21 ก.ค. เวลา 06:52 • ประวัติศาสตร์

สงครามกรุงทรอยเคยเกิดขึ้นจริงไหม

เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ล้วนเคยได้ยินเรื่องสงครามกรุงทรอย
หนอนหนังสือ คนที่สนใจวรรณกรรมตะวันตก หรือนักประวัติศาสตร์ น่าจะเคยได้ยินเรื่องนี้ผ่านวรรณกรรมคลาสสิคเรื่อง อีเลียด และ โอดิสซี
ส่วนแฟนภาพยนตร์น่าจะรู้จักสงครามกรุงทรอยผ่านภาพยนตร์เรื่อง Troy ที่พ่อรูปหล่อ แบรด พิทท์ เป็นพระเอก
แต่เดิมนั้นด้วยความที่เนื้อหาในมหากาพย์อีเลียดและโอดิสซีเล่าถึงเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นในอดีตกาลอันไกลโพ้น มีทวยเทพชั้นนำของกรีกเข้ามายุ่มย่ามวุ่นวายกับชีวิตมนุษย์ และมีครบทุกรสทั้งรักโรแมนติก คุณธรรม ความห้าวหาญของวีรบุรุษและโศกนาฏกรรมแบบที่วรรณกรรมจะพึงมี คนจึงเชื่อกันว่านี่เป็นเรื่องแต่งตามจินตนาการของกวี เล่ากันปากต่อปากมา
จนกระทั่งมีการค้นพบซากเมืองที่เชื่อได้แน่นอนว่าคือกรุงทรอยเข้า ซึ่งในซากที่มีการสร้างเมืองทับซ้อนกันหลายชั้นนั้น มีชั้นที่มีร่องรอยการถูกเผาทำลายด้วยไฟสอดคล้องกันกับอวสานของกรุงทรอยที่มีการบรรยายไว้ในมหากาพย์
ประกอบกับมีการขุดค้นพบหลักฐานของนครรัฐในกรีกที่สอดคล้องกับชื่อนครรัฐในมหากาพย์ แสดงถึงความมีตัวตนของฝ่ายกรีกจริงๆ
ความเชื่อเลยเปลี่ยนมาเทไปในทางที่ว่า สงครามกรุงทรอยมีอยู่จริง นครรัฐกรีกเคยยกพหลพลไกรข้ามทะเลอีเจียนไปรบกับทรอย มีสงครามใหญ่ที่ยืดเยื้อยาวนานถึงสิบปี
นั่นทำให้วีรบุรุษอย่างอะคิลิส เฮกเตอร์ โอดิสซิอุส หรือสาวงามล่มเมืองอย่างเฮเลนดูจะเฉิดฉายเจิดจรัสขึ้นมาทันที
แต่แล้วเมื่อเวลาผ่านไปนักโบราณคดีร่วมสมัยกลับมีความแนวโน้มที่จะกลับไปเชื่อว่า สงครามกรุงทรอยเป็นเพียงนิยายอิงประวัติศาสตร์ที่เล่าเสริมกันปากต่อปากจนเรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา
มาดูกันว่าทำไม
เริ่มจากทรอยอยู่ที่ไหน
ตำแหน่งแห่งที่ของทรอยในภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์
ทะเลอีเจียน  ที่ตั้งของนครรัฐกรีกและทรอย
เอาเข้าจริงชื่อทรอยออกจะโหล คือไม่ได้มีเมืองชื่อนี้เพียงเมืองเดียว
แต่เมืองที่เชื่อกันว่าคือสถานที่เกิดสงครามใหญ่ในมหากาพย์นั้นอยู่บนคาบสมุทรอนาโตเลียในดินแดนที่ปัจจุบันคือประเทศตุรกี
ในแผนที่ที่แสดงข้างบนนั่นทรอยจะอยู่ตรงปลายลูกศร
ต้องตั้งหลักกันก่อนว่า มหากาพย์อีเลียดนั้นกล่าวถึงสงครามในยุคที่คาดกันว่าจะเป็นช่วงความรุ่งเรืองของยุคสำริด (Bronze Age) ตอนปลายในบริเวณทะเลอีเจียนนับเวลาถอยหลังไปราวๆ สามพันกว่าปีที่แล้ว ฟากตะวันตกของทะเลอีเจียนคือที่ตั้งของนครรัฐกรีก ฟากตะวันออกคืออาณาจักรฮิทไทต์ และใต้ลงมาที่อีกฟากของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนคืออาณาจักรอียิปต์
ไกลออกไปทางตะวันออกในบริเวณที่เรียกว่าเมโสโปเตเมียหรือที่ปัจจุบันคือประเทศอิหร่านและอิรักก็ยังมีซูเมอร์ บาบิโลนและอะเคเดีย
นครรัฐและอาณาจักรเหล่านี้มิได้ต่างคนต่างอยู่ วันดีคืนร้ายก็รบพุ่งชิงทรัพยากรหรือผู้คนกันเสียทีแบบที่ภาพยนตร์หรือนวนิยายสร้างภาพให้กับเรา
แต่ตรงกันข้ามในระหว่างพวกเขามีการติดต่อกันทั้งทางการทูต การค้า แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมหรือแม้แต่การวิวาห์เพื่อสร้างความเกี่ยวดองระหว่างราชวงศ์
จะเรียกว่าเป็นโลกแบบ globalization ในวงจำกัดก็เป็นได้
เส้รทางการค้ายุคสำริดในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
นวัตกรรมที่เกิดขึ้นในยุคนี้และส่งผลให้การค้าขายระหว่างเมืองรุ่งเรืองก็คือการต่อเรือและใบเรือ
เรือที่ทนทะเลมากขึ้น บรรทุกสินค้าได้มากขึ้นและเดินทางได้เร็วขึ้นด้วยแรงลมช่วยย่นระยะทางและเวลาการขนส่งสินค้าได้มาก
ต่างไปโดยสิ้นเชิงจากการขนส่งสินค้าทางบกที่ระยะทางไกลกว่า จำกัดด้วยภูมิประเทศและกำลังของสัตว์ต่างที่ทั้งเคลื่อนที่ได้ช้า ทั้งยังเป็นภาระต้องหาอาหารและน้ำให้
เส้นทางการค้าทางเรือจึงเป็นเสมือนเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงเศรษฐกิจของนครรัฐและอาณาจักรในยุคนั้น
ทรอยให้บังเอิญมีที่ตั้งที่เหมาะเหม็งอยู่ตรงชัยภูมิสำคัญที่ควบคุมการเดินเรือจากทะเลอีเจียนอันเป็นที่ตั้งของรัฐกรีกโบราณ (พื้นที่สีชมพูในแผนที่) เข้าสู่ช่องแคบดาร์ดะเนลส์ออกไปสู่ทะเลมาร์มาร่า และที่ปลายด้านตะวันตกของทะเลมาร์มาร่ามีช่องแคบบอสพอรัสที่สามารถเดินเรือออกสู่ทะเลดำได้
ทะเลดำในยุคนั้นเป็นเสมือนทางด่วนที่เชื่อมการค้าระหว่างยุโรป ตะวันออกใกล้ คาบสมุทรอนาโตเลียและทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเข้าหากัน
สินค้าที่ถูกส่งออกไปจากรอบๆ ทะเลดำได้แก่ ธัญพืชที่ปลูกในแถวที่เป็นยูเครนและรัสเชียในปัจจุบัน วัตถุดิบโลหะจำพวกทองทองแดง และอำพันจากยุโรป ดีบุกจากเอเชียกลางซึ่งเดินทางทางบกมาลงเรือแถวชายฝั่งทะเลดำ
ส่วนสินค้าที่ส่งจากแถบทะเลเอเจียนและเมดิเตอร์เรเนียนเข้าไปจะเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยที่ผลิตได้ในดินแดนที่มีอารยะธรรมสูงกว่าเช่น ไวน์ น้ำมันมะกอก สิ่งทอ น้ำหอม หม้อไหถ้วยชาม อาวุธ เครื่องประดับ ฯลฯ
นึกภาพดูน่าจะใกล้เคียงกับการค้าระหว่างอยุธยากับจีน
ด้วยตำแหน่งที่ควบคุมการเข้าออกทะเลดำจากทะเลเอเจียนได้นี่เอง ทรอยจึงน่าจะกร่างพอสมควรในยุคนั้น ทำนองนักเลงคุมทางเข้าตลาด
แล้วด้วยความที่คุมตลาด เศรษฐกิจของทรอยจึงน่าจะดี เป็นนครที่โอ่อ่ารุ่งเรืองตามที่โฮเมอร์บรรยายไว้
ส่วนกรีกก็คือกลุ่มนครรัฐที่เป็นพี่ใหญ่ในแวดวงพาณิชย์นาวีแถบทะเลอีเจียน
ฉะนั้น จึงมีความเป็นไปได้สูงที่วันดีคืนร้ายนครรัฐกรีกจะรวมตัวกันยกพลไปถล่มทรอย เพื่อให้กองเรือพาณิชย์ของตนเองสามารถเข้าถึงแหล่งการค้าในทะเลดำได้โดยไม่มีนักเลงโตคอยหักหัวคิว
ส่วนเฮเลนอาจจะเป็นเพียงข้ออ้างที่กรีกใช้จุดชนวนสงครามหรืออาจจะไม่มีตัวตนจริงๆ ก็ได้
ต้องไม่ลืมว่าอีเลียดเป็นผลงานของกวีชาวกรีกที่เทอดทูนวีรบุรุษที่เป็นบรรพชน ครั้นจะบอกว่ากรีกยกทัพไม่ถล่มทรอยเพราะต้องการควบคุมเส้นทางการค้า วีรบุรุษก็จะดูไม่เป็นวีรบุรุษตามค่านิยมอันดีเท่าไร
ถึงตรงนี้เรารู้แล้วว่ามีเหตุที่คู่กรณีสองฝ่ายอาจจะทำสงครามกัน ฝ่ายหนึ่งคือกรีก อีกฝ่ายคือทรอย
แล้ว… ชาวโทรจันเป็นใคร
ทรอยตั้งอยู่ตรงทิศตะวันตกเฉียงเหนือของคาบสมุทรอนาโตเลีย พี่เบิ้มของดินแดนตรงนั้นคือฮิทไทต์ที่อยู่ถัดไปทางตะวันออก แต่ชาวโทรจันไม่ใช่ชาวฮิทไทต์
เพราะหาไม่สงครามกรุงทรอยจะกลายเป็นสงครามระหว่างมหาอำนาจสองฝ่ายที่ต้องมีบันทึกร่วมสมัยเกลื่อนแน่นอน ไม่ใช่มีแต่กรีกฝ่ายเดียว
ในบันทึกของอาณาจักรฮิทไทต์เท่าที่พบมีการกล่าวถึงอาณาจักรเล็กๆ ชื่อ วิลลูซา (Wilusa) สถานะของวิลลูซาถ้าจะเรียกแบบไทยๆ คือเป็นเมืองออกที่ต้องจ่ายภาษีหรือบรรณาการแก่ฮิทไทต์
เชื่อกันว่านี่ล่ะคือชื่อที่ชาวฮิทไทต์ใช้เรียกทรอย
ผู้คนในทรอยไม่ใช่ทั้งกรีกและฮิทไทต์ นักโบราณคดีเชื่อว่าพวกเขาพูดภาษา ลูเวียน ซึ่งเป็นหนึ่งในภาษาตระกูลอินโด-ยูโรเปี้ยนที่พูดกันในคาบสมุทรอนาโตเลีย พวกเขามีความใกล้ชิดทางวัฒนธรรมกับฮิทไทต์และวัฒนธรรมอื่นๆ ในคาบสมุทรอนาโตเลียมากกว่าวัฒนธรรมกรีก
แล้วพวกเขาก็ไม่ใช่ชาวเอเชียกลางด้วย
อีกทั้งยังไม่ปรากฏว่ามีผู้สืบเชื้อสายเป็นตัวเป็นตนในกลุ่มชาติพันธ์ใดในปัจจุบัน
เดาว่าด้วยความที่เป็นเมืองท่า ทรอยหรือวิลลูซาน่าจะมีประชากรที่มาจากหลากหลายเผ่าพันธ์หลากวัฒนธรรมอยู่กันแบบผสมปนเปโดยมีภาษาลูเวียนเป็นภาษากลางที่ใช้ในการสื่อสาร และความที่ฮิทไทต์เป็นมหาอำนาจในแถบนั้น วัฒนธรรมของชาวฮิทไทต์จึงน่าจะมีอิทธิพลมากกว่าวัฒนธรรมอื่น
ทีนี้มาถึงประเด็นหลักคือที่ตั้งหัวข้อไว้ นั่นคือเคยมีสงครามกรุงทรอยเกิดขึ้นจริงไหม
เรื่องนี้นักโบราณคดียังเถียงกันไม่จบ ประเด็นที่เถียงกันคือ
1. มีเมืองชื่อทรอยจริงๆ นะ ข้อนี้เป็นที่ยอมรับ แต่ดังที่ได้เล่าไว้ข้างต้นแล้วนั่นคือ มีเมืองชื่อทรอยหลายเมือง และยังไม่เจอเมืองไหนที่ดูเลิศหรูอลังการตามที่โฮเมอร์บรรยายไว้
ครั้นจะว่าเมืองตรงช่องแคบดาร์ดะเนลส์คือทรอยในมหากาพย์ ก็มีคนแย้งว่า ถ้าอย่างนั้นในฐานะที่กรีกเป็นพี่เอื้อยในแวดวงพาณิชย์นาวี และทรอยคือผู้คุมเส้นทางการค้าทางเรือสำคัญ การสับประยุทธ์ระหว่างสองฝ่ายควรจะมียุทธนาวีที่ยิ่งใหญ่ชนิดทะเลเดือดบันทึกไว้
แต่กรีกเล่าแต่การรบทางบกที่หน้าเมืองทรอย
กองเรือของทรอยที่ควรจะมีหายไปไหน
2. ในเมืองทรอยที่ขุดค้นกันอยู่มีซากเมืองหลายชั้นทับถมกัน ชั้น VI และชั้น VII a มีร่องรอยว่าถูกทำลาย บวกกับรอยไฟไหม้ ซึ่งน่าจะมีสาเหตุมาจากถูกศัตรูบุกรุกเข้าเผาทำลายเมือง
ข้อนี้มีคนเถียงว่า ที่ชั้นVI นั้นร่องรอยความเสียหายที่มีกับตัวอาคารน่าจะเกิดจากแรงแผ่นดินไหวมากกว่า
ส่วนชั้น VII a ร่องรอยความเสียหายสอดคล้องกับการถูกทำลายโดยข้าศึกจริง แต่เมืองนี้มันเล็กนิดเดียว ไม่ได้โอ่อ่าหรูหราอย่างที่บรรยายในอีเลียด ซึ่งก็หมายความว่าไม่ต้องรบกันจนเป็นมหากาพย์ก็คงถูกทำลายไปแล้ว
3. บันทึกร่วมสมัย อย่างน้อยก็ของฝ่ายกรีกล่ะ ข้อนี้มีคนเถียงว่า อีเลียดนั้นแต่เดิมถ่ายทอดกันมาแบบปากต่อปาก กว่าจะมีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรก็อีกหลายศตวรรษหลังเวลาที่คาดกันว่าจะเกิดสงครามกรุงทรอย ซึ่งตอนนั้นมันก็กลายเป็นนิยายอิงประวัติศาสตร์ที่มีทวยเทพและอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์เกลื่อนไปทั้งเรื่องแล้ว เชื่อได้มากน้อยแค่ไหนกัน
บันทึกของฮิทไทต์มีการกล่าวถึงวิลลูซาและความขัดแย้งกับกรีกนะ แต่ไม่ได้กล่าวถึงสงครามเต็มรูปแบบขนาดยกทัพเรือข้ามทะเลมาปิดล้อมเมืองกัน
4. ช่วงเวลาที่เกิดสงครามตามที่คาดการณ์กันใกล้เคียงกับเวลาที่อารยะธรรมยุคสำริดรอบทะเลเมดิเตอร์เรเนียนล่มสลาย ซึ่งสงครามใหญ่ที่กรุงทรอยอาจเป็นสาเหตุหนึ่งก็ได้
ข้อนี้นักโบราณคดีส่วนใหญ่มีความเห็นว่า การล่มสลายของยุคสำริดนั้นไม่ได้เกิดจากสงครามใหญ่ที่ดูดกลืนทรัพยากรของรัฐต่างๆ จนเสื่อมถอยแน่นอน แต่มีสาเหตุมาจากหลายปัจจัยที่ดันเกิดขึ้นพร้อมกันหรือเกิดต่อเนื่องกันเป็นลูกโซ่
ปัจจัยแรกคือภาวะแห้งแล้งจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งทำให้เกิดความอดอยาก ตามมาด้วยการอพยพย้ายถิ่น ซึ่งอาจจะใหญ่พอที่จะทำให้การพิพาทที่ลงเอยด้วยการรบพุ่งย่อยๆ ลามไปทั่ว
นอกจากนี้ยังมีการรุกรานจากกลุ่มคนที่เรียกว่า Sea People ซึ่งนักโบราณคดีก็ยังไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นชนกลุ่มไหน มีที่มาอย่างไร แต่ที่แน่ๆ กองเรือของคนพวกนี้ทำลายเมืองตามชายฝั่งราบเสียหลายเมือง
ซึ่งการค้าทางทะเลก็คงล่มสลายไปพร้อมๆ กัน
อีกทฤษฎีหนึ่งเสนอว่า นี่เป็นครั้งแรกที่สังคมมนุษย์มีชนชั้นที่ซับซ้อนเพื่อจัดระเบียบการอยู่ร่วมกัน เรียกว่าเป็นการลองของใหม่ก็ได้ แต่ผลการลองคือ เมื่อเกิด External shock ขึ้นด้วยเหตุปัจจัยที่กล่าวแล้วข้างต้น ระบบใหม่นี่รับมือไม่ได้ก็พังครืน
แค่นั้นเอง
สรุปคือ แนวโน้มในตอนนี้เป็นไปในทางที่เชื่อว่า นครรัฐกรีกอาจเคยมีกรณีพิพาทกับเมืองท่าแถวช่องแคบดาร์ดะเนลส์จริง อาจจะปะทะกันพอหอมปากหอมคอ แต่ไม่มีสงครามใหญ่ที่ยืดเยื้อยาวนานถึงสิบปี
อีเลียดอาจเกิดจากการร้อยเรียงการรบย่อยๆ ในอดีตหลายครั้งหลายสมรภูมิให้กลายเป็นเรื่องเดียวกันเพื่อเชิดชูวีรบุรุษเอาไว้ปลูกฝังค่านิยมที่ดีให้กับเด็กหนุ่มชาวกรีก
โฆษณา