก็รู้ว่าบทความนี้มันใช้ได้ รึใช้ไม่ได้ ไม่ได้โจมตีพระพุทธศาสนาของเรา
จะมาอวดเก่ง รู้มาก เพียงเพราะตนเองรู้จิตรู้ใจคนอื่นนี่มันใช้ไม่ได้หรอก บางคนเค้าก็มีนะ แต่เค้าไม่ได้ใช้โจมตีครอบครัวคนอื่นเหมือนมัน นี่เป็นศิษย์ฮุนเซน ผู้เขียนว่าถ้าพวกมันไม่อิจฉา ก็อยากให้พี่ฮุนได้แชมป์แน่เลย
ผู้เขียนว่ามิใช่อะไรหรอก มันไม่อยากให้เรารู้เรื่องกามราคะของมันทั้งของพี่ริวแตดและพี่โล้นแตดด้วยนะ มันอยากให้ผู้เขียนโมโหออกสื่อออกจอเรียกเรตติ้งให้มันครับ แลนนี่นี่ล่ะตัวนึง ที่ชอบเรียกเรตให้พี่ริวแตดบ่อยๆ
ตอนนี้พวกมันกำลังน้อยอกน้อยใจอยู่ ทำไมต้องเป็น เอ็น เหม็น ทำไมมันเป็นตัวลบ แต่ผู้เขียนนี่เป็นตัวบวก ?
สังเกตอีกประการ ไอ้นักขแมร์ฮุนเซนพวกนี้ มันไม่ชอบสีแดง มันรอเวลาวันจันทร์มาเห็นไหมครับ ที่มิใช่วันอาทิตย์ มันก็มาเล่นสงครามประสาทก่อนเลย เพื่อให้ผู้เขียนโวยวาย แล้วก็เป็นเทรนด์ฮุนเซนของมันอีก
ตอนนี้ พวกมันกำลังใช้วิธีการอีกอย่างหนึ่งนะครับที่ถนัดตามประสานักพลังจิตพลังขแมร์ คือใช้ความพาลแบบนักเลงๆ ( สงสัยผัวกลาง คงมาช่วยผัวยาวด้วย )
พวกเดียวกะไอ้เจป่าวไม่รู้ เสียดายนะ ที่แตงโมให้เกียรติรายการมันขนาดนั้น ตอนนี้ มันมาแทรกในร่างและทำสงครามประสาทไปด้วย คงอยากจะได้หน้ากับปชช.นั่นล่ะ ว่าบทความนี้เป็นฝีมือของมัน
ป.ล ถึงคุณอัจฉริยะ ผู้เขียนชักสงสัยว่า พวกมันรู้จักกับไอ้นักพลังขแมร์คนนั้นรึเปล่า ที่มีชื่อย่อว่า เจ.น่ะ อยากให้รบกวนตรวจสอบให้ทีครับ
รึจะมองว่า นักแขมร์ฮุนเซนนี้ มีอารมณ์หงี่กันขึ้นมาก็ได้ครับ พักนี้ แถวบ้านผู้เขียนฝนตกบ่อยเสียด้วย (พอไม่ตกก็ว่าไม่ตก พอตกก็เริ่มหงี่กันเลยนะพวกนี้) ตะกี้มันก็แทรกแบ่บเชียร์พี่ฮุนนะครับ พี่ฮุนสีฟ้านะครับพี่น้อง ไม่ใช่แดง
ผู้เขียนมองว่า การที่เราจะรอดจากพวกพลังฮุนเซนได้ อย่างแรกเลย คือการนำพวกผู้ร้ายคดีคุณแตงโมนั้นล่ะ มาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมโดยเร็วที่สุด อย่าไปปกป้องเค้าสิครับ คุณนัน ต่อแต่ม และริวปิ้ ทั้งหลาย พวกนี้นี่แหล่ะ จะต้องเอาไปขึ้นศาลโลกเลย เดวจะมีปัญหา
คุณไม่ทำแบบนั้น ใครจะกล้าออกไปล่ะ ต่อให้มีปืน ก็ไม่กล้าจะออกไปเลย คุณก็ให้ริวปิ้กะโล้นโต้นบวชสิ มีพลังจิตกันไม่ใช่หรอครับ
* เครื่องมือหินที่ค้นพบระหว่างปี พ.ศ. 2554 ถึง พ.ศ. 2557 ที่แหล่งโบราณคดีโลเมกวี ใกล้กับ ทะเลสาบเทอร์คานาประเทศเคนยา ตรวจสอบแล้วมีอายุประมาณ 3.3 ล้านปี จัดว่าอยู่ในยุคก่อนประวัติศาสตร์ ส่วน4,000BC นั้นเป็นจุดเริ่มต้นของยุคประวัติศาสตร์ คือในอาณาจักรสุเมเรียน
** อย่าเพิ่งไปเชื่อคำพูดของเอ้ดการ์ เคย์ซีในคำสัมภาษณ์ของเขาที่ออกกับสื่อมวลชนในสมัยนั้นนะครับ เกี่ยวกับแอตแลนติส เหมือนปีที่แล้ว ที่บางตัวรู้ดี ไปประจบบอสของซูมที่อเมริกา ผลเป็นอย่างไรครับป่านนี้ ยังไม่เข็ดกันอีก ภาษีอันสูงลิบลิ่วของทรัมป์ ใครสามารถเอาลงได้ป่านนี้ แล้วพอปลายๆปี ก็มาใช้ข้าพเจ้าอีก
***ยุคโฮโลซีน (อังกฤษ: Holocene) เป็นสมัยทางธรณีวิทยาในปัจจุบัน เริ่มต้นขึ้นเมื่อประมาณ 11,650 หรือ12,000BC ปีปรับเทียบก่อนปัจจุบัน ภายหลังจากช่วงอายุธารน้ำแข็งครั้งล่าสุด ซึ่งจบลงด้วยการล่าถอยของธารน้ำแข็งโฮโลซีน
****มหาทวีปแพนเจีย (Pangaea)  มาจากภาษากรีกโบราณ แพน หมายถึง ทั้งหมด และ เจีย หมายถึง โลก เป็นมหาทวีปในมหายุคพาลีโอโซอิกและมหายุคมีโซโซอิก มหาทวีปแพนเจียก่อตัวขึ้นจากหน่วยทวีปต่าง ๆ เมื่อประมาณ 335 ล้านปีที่แล้ว ก่อนที่จะเริ่มแยกตัวกันออกเป็นทวีปต่าง ๆ อีกครั้งราว 175 ล้านปีก่อน
สังเกตไหมครับ ว่าเขาให้เกียรติกรีซและภาษากรีกถึงเพียงใด ถึงขนาดเอาไปใช้เรียกเป็นทวีปที่ติดต่อกันในอดีตว่าแพนเจีย และยังมีชื่อแม่น้ำสองสายในอิรัคนั่นด้วยครับ ก็อาจเดาได้ว่า อาณาจักรแอตแลนติส อาจจะมีมานานตั้งแต่335ล้านปีBCมาเลย จริงๆแล้วเค้าให้เกียรติเหล่าเทพครับ
***** ยุคสำริด ทั่วทั้งภูมิภาคของโลกจะเริ่มไม่เท่ากันนะครับ แต่ส่วนใหญ่จะให้อยู่ในระหว่าง 4,000BC -2,700BC เป็นยุคที่ค้นพบว่าในละแวกยุโรปและเอเชียกลาง เริ่มจะใช้ม้าเป็นยานพาหนะกันแล้ว
วิหารแห่งเทพอาร์ทีมิส หรือ เทพีไดอาน่า ถูกสร้างขึ้นครั้งแรกประมาณ700BC ก็น่าจะพอเดาได้ว่า อาณาจักรแอตแลนติสน่าจะเก่าแก่อย่างน้อยๆ700BCขึ้นไป ถึงจะจมลงไปในก้นมหาสมุทร ผู้เขียนว่ามันน่าจะเจริญรุ่งเรืองยาวนานเป็นล้านๆปีทีเดียว
****** วิหารแห่งเทพอาร์ทีมิส ถูกสร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพธิดาแห่งการล่าและสัตว์ป่า "Artemis" วิหารแห่งนี้ตั้งอยู่ในเมือง 
Euphesus ประเทศ Turkey วิหารแห่ง artemis ถูกสร้างขึ้นเมื่อ 700 BC แสดงให้เห็นว่า เรื่องราวแห่งเทพปกรณัมกรีกไปปรากฏในกรีซ คือ ตั้งแต่ราวๆ700 BC แล้ว
เทพซุสและโพเซดอน ก็น่าจะปรากฏในช่วงเวลาประมาณดังนี้ด้วย อันน่าจะเป็นช่วงที่หลังจากอาณาจักรแอตแลนติสได้จมลงสู่ก้นทะเลแล้ว ซึ่งในเรื่องราวแอตแลนติสนั้น ก็มีทั้งเทพซุส เฮอร์คิวลิส และโพเซดอนด้วยครับ (มีแอตแลนติสก่อน ค่อยมีเรื่องเทพปกรณัมกรีกตามมา)
ขอขอบพระคุณข้อมูลอ้างอิง จาก
โฆษณา